ไทยใช้ไวไฟฟรีสิ้นสิงหา คลุม1แสนจุดทั่วประเทศ
ไทยใช้ไวไฟฟรีสิ้นสิงหา คลุม1แสนจุดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ? รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ได้กล่าวในของรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนถึงรายละเอียดของการจัดงานBangkok International ICT Expo2012? ภายใต้แนวคิด Smart Thailand Toward AECหรือไอซีทีก้าวล้ำ นำสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนระหว่างวันที่3-6สิงหาคม 2555เพื่อระลึกถึงว่าวันที่4 ส.ค.ของทุกปีที่เป็นวันการสื่อสารแห่งชาติ โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่าจัดขึ้นรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานซึ่งในเรื่องของไอซีทีมีความแตกต่างในเรื่องของการเข้าถึงโดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถเข้าถึงไอซีทีของประเทศ โดยเปรียบเสมือนเป็นบริการพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ เรื่องไอซีทีเปรียบเสหมือนเส้นทางคมนาคมที่เป็นทางหลวงอิเลคทรอนิกส์ที่วันนี้ยังไม่ไปถึงในพื้นที่ชนบทแต่ไม่เกินปี2558จะสามารถให้ประชาชนส่งข้อมูลบนทางหลวงอิเลคทรอนิกส์ได้ เราได้มีการตั้งเป้าหมายว่าในปี2560ประเทศไทยจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมทั้งประเทศ ประชาชนเข้าถึงไอซีทีได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียมและราคายุติธรรมภายหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายให้แต่ละหน่วยงานที่เพิ่มโครงข่ายน็ตเวิร์ค ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 30เปอร์เซ็นต์ และในปี 2558จะเข้าถึงประมาณ80เปอร์เซ็นต์ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายจะมีการจัดหาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในที่สาธารณะโดยจะเปิดบริการฟรีไวไฟในพื้นที่สาธารณะครอบคลุม77จังหวัดทั่วประเทศและมีความเร็ว2เมกะบตเปอร์เซ็กกั้นซึ่งจากการทดลอง ความเร็วนี้มีความเหมาะสมที่สามารถทำให้ประชาชนใช้ในเรื่องที่จำเป็นได้โดยผู้ใช้สามารถลงทะเบียนขอใช้ได้ทีไอซีที ฟรีไวไฟซึ่งต้องผู้ใช้ต้องลงทะเบียนโดยใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนมาลงทะเบียนโดยจะใช้ได้ครั้งละ20นาที ทั้งนี้ ภายในเดือนส.ค.จะมีจุดที่บริการฟรีไวไฟ 100,000จุดและคาดว่าไม่เกินไตรมาสที่1 และไตรมาสที่ 2ของปี2556จะมีการให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีไวไฟไม่ต่ำกว่า250,000จุดซึ่งเรื่องนี้จะเป็นการเพิ่มดัชนีความพร้อมของประเทศก่อนที่จะมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลประชาชนในยามที่ประสบภัยพิบัติโดยจะมีระบบรับข้อมูลที่หน่วยงานต่างๆของราชการ ส่งมารวมกันที่ศูนย์เตือนภัยภัยพิบัติแห่งชาติและจะมีการวิเคราะห์ข้อมูลและกระจายข้อมูลต่างๆไปที่ภาครัฐและส่งข้อมูลไปยังประชาชนโดยได้มีการเตรียมเครือข่ายระบบสำรองในกรณีที่เครือข่ายหลักล่มด้วยทั้งระบบดาวเทียม วิทยุสื่อสารและรถดาวเทียมพร้อมจะสร้างเครือข่ายแจ้งเตือนภัย ลงพื้นที่ให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย20จังหวัดทั่วประเทศรวมถึงระบบเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำที่รวบรวมข้อมูลปริมาณน้ำฝนพายุฤดูร้อนในพื้นที่ต่างๆ
Create Date : 05 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 5 สิงหาคม 2555 14:04:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2199 Pageviews. |
|
|