'ไอแบงก์'ล่าจนท.ทุจริต ปล่อยกู้ก่อเอ็นพีแอล

ไอแบงก์ มั่นใจหนี้เอ็นพีแอลปีนี้ลดวูบ 6,000 ล้านบาท หลังตรวจสอบพบพนักงานปล่อยสินเชื่อไม่โปร่งใส พร้อมเสนอบอร์ดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ควานหาคนผิด ยันปีนี้ ไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ จะเร่งลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ลง 6,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดหนี้เอ็นพีแอลที่ระดับ 24,300 ล้านบาท หรือ 24% ของยอดสินเชื่อคงค้าง 120,000 ล้านบาท ด้วยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ และบางรายอาจจะถึงขั้นตีทรัพย์ชำระหนี้เพื่อเรียกหนี้คืนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้กระบวนการทำงานของไอแบงก์เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

“ใน จำนวนเอ็นพีแอลทั้งหมด 24,300 ล้านบาท มีลูกหนี้รายใหญ่อยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือ 80% ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นหนี้ที่เกิดจากการปล่อยกู้ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมีลูกค้าบางรายได้รับเงินสินเชื่อสูงถึง 2,000 ล้านบาททั้งๆ ที่ธนาคารแห่งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อดูแลลูกค้ารายย่อย ดังนั้นหากไอแบงก์สามารถเจรจาแก้ไขหนี้ของลูกหนี้กลุ่มได้สำเร็จ เอ็นพีแอลก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว” นายธานินทร์

นายธานินทร์ กล่าวว่า ปัญหาของเอ็นพีแอลที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงมาเกิดจาก 1. ความไม่โปร่งใสในการปล่อยสินเชื่อทำให้การประเมินหลักทรัพย์สูงเกินกว่า ความเป็นจริง 2. ปล่อยสินเชื่อโดยไม่พิจารณาสภาพคล่องของการดำเนินธุรกิจของลูกค้า และ 3. เมื่อปล่อยสินเชื่อไปแล้ว ขาดการติดตามอย่างใกล้ชิดทำให้สินเชื่อที่ปล่อยไปแล้ว ไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างถูกต้อง ทำให้สินเชื่อที่ปล่อยไปกลายเป็นเอ็นพีแอลอย่างรวดเร็ว

โดยในการ ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วันที่ 13 ก.พ. ตนจะเสนอให้บอร์ดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อจัดการกับพนักงานที่ ทำงานไม่โปร่งใส ซึ่งจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กับการเร่งรัดแก้ไขหนี้และฟื้นฟูไอแบงก์ให้คืนสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด โดยในปีนี้ ไอแบงก์จะไม่รับพนักงานเพิ่มเติมและจะไม่ปล่อยสินเชื่อมากไปกว่าปีที่แล้ว โดยจะรักษาระดับยอดสินเชื่อคงค้างไว้ที่ 120,000 ล้านบาทและเงินฝาก 120,000 ล้านบาท กล่าวคือ จะไม่ปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ แต่จะเป็นการปล่อยสินเชื่อเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมที่อยู่แล้วเท่านั้น เพื่อประคับประคองฐานะการเงินของธนาคารในช่วงที่มีการเร่งเจรจากับลูกหนี้ ที่เป็นเอ็นพีแอล

นายธานินทร์ กล่าวว่า การประเมินหลักทรัพย์ที่สูงเกินกว่าเป็นความจริง ทำให้ไอแบงก์เกิดความเสียหาย และยังทำให้คุณภาพของสินเชื่อด้อยลง หากมีการประเมินราคาที่ดินให้เป็นปัจจุบันและถูกต้องตามหลักวิชาชีพ จึงทำให้เกิดมีกระแสข่าวว่า ไอแบงก์มีเอ็นพีแอลสูงถึง 39,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของยอดสินเชื่อคงค้าง ถือว่า เป็นตัวเลขที่ถูกต้อง เพราะการทำคำนวณดังกล่าว เป็นการคำนวณตามหลักวิชาทางบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่หากไอแบงก์สามารถเร่งเจรจาแก้ไขหนี้ในช่วงนี้ได้เร็วๆ ตัวเลขเอ็นพีแอลก็จะไม่สูงถึง 39,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

สำหรับแผน งานในอนาคต ได้วางยุทธศาสตร์ให้ไอแบงก์เป็นธนาคารเพื่อรายย่อย และให้บริการอย่างถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม โดยในปีนี้ ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อขนาดกลาง 14% และรายย่อย 30% ส่วนที่เหลือเป็นขนาดใหญ่ประมาณ 50% และจะค่อยๆ เพิ่มเป็นรายย่อยให้ได้มากกว่า 50% ในปี 2560 จากในอดีตที่ผ่านมา การปล่อยสินเชื่อที่เร่งตัวเพิ่มขึ้นมากของธนาคารเกิดจากการปล่อยสินเชื่อ รายใหญ่เกือบ 70% ขณะที่ไอแบงก์ มีการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้นับถือศาสนาอิสลามได้เพียง 3% จึงไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธนาคาร และลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 90% กระจุกตัวอยู่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งถือว่าล้มเหลว โดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน ไอแบงก์มีสำนักงานสาขา 10 แห่ง แต่มีบัญชีลูกค้าที่นับถือศาสนาอิสลามเพียง 20,000 ราย จากประชากร 18 ล้านคน ซึ่งถือว่า ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

ส่วนเรื่องการเพิ่มทุน นั้น จะมีการหารือกับกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิด เพราะไอแบงก์ต้องการเพิ่มทุนอีก 13,000 ล้านบาท จากทุนปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมด 4,500 ล้านบาท และมีกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ระดับ 4% ไม่ได้ติดลบอย่างเป็นที่เป็นกระแสข่าว สำหรับการพิจารณาเรื่องการเพิ่มทุนของกระทรวงการคลังจะขึ้นอยู่กับการแก้ไข เอ็นพีแอลของธนาคารในอนาคตด้วย.

• ข่าวการศึกษา
• ข่าวการเมือง
• ข่าวกีฬา
• ข่าวดาราบันเทิง
• ข่าวต่างประเทศ
• ข่าวพระเครื่อง
• ข่าวยานยนต์
• ข่าวศาสนา
• ข่าวสังคม สตรี
• ข่าวเศรษฐกิจ
• ข่าวไอที ข่าวเทคโนโลยี
• อาหารเจ
• เทียนหอม

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2556 20:35:45 น.		0 comments
Counter : 1706 Pageviews.
Share Tweet