ภาครัฐจับตาพลังงานแสงอาทิตย์ โวลาร์ฟาร์ม กลุ่มบริษัทในไทย สดใส ทำเงินเข้าประเทศ ผู้บริหาร SPCG เชื่อธุรกิจประเภทนี้ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้ พร้อมแจงนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กำไรพุ่ง 415 ล้านบาท โตถึง 249 % ...

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. จากกรณีที่รัฐบาล มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งบนหลังคาประเภทที่อยู่อาศัย และอาคาร โดยมีการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับซื้อ ตามนโยบายให้การส่งเสริมการในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสนใจเข้าร่วม

น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจีจำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวในงาน OPPORTUNITY DAY ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงความสำเร็จของการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มของกลุ่มบริษัท SPCG ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายรวมในงวด 9 เดือนของปีนี้ทั้งสิ้นถึง 1,697 ล้านบาท สูงขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 117 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสูงถึง 415 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 249

"ผลสำเร็จต่าง ๆ เนื่องจาก ให้สำคัญกับนโยบายรัฐ ที่เห็นความสำคัญของโซลาร์ฟาร์ม และบริษัทสามารถเริ่ม ทำการเชื่อมโยงจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้แล้ว (Commercial Operation Date : COD) จนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 รวมทั้งสิ้น 22 โครงการ จนมีกำลังการผลิตไฟฟ้าส่งเข้าระบบจำหน่ายประมาณ 150 เมกะวัตต์ โดยเมื่อบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ และควบคุมต้นทุนโครงการได้ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็จะส่งผลให้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าร้อยละ 70 และอัตรากำไรสุทธิประมาณร้อยละ 50 ปัจจุบันโครงการที่เหลืออีก 7 โครงการ" น.ส.วันดี กล่าว

น.ส.วันดี ยังกล่าวว่า รวมรัฐบาลเห็นความสำคัญของหน่วยงานเอกชน ที่ต้องการขยายไปยังต่างประเทศ และได้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 และอยู่ระหว่างรอกำหนดวันที่จะเริ่ม COD ส่วนอีก 6 โครงการสุดท้ายอยู่ระหว่างการก่อสร้างขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 50-80 จึงมั่นใจว่าจะเสร็จสิ้นการก่อสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากทำการก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบ 36 โครงการ บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้ารวมประมาณปีละไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท จากกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 260 เมกะวัตต์

"การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องไปยังธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) โดยดำเนินการผ่านบริษัทในเครือ คือ บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR อีกทั้งการรุกไปยังธุรกิจพัฒนาโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศผ่านบริษัทในเครืออีกแห่งหนึ่ง คือ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ SPE โดยมีพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญ คือ บริษัท เคียวเซร่า จากประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมทุนและพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ ด้วย โดยยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะผลิตพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และร่วมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานอย่างยั่งยืน โดยได้ยึดตามนโยบายภาครัฐ และการไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงให้ประเทศไทยด้วย" น.ส.วันดี กล่าว.