นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ภายใต้แบรนด์ เซเว่นอีเลฟเว่น ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า แผนจากนี้ไปบริษัทฯ จะเร่งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงขยายสาขาร้านขนาดใหญ่ มีที่จอดรถ และที่นั่งรับประทานอาหารในร้านเต็มสูบ เพื่อรองรับลูกค้า และตลาดขนาดใหญ่ หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ปี 2558 นอกจากนี้ยังต้องการตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อ ที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างศึกษา และทดลองทำตลาดในสถานีบริการน้ำมันอยู่ หากได้รับการตอบรับดี ก็จะลุยเปิดสาขาขนาดใหญ่เต็มสูบทันที ปัจจุบันร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มีจำนวนสาขาเปิดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ณ เดือน พ.ย.56 ประมาณ 7,300 สาขา สิ้นปี 56 น่าจะมีถึง 7,500 สาขา ซึ่งบริษัทฯมีเป้าหมายว่าต่อปีจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 500 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมและทั่วทุกภูมิภาคมากที่สุด หลังพบว่าความต้องการของลูกค้ายังมีเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดูจากปริมาณการเข้ามาใช้บริการและซื้อสินค้าของลูกค้าต่อวันมีมากถึง 10 ล้านคน
การขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในประเทศอาเซียนคงไม่สามารถทำได้ เพราะในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีผู้ประกอบการรายเดิมทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว ส่วนกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาหาช่องทาง เพราะประเทศเหล่านี้ยังไม่เปิดเสรีทางการค้า จึงต้องดูท่าทีและศึกษาตลาด ศึกษาความต้องการของลูกค้าอีกครั้ง ก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
สิ่งที่เซเว่นอีเลฟเว่น ประเทศไทย จะทำในเวลานี้ คือ ลดการใช้ถุงพลาสติกในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้ง 7,500 สาขาทั่วประเทศ ให้เหลือวันละ 5 ล้านใบ ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มลูกค้าเริ่มให้การตอบรับแล้ว โดยนำถุงผ้ามาใส่สินค้าเอง คิดเป็น 10% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะในหลายๆ ประเทศ รวมถึงญี่ปุ่นได้มีการลดการใช้ถุงพลาสติกในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแล้ว
นายสุวิทย์กล่าวว่า ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เจแปน ถือว่าเป็นเจ้าตำรับธุรกิจค้าปลีกของเอเชีย เนื่องจากมีความโดดเด่นในการคัดเลือกสินค้าได้ตรงใจ ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เช่น ร้านในเมืองจะเป็นรูปแบบหนึ่ง ร้านชานเมือง ก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง นอกจากนี้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เจแปน แทบทุกสาขาจะมีลานจอดรถ และภายในร้านมีที่นั่งรับประทานอาหารด้วย
นอกจากนี้ ยังมีระบบเก็บสถิติข้อมูลระหว่างการจ่ายเงินของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทุกวันด้วย ทำให้ทราบว่าสินค้าประเภทใดมีความต้องการมาก และสินค้าประเภทใดมีความต้องการน้อย รวมถึงได้มีการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ตามยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา
ธุรกิจค้าปลีกที่ประเทศญี่ปุ่น ล้ำหน้ากว่าประเทศไทยถึง 10-20 ปี ส่วนสภาพสังคมพฤติกรรมผู้บริโภคมีลักษณะคล้ายคลึงกัน การปรับแผน ปรับกระบวนยุทธ์ของเซเว่นอีเลฟเว่น ประเทศไทย ที่พยายามเปลี่ยนจากร้านสะดวกซื้อทั่วไป เป็นร้านสะดวกซื้ออาหารในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ประเทศไทย พลิกสถานการณ์จากเดิม โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงถึงวันละ 60,000 บาทต่อสาขา จากเดิมวันละ 30,000 บาทต่อสาขา
ด้านนายคัตสึฮิโตะ อิเคดะ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจค้าปลีก ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีก และร้านค้าสะดวกซื้อที่ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเติบโตมากที่สุด มีร้านสะดวกซื้อมากกว่า 50,000 แห่ง จาก 8 ผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยเฉพาะร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เจแปน (SEVEN ELEVEN JAPAN) ครองแชมป์ยอดนิยมขายดีที่สุด เพราะเปิดให้บริการลูกค้ากว่า 16,000 สาขา รองลงมาเป็นร้านลอว์สัน 11,000 สาขา และร้านแฟมิลี่มาร์ท 10,000 กว่าสาขา
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าผู้ประกอบร้านค้าปลีกยอดนิยมทั้ง 3 ยี่ห้อนี้ก็ได้เปิดให้บริการในประเทศไทยด้วย และร้านค้าปลีกในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น รองลงมาก็น่าจะเป็นแฟมิลี่มาร์ท และลอว์สัน 108 โดยร้านค้าปลีกในญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้เข้ากับสังคม และพฤติกรรมการใช้สินค้าของผู้บริโภคมากที่สุด ดังนั้นเซเว่นอีเลฟเว่น เจแปน จึงปรับปรุงร้านให้เหมาะสมกับยุคสมัย ตามความต้องการของสังคม ใช้ระบบบริหารแบบลึกในแต่ละประเภทสินค้า จึงทำให้แต่ละแห่งขายสินค้าได้ตรงตามความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้าแท้จริง.