ผู้ว่าการ รฟท. ลุยตรวจสอบเอกสารหลัง "ชูวิทย์"​ ปูดเหล็กรางรถไฟไม่ได้มาตรฐาน เผยเบื้องต้นเอกสารสัญญาลงนามในสมัยรัฐบาล ปชป. พร้อมแจงเหตุรถไฟตกรางกลางดึกคืนวานนี้เป็นรถบรรทุกไม้หมอนในเส้นทางสายเหนือที่ปิดซ่อม...

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผย “ไทยรัฐออนไลน์”​ว่า  จากกรณีรถไฟขบวน 1232 เที่ยว 1 พห.15176 ตกราง 1 เพลา 2 ล้อหน้า ที่ สทล. 514/13 เมื่อเวลา 23.58 น. วานนี้ (19 ก.ย.56) ระหว่างสถานีห้วยไร่ และสถานีปางต้นผึ้ง ซึ่งอยู่ใน ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ โดยขบวนรถที่เกิดเหตุเป็นขบวนรถบรรทุกไม้หมอน ซึ่งการรถไฟฯ ไม่ได้นำมาใช้แล้ว แต่ผู้รับเหมาซ่อมทางขอนำมาใช้ในการบรรทุกไม้หมอนรถไฟ บริเวณช่วงเส้นทางเดินรถไฟสายเหนือที่อยู่ระหว่างปิดซ่อมเส้นทางชั่วคราว 

ทั้งนี้ เหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากขบวนรถบรรทุกไม้หมอนขบวนดังกล่าวกำลังทำงานในพื้นที่ โดยลำเลียงไม้หมอนลงทั้งหมดแล้ว และนำรถกลับโดยวิ่งตามเส้นทางรถไฟซึ่งเป็นภูเขา เมื่อเบรกจึงเกิดแรงกระแทกและยกตัวขึ้น เพราะรถมีน้ำหนักเบา 2 เพลาหน้าจึงตกราง ซึ่งขณะนี้ได้ทำการกู้เรียกร้อยแล้ว และไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถไฟสายเหนือแต่อย่างใด เพราะอยู่ในเส้นทางที่การรถไฟฯ อยู่ระหว่างปิดให้บริการเดินรถชั่วคราว เพื่อซ่อมแซม

“การรถไฟฯ ยืนยันว่า ขบวนรถบรรทุกไม้หมอนที่ตกรางกลางดึกเมื่อคืน เป็นขบวนรถที่การรถไฟฯ ไม่ได้นำมาใช้แล้ว เพราะเป็นรถเก่า แต่ผู้รับเหมาขอนำมาใช้บรรทุกไม้หมอนเพื่อทำการซ่อมรางในช่วงเส้นทางรถไฟสายเหนือ” ผู้ว่าการ รฟท.กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ว่าการ รฟท.ยังกล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าวสาเหตุที่ทำให้รถไฟตกรางบ่อยๆ ว่าเกิดจากรางเหล็กที่นำมาใช้ทำรางรถไฟไม่ได้มาตรฐาน ว่า ได้รับมอบหมายจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้นำเอกสารดังกล่าวที่ได้รับมอบจากหัวหน้าพรรครักประเทศไทยมาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นเอกสารสัญญาฉบับดังกล่าว ลงนามในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยตนจะตรวจสอบเอกสารดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง และแล็บทดสอบที่ปรากฏในภาพก็ยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน และเป็นของใคร ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยในความเห็นส่วนตัวผู้รับเหมาเองก็ควรตรวจสอบก่อนนำไปใช้งานจริง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต.