พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 
14 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
สั่งกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง "ยิ่งลักษณ์" จัดหนัก 6 มาตรการดูแลราคาสินค้า

สั่งกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง "ยิ่งลักษณ์" จัดหนัก 6 มาตรการดูแลราคาสินค้า


เวิร์กช็อปลดค่าครองชีพ “ยิ่งลักษณ์” สั่งเดินหน้า 6 มาตรการดูแลราคาสินค้าให้เกิดความเป็นธรรม พร้อมสั่ง สศช.–คลัง–ธปท. หาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี รับมือลงทุนและบริโภคชะลอตัว

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) การแก้ปัญหาราคาสินค้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในภาพรวมต้องการหารือประเด็นราคาพืชผลทางการเกษตรและราคาสินค้า เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อสินค้าในราคาที่เป็นธรรม เช่น ราคาเนื้อสุกร ต้องไล่มาตั้งแต่การเลี้ยงสุกรว่ามีต้นทุนเท่าไหร่ จนมาถึงราคาปลายทางที่นำเนื้อสุกรไปประกอบ อาหาร เพื่อให้เห็นต้นทุนที่ชัดเจนในแต่ละขั้น แยกเป็นรายสินค้า รวมไปถึงราคาต้นทุนค่าขนส่ง ที่มาจากราคาพลังงานด้วย

“สินค้าแต่ละตัวต้องดูว่ามีต้นทุนใดเป็นตัว ประกอบบ้าง เพื่อจะได้ดูราคาให้เหมาะสมแต่ละขั้น ถ้าจะไปปรับลดราคาปลายทางเพียงอย่างเดียวจะทำได้ ไม่เต็มที่ แต่ถ้าดูต้นทุนทั้งกระบวนการทั้งหมดจะเห็นภาพชัดขึ้น”

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า สถานการณ์เงินเฟ้อในภาพรวมนั้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันชะลอตัวลงและอยู่ในระดับต่ำ แต่ดัชนีราคาในบางหมวดทยอยปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยตั้งแต่เดือน ก.ย.2554 ถึงวันที่ 10 ก.ค.2556 ราคาผักสดเพิ่มขึ้น 25.8%, ผลไม้สดเพิ่มขึ้น 16.3%, อาหารบริโภคในบ้านสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 5.4%, ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 19.9%, ค่าน้ำประปาเพิ่มขึ้น 12%, ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 14.7%, ยาสูบเพิ่มขึ้น 12.8% และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 3.8%

“ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เฉลี่ยช่วง 6 เดือนแรกปีอยู่ที่ 2.7% แต่ประเด็นสำคัญ คือ แม้ปีนี้เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2%กว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาสินค้าไม่ได้ปรับขึ้น เพราะได้ขึ้นไปก่อนหน้าแล้ว”

คลอด 6 มาตรการดูแลราคาสินค้า


ทั้งนี้ หลังการประชุมนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการใน 6 ประเด็นหลักคือ 1.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดูต้นทางการผลิตว่าจะบริหารจัดการต้นทุนปัจจัยการผลิตว่าจะลดลงได้อย่างไร โดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปลาป่น และปุ๋ย 2.ให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ไปดูโครงสร้างการจัดจำหน่ายและบริหารจัดการโลจิสติกส์ เช่น การนำผักจากภาคเหนือขนส่งลงมาภาคกลางแล้ว กระจายกลับไปขายที่ภาคเหนืออีกครั้ง จะทำอย่างไรให้มีศูนย์กระจายสินค้าใกล้กับแหล่งผลิตเพิ่มขึ้น

3.ให้กระทรวงเกษตรฯ ไปดำเนินการเรื่องการกำหนดพื้นที่เศรษฐกิจการเกษตรหรือโซนนิ่ง เพื่อให้มีการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่มีน้ำน้อยไม่ควรปลูกข้าว แต่ควรปลูกอ้อยและมันสำปะหลังแทน 4.ให้กระทรวง พาณิชย์ เกษตรฯ และคลัง ไปควบคุมดูแลการ ผูกขาดตลาด เช่น การจำหน่ายปุ๋ยที่ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายเป็นรายเดียวกัน รัฐบาลอยากจะเห็นผู้ค้ารายใหม่เพื่อถ่วงดุลตลาด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จัดหาพื้นที่ของกรมธนารักษ์มาเปิดเป็นตลาดให้นำสินค้ามาขายได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่อลดต้นทุนค่าเช่าแผงลง และราคาสินค้าที่จำหน่ายให้ประชาชนจะได้ลดลงไปด้วย

5.ให้กระทรวงพลังงานดูแลการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซหุงต้ม ไม่ให้ กระทบกับราคาสินค้าโดยรวม ซึ่งกระทรวงพลังงานมีโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอยู่แล้ว และการสนับสนุนให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี รัฐบาลอยากให้เปิดเสรี โดยมีผู้ค้าก๊าซเอ็นจีวีเอกชนเพิ่มขึ้น สำหรับประเด็นที่ 6 ให้ สศช. กระทรวงคลัง และธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ติดตามสถานการณ์การลงทุนและการบริโภคที่มีแนวโน้มลดลง เพื่อหาแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีต่อไป ส่วนการจัดโครงการธงฟ้านั้น นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดใหม่ โดยให้เอกชนมาซื้อสินค้าที่มีตราสินค้าของภาครัฐ เช่น ข้าว และหมู ที่มีตรากระทรวงพาณิชย์ ในราคาที่กำหนดร่วมกัน เพื่อให้นำไปจำหน่ายกับประชาชนในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งดีกว่าโครงการธงฟ้าที่เป็นการบิดเบือนราคาตลาด

จัดประชุมทุกเดือน “ติดตามผลงาน”


ขณะที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้ดูแลราคาสินค้าในระยะยาวไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะหน้า โดยให้ดูแลอย่างรอบด้านทั้งการผลิต การขนส่ง การตลาดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้ทุกส่วนทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้า และผู้บริโภค อยู่ด้วยกันได้อย่างสมดุล โดยหลังจากหน่วยงานต่างๆ ไปทำการบ้านเสร็จแล้วจะกลับมาประชุมกันใหม่ทุกเดือนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กระทรวงพลังงานได้เสนอแนวทางดูแลราคาพลังงานเพื่อลดรายจ่ายใน 4 เรื่องคือ 1.การดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีกังวลมากที่สุด โดยจะใช้วิธีลดการเก็บเงินเข้ากองทุน ในส่วนของน้ำมัน เบนซิน ขณะที่น้ำมันดีเซลก็จะพยายามดูแลราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรตลอดปีนี้ 2.ดูแลค่าไฟฟ้าช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ ซึ่งพบว่า ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) อาจปรับขึ้น 2.8 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วย แต่กระทรวงพลังงานจะมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระเอฟที 2.8 สตางค์นี้ไปก่อน 3. คือ การดูแลประชาชนจากการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) 4. คือ การดูแลราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และนโยบายขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้น

“ยืนยันว่าการปรับแอลพีจีครัวเรือนจะไม่กระทบต่อราคาอาหาร โดยหากขยับราคาก๊าซเดือนละ 50 สต.ต่อ กก.จะกระทบต้นทุน 1.5 สต.ต่อจาน และหากปรับครบ 6 บาทต่อ กก.จะกระทบต้นทุนอาหารที่ 10 สต.ต่อจานเท่านั้น”

“เต้น” เดินตลาดไท ยันราคาลดลง


วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบภาวะราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร เช่น ผักและผลไม้ รวมทั้งราคาอาหารปรุงสุก ที่ตลาดไท อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ว่า ราคาผลผลิตทางการเกษตรส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงบ้างตามฤดูกาล เพราะเข้าสู่ฤดูฝนมักทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรออกมามากกว่าปกติ โดยราคาขายปลีกสินค้าเกษตร เช่น มะนาว ลูกละ 1-5 บาท กระเทียม ขีดละ 8-9 บาท พริกขี้หนู ขีดละ 30 บาท ส่วนราคาอาหารปรุงสำเร็จ จานละ 20-30 บาท ไข่ดาวฟองละ 5 บาท

อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าการดำเนินนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนของรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท, การปรับอัตราเงินเดือนผู้จบการศึกษาปริญญาตรี 15,000 บาท รวมถึงโครงการรับจำนำข้าว จะช่วยประครองกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ให้ลดต่ำลงไปในระดับที่เป็นอันตรายต่อภาวะเศรษฐกิจ.




Create Date : 14 กรกฎาคม 2556
Last Update : 14 กรกฎาคม 2556 2:38:05 น. 0 comments
Counter : 953 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.