คลังฟุ้งยอดขอเงินคืนโครงการรถยนต์คันแรกแล้ว 3 แสนคัน จ่อของบกลางเพิ่มอีก 1.1 หมื่นล้าน ด้านกรมสรรพสามิตเตรียมวางแผนรับมือคาด 2 เดือนสุดท้าย ก่อนปิดโครงการจะมียอดขอคืนอีกเพียบ
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยถึงยอดการขอเงินคืนในโครงการรถคันแรกของรัฐบาลว่า ล่าสุดมีผู้ซื้อรถยนต์ในโครงการนี้ ขอคืนเงินมาแล้วจำนวนกว่า 300,000 ราย หรือกว่า 300,000 คัน เป็นเงินคืนประมาณ 29,000 ล้านบาท คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีผู้ซื้อรถยนต์และขอคืนเงินตามเป้าหมายหรือประมาณ 500,000 คัน
ทั้งนี้ ในจำนวนนี้ มียอดขอเงินคืนที่กระทรวงการคลังต้องจ่ายตามเงื่อนไขประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้เตรียมเงินงบประมาณไว้เพื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยระยะแรกเป็นเงินงบประมาณในปี 56 จำนวน 7,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 11,000 ล้านบาท ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้เสนอของบกลางปี 56 เรียบร้อยแล้ว
กรมบัญชีกลางได้ทยอยคืนเงินแก่ผู้ซื้อรถยนต์ในโครงการนี้แล้ว โดยหากนับงวดวันที่ 5 พ.ย.นี้ จะมีเงินคืนรวม 849 ล้านบาท หรือมีจำนวนรถยนต์ที่ขอคืนประมาณ 11,000 คัน
นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อให้การจ่ายเงินคืนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทางกระทรวงการคลังจะกำหนดให้การจ่ายเงินคืนเป็น 1 ครั้ง ต่อเดือน จากเดิม 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากมีช่วงเวลาในการตรวจสอบข้อมูลของผู้ขอคืนเงินไม่เพียงพอ ทำให้การขอคืนเงินอาจมีความล่าช้า ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงกำหนดให้มีการจ่ายเงินเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน โดยจะเริ่มได้ตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นไป
ที่ผ่านมาอาจติดขัดเรื่องการขอคืนเงินบ้าง ซึ่งเป็นเพราะข้อมูลของผู้ซื้อนั้นไม่ครบถ้วน หรือข้อมูลไม่ตรงกันบ้าง ทางกระทรวงการคลังก็เห็นว่า ควรจะมีเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ก่อนที่จะจ่ายเงินออกไป จึงขอให้มีการจ่ายเงินเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน โดยจะเริ่มได้ตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นไป
ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สรรพสามิตพื้นที่เตรียมพร้อมที่จะให้บริการแก่ผู้ขอคืนเงินในโครงการดังกล่าว โดยประเมินว่า ระยะ 2 เดือนก่อนสิ้นสุดโครงการนี้ จะมีผู้ที่มายื่นขอคืนเงินในโครงการนี้จำนวนมาก
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) กรมสรรพสามิตได้จัดสัมมนาเพื่อซักซ้อมความเข้าใจระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การให้บริการแก่ผู้ขอคืนเงินในโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ได้สั่งการไปยังสรรพสามิตทุกพื้นที่ว่า จะต้องให้บริการอย่างเต็มที่แก่ประชาชนที่มาขอคืนเงินในโครงการนี้ โดยกรณีที่มีการโอนเงินและถูกตีกลับ จะต้องมีการสื่อสารไปยังผู้ขอว่า เกิดปัญหาอะไรและต้องแก้ไขอย่างไร นอกจากนี้ กรมฯ ยังเปิด 28 ช่องบริการในการยื่นเอกสารขอคืนเงินภายในสำนักงานใหญ่กรมสรรพสามิต โดยเปิดรับผู้ขอคืนจากทั่วประเทศ ขณะเดียวกันได้สั่งการด้วยว่า ในช่วงวันหยุดสิ้นปี ทางสรรพสามิตทุกพื้นที่จะต้องเปิดให้บริการแก่ผู้ขอคืนเงินด้วย