รถร่วม ขสมก. เสนอขอยกเลิกค่าเที่ยววิ่งและหนี้ค้าง 363 ล้าน ขอเติมก๊าซฟรีแลกกับไม่ขึ้นค่าโดยสาร อ้างต้นทุนเพิ่ม
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. พลเอกพฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเอกชนร่วมบริการกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งอ้างว่าได้รับผลกระทบนโยบายรถเมล์ฟรี และผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าใช้ จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้รายได้จากค่าโดยสารไม่คุ้มกับต้นทุน จึงให้ ขสมก.ไปรวบรวมรายรายละเอียดข้อมูลเอกสารหลักฐานเพื่อเปรียบเทียบถึงผลกระทบ ที่เกิดขึ้นว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่มีนโยบายที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารอย่างแน่นอน แต่แนวทางการช่วยเหลือให้สรุปภายใน 15 วัน สำหรับ ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ คือ หนี้สินค้างชำระเงินส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสาร (ค่าเที่ยววิ่งหรือค่าขา) รวมทั้ง 363 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยประมาณคันละกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการรถร่วม ค้างชำระตั้งแต่ 1 มี.ค.2548 ถึง 30 มิ.ย.2550 จึงขอให้ ขสมก.ไปพิจารณาว่าจะให้การช่วยเหลือได้อย่างไร
รมช.คมนาคม กล่าวต่อว่า สำหรับค่าเที่ยววิ่งปัจจุบัน รถร้อนคิด 35 บาทต่อคันต่อวัน ส่วนรถปรับอากาศคิด 60 บาทต่อคันต่อวัน ทาง ขสมก.ต้องการให้มีการชำระ แต่ผู้ประกอบการขอให้มีการยกเว้นไม่จัดเก็บ เพราะอ้างว่าส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง จึงต้องไปพิจารณาในด้านกฎหมายว่า หากยกเลิกไม่จัดเก็บอาจขัดต่อกฎหมายได้ จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียด
พลเอกพฤณท์ กล่าวว่า นอกจากนี้ผู้ประกอบการรถร่วมยังได้รับผลกระทบจากการที่รถไม่ถูกกฎหมายเข้ามาวิ่งทับซ้อนเส้นทาง และยังมีโครงการถเมล์ฟรีอีกด้วย รวมทั้ง ขอให้มีการชดเชยเรื่องน้ำมันและเชื้อเพลิง จากปัจจุบัน รัฐบาลให้เงินอุดหนุนคันละ 30,000 บาทต่อเดือน แต่ผู้ประกอบการอ้างว่าไม่เพียงพอ เสนอขอให้อุดหนุนแบบไม่จำกัด ดังนั้นอาจพิจารณาขยายกรอบเพิ่มเป็น 4 5 หมื่นบาทต่อคันต่อเดือน ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงคมนาคมก็รับที่จะไปหารือกับทาง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ด้านนายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน กล่าวว่า ได้ขอให้กระทรวงคมนาคมช่วยแบ่งเบาภาระการขาดทุนของผู้ประกอบการ ซึ่ง รมว.คมนาคมรับปากจะหารือในรายละเอียดและให้คำตอบภายใน 15 วันจากนี้ ในเบื้องต้นได้เสนอขอยกเลิกการจัดเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสาร (เที่ยววิ่ง หรือค่าขา)ที่ 2 สมาคม ได้แก่ สมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน สมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำ ค้างชำระ ขสมก. รวม 363 ล้านบาท และยกเลิกการจัดเก็บค่าเที่ยววิ่งด้วย
นายวิทยา กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อปี 2548 ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นและรัฐมนตรีในขณะนั้นขอให้ผู้ประกอบรถร่วม ขสมก.ไม่ปรับค่าโดยสาร โดยระบุว่าจะไม่เก็บค่าเที่ยววิ่ง แต่ปรากฏว่าไม่มีการบันทึกในข้อตกลงทำให้ทาง ขสมก.ยังคงมีการจัดเก็บค่าเที่ยววิ่งจนกลายเป็นหนี้หนี้สะสมของรถร่วม ขสมก.เรื่อยมา ขณะเดียวกันในปี 2550 มีการปรับลดค่าขา โดยจัดเก็บรถร้อนวันละ 35 บาทต่อคัน รถปรับอากาศวันละ 60 บาทต่อคัน ซึ่งทางผู้ประกอบ การรถร่วมยังไม่มีตัวเลข จึงขอให้ ขสมก.งดจัดเก็บเงินค่าเที่ยววิ่งดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย
เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนดำเนินการเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนน้ำมันต่อลิตรพบว่า รถร้อนมีต้นทุนน้ำมันต่อลิตร 2.6 กม. รถปรับอากาศต้นทุนน้ำมันต่อลิตร 1.8 กม. ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี ปรากฏว่าต้นทุนการเดินรถเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนการใช้น้ำมัน"นายวิทยา กล่าว
ขณะที่ นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง กล่าวว่าปัจจุบันผู้ประกอบรถโดยสารประจำทางรวม 5,000 ราย ประสบภาวะขาดทุนมีภาระหนี้รวมทั้งระบบสูงถึง 600 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ปรับลดลงจากนโยบายลดเมล์ฟรี 800 คัน และภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากนโยบายปรับค่าแรงวันละ 300 บาท รวมทั้งไปถึงโครงการรถยนต์คันแรก ได้สร้างปัญหาทำให้การจราจรติดขัดจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้วย
นางภัทรวดี กล่าวอีกว่า ทางสมาคมฯขอให้รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการเติมก๊าซเอ็นจีวีฟรี เพราะมาตร การช่วยเหลือปัจจุบันให้เติมก๊าซเอ็นจีวีราคาพิเศษ ลิตรละ8.50 บาท วงเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือนเห็นว่าน้อยเกินไปไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่แต่ละคันมีต้นทุน เฉลี่ยประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน.