รมว.พลังงาน ย้ำ น้ำมันรั่วเกาะเสม็ดไม่เกิน 50,000 ลิตร เร่งสรุปค่าเสียหายเยียวยากลุ่มโรงแรมก่อน ให้ PTTGC จ่ายทันที ไม่ต้องรอเงินประกัน...

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงงาน กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จะหารือร่วมกับกลุ่มชาวบ้านอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทุ่นรับน้ำมันดิบของ PTTGC รั่วไหลกลางทะเล เพื่อประเมินค่าเสียที่เกิดขึ้น โดยจะเป็นการประเมินตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะให้คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธาน เข้ามาเป็นคนกลางประสาน ระหว่าง PTTGC กับกลุ่มชาวบ้าน เพื่อพิจารณาค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม และให้ PTTGC จ่ายเงินเยียวยาค่าเสียในทันที โดยไม่ต้องรอเงินจากบริษัทประกัน

ทั้งนี้ กลุ่มที่จะได้รับเงินเยียวยา เป็นกลุ่มแรกคือ กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมในเกาะเสม็ดที่ได้รับความเสียหายโดยตรง และคำนวณค่าเสียหายได้ง่ายที่สุด ส่วนกลุ่มชาวประมงและผู้ได้รับผลกระทบทางอ้อมอื่นๆ จะต้องยื่นเรื่องให้คณะกรรมการเยียวยาพิจารณาค่าเสียหายต่อไป ทางด้านหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาช่วยปฏิบัติภารกิจขจัดคราบน้ำมันในครั้งนี้ เช่น กองทัพเรือที่เป็นหัวหอกในการขจัดคราบน้ำมัน รวมทั้งหน่วยงานอื่น เช่น กรมเจ้าท่า หน่วยงานควบคุมมลพิษ เป็นต้น PTTGC จะต้องเข้าไปชำระเงินค่าดำเนินการและค่าเบี้ยเลี้ยงที่เกิดขึ้นทันที 

ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับผลสรุปเบื้องต้นจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุน้ำมันรั่วไหลลงทะเล ที่มีคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต กรรมการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นประธาน นอกจากนี้ กองพิสูจน์หลักฐานยังได้เข้าไปตรวจสอบท่อรับน้ำมันดิบที่เสียหาย ซึ่งหากพบว่าท่อเสียหายจากภายนอก ก็มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ แต่หากเสียหายจากด้านในท่อ น่าจะมาจากอุปกรณ์ที่ชำรุด หรืออุบัติเหตุ ซึ่งท่อส่งน้ำมันที่รั่วนี้เป็นท่อยางที่เสริมความแข็งแรงด้วยเส้นใยเหล็ก และขวดลวดเหล็ก หุ้มภายนอกด้วยโฟมเพื่อให้ลอยน้ำ โดยบริษัทผู้ผลิตท่อดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจะเข้าร่วมการตรวจสอบด้วย

สำหรับข้อสังเกตของหลายฝ่าย ที่มองว่าน้ำมันที่รั่วไหลน่าจะมีปริมาณมากกว่า 50,000 ลิตรนั้น นายพงษ์ศักดิ์ ยืนยันว่า เมื่อเกิดเหตุ แรงดันของน้ำมันตกลงจากการรั่วไหลวาล์วปิดปากท่อทั้ง 2 ด้านได้ปิดลงอัตโนมัติทันที ทำให้มีปริมาณค้างท่อจำนวน 35,000 ลิตร ไหลลงสู่ทะเล ซึ่งคำนวณจากขนาดท่อที่มีความกว้าง 16 นิ้ว ยาว 270 เมตร และมีน้ำมันไหลเพิ่มเติมอีก 10,000 ลิตร จากแรงดันภายในท่อ ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่เกินจากตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ 50,000 ลิตร

“การที่หลายฝ่ายมองว่าน่าจะมีน้ำมันมากกว่านี้ โดยคำนวณมาจากสารเคมีสลายคราบน้ำมัน ที่ใช้ไปกว่า 33,000 ลิตร ซึ่งสามารถสลายคราบน้ำมันได้กว่า 180,000 ลิตร แต่ในความเป็นจริง สาเหตุที่ต้องใช้สารเคมีจำนวนมาก เพราะทะเลมีคลื่นลมแรง คราบน้ำมันกระจายตัวเป็นวงกว้าง รวมทั้งการใช้เครื่องบินมาโปรยสารเคมี ทำให้ต้องใช้ปริมาณมากกว่าปกติ ซึ่งไม่ได้หมายว่า น้ำมันที่รั่วไหลจะมากตามที่กล่าวอ้าง” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว.