วรภัค ธันยาวงษ์ เอ็มดีแบงก์กรุงไทย ฟันธงต่างชาติติดเบรกขนเงินกลับ ชี้เศรษฐกิจทั่วโลกยังมีปัญหา ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังแกร่ง อัตราผลตอบแทนการลงทุนยังยั่วใจ แนะนักลงทุนไทยช้อนหุ้นพื้นฐานดีปันผลสูงเก็บเข้าพอร์ตหลังเจอแรงเทขายกดดัชนีตลาดดิ่งลึก
นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การไหลออกของเงินลงทุน ที่นักลงทุนต่างประเทศนำเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเริ่มมีเสถียรภาพ และเงินลงทุนไหลออกจากประเทศไทยเกิดจากปัจจัยเดียวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด
ชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE และเลิก QE ปลายปี 2557
เมื่อเงินลงทุนไหลออกไประยะหนึ่ง นักลงทุนต่างชาติก็ต้องมาพิจารณาเรื่องของผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งประเทศไทยเศรษฐกิจโดยรวมยังดีอยู่ มีฐานการเงินที่แข็งแกร่ง การพึ่งพาเงินลงทุนยังมาจากเงินในประเทศเป็นหลัก ภาคเอกชนมีภาระหนี้น้อยมาก เศรษฐกิจยังมีอัตราการเติบโตพอสมควร จึงเชื่อว่าภาวะการไหลออกของเงินทุนต่างชาติเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว
ทั้งนี้ ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ยุโรปยังมีปัญหาเศรษฐกิจขณะที่บราซิล อินเดีย และจีน ที่เศรษฐกิจร้อนแรงปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว
ขณะที่เอเชียเศรษฐกิจยังดีอยู่ ส่งผลให้เงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียนและประเทศไทยที่มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี โดยต่างชาติได้นำเงินมาลงทุนในตลาดพันธบัตร 870,000 ล้านบาท และในช่วงที่เงินไหลออก มียอดการขายพันธบัตรไปแล้ว 90,000 ล้านบาท ยังคงเหลือเงินลงทุนในพันธบัตร 780,000 ล้านบาท
ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์เงินทุนต่างชาติไหลออก เมื่อถึงจุดหนึ่งนักลงทุนต่างชาติจะพิจารณาในเรื่องของผลตอบแทนเป็นหลัก ซึ่งอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของประเทศไทย ยังสูงกว่าการนำเงินไปลงทุนในสหรัฐฯ ดังนั้นเงินลงทุนของต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย จะหยุดการไหลออก
ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท นายวรภัค กล่าวว่า จะทรงอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และเชื่อว่าเงินบาทของไทยไม่อ่อนค่าไปมากกว่านี้ กรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ 29-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯและค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการทั้งนำเข้าและส่งออกสินค้าไม่ควรเข้าไปเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม มีอัตรากำไรตามที่ผู้ต้องการแล้วต้องซื้อประกันเพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทันที
ในช่วงที่ค่าเงินบาทผันผวน ธนาคารได้แนะนำให้ลูกค้าปิดความเสี่ยง พร้อมสนับสนุนวงเงินให้ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกซื้อประกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าลูกค้าของธนาคารมียอดการซื้อประกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% ไม่มีใครรู้จริงว่าค่าเงินบาทจะปรับขึ้น หรือปรับลงไปอยู่อัตราที่เท่าไหร่ ผมจึงให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารแนะนำลูกค้าอย่าเก็งกำไรค่าเงินบาท และเมื่อค่าเงินบาท ต้นทุนการผลิต และเมื่อมีกำไรที่ต้องการให้ปิดความเสี่ยงค่าเงินบาททันที
สำหรับแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ จนดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับลดลงอย่างมากนั้น นายวรภัค กล่าวว่า เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยคงไม่ปรับลดลงไปมากกว่านี้ ดัชนีในปัจจุบันเหมาะสมกับการลงทุน โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้น ฐานดีและการจ่ายเงินปัน ผลรองรับ และราคาหลักทรัพย์หลายตัวระดับราคาปรับลดลงมา จนน่าเข้าไปลงทุน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวอีกว่า ภาคธุรกิจที่มีปัญหาในปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารทะเล ซึ่งกุ้งกำลังมีปัญหาเรื่องของโรคระบาด ส่วนอุตสาหกรรมสิ่งทอรายเล็กๆ ได้ปิดตัวไปเกือบหมดแล้ว เหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ได้มีการปรับตัว มีการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุนในการผลิต ขณะที่อุตสาหกรรมเกษตรส่งออกในปัจจุบัน ถือว่าไปได้ดี ไม่ว่าจะเป็นมันสำปะหลัง ยางพารา และข้าว ขณะที่ค่าเงินบาทที่ได้อ่อนตัวลงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกดีขึ้น
ในด้านการขอสนับสนุนสินเชื่อของธนาคารให้กับผู้ประกอบการนั้นในช่วง 5 เดือนแรกยอดสินเชื่อยังขยายตัวเป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ในปีนี้สินเชื่อจะขยายตัว 1.5 เท่าของจีดีพี ซึ่งเมื่อจีดีพีขยายตัว 5% ยอดสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น 7.5% โดยปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ 40% ลูกค้ารายย่อย 30% ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) 20% และสินเชื่อภาครัฐ 10% โดยธนาคารต้องการเน้นสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อย โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเป็น 60% ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อภาครัฐจะลดลงเหลือ 40%