พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
3 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
บุกสำรวจตลาดเวียดนาม ฟันธงการค้า-ลงทุนไทยสดใส (รายงานพิเศษ มยุรี นวมมี)

บุกสำรวจตลาดเวียดนาม ฟันธงการค้า-ลงทุนไทยสดใส

รายงานพิเศษ
มยุรี นวมมี



ตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังตื่นตัวกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558



ระหว่างวันที่ 24-27 ต.ค.ที่ผ่านมา นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ว่าที่ปลัดกระทรวงการคลัง ได้นำคณะสื่อมวลชนไทยเดินทางไปเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมความรู้และศึกษาดูงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่เออีซี ณ เมืองโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม



ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ร่วมเดินทาง ในครั้งนี้ด้วย จึงถือโอกาสนำข้อมูลด้านการค้า การลงทุนและอนาคตสินค้าไทยในเวียดนามมานำเสนอให้ผู้ประกอบการไทยและผู้ที่สนใจ



ในการดูงานครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จาก น.ส.พรรณพิมล สุวรรณพงศ์ กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ให้มุมมองความสัมพันธ์ด้านการทูตและการค้าระหว่างไทยกับเวียดนามว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก เป็นไปในรูปแบบของพันธมิตร ไม่ใช่คู่แข่งอย่างที่หลายฝ่ายกังวล



ที่ผ่านมารัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้การค้าและการลงทุนสองฝ่ายภายใน 3 ปี 2555-2558 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 20% เพื่อรองรับการเข้าสู่เออีซีในปี 2558



ทางด้าน นางมาลินี หาญบุญทรง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ มองว่าเออีซีช่วยสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ ของไทย เนื่องจากกำแพงภาษีและอุปสรรคการค้าทั้งหลายจะลดลง รวมทั้งเวียดนามยังมีค่าแรงงานถูกกว่าไทย เฉลี่ยวันละ 200 บาทเท่านั้น จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการค้าไทยจะใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตสินค้า และยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปอีกด้วย โดยมีวัตถุดิบข้าว ผัก ผลไม้ และสินค้าประมงจำนวนมาก





นอกจากนี้ ยังเอื้อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรส่งออกสินค้าที่ผลิตในเวียดนามส่งออกไปจำหน่าย ยังประเทศที่ 3 โดยไม่ต้องเสียภาษี สินค้าอุปโภคและบริโภคของไทยยังมีแนวโน้มที่ดีมาก เพราะคนเวียดนามมองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ทันสมัย ที่ได้รับความนิยมมากคือ ปลากระป๋อง เครื่องหนัง เสื้อผ้าสิ่งทอ ซึ่งคนเวียดนามมองไทยเป็น ต้นแบบในการพัฒนาประเทศ ไม่ได้มองไทยเป็นคู่แข่ง



ส่วนมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนามในปี 2555 ไทยยังเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 106,915.24 ล้านบาท โดยไทยมีการส่งออก 200,274.70 ล้านบาท ขยายตัวลดลง 5.84% และการนำเข้า 93.359.46 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 50.62%



ส่วน นางศิริพร นุรักษ์ ผู้อำนวยการระดับสูง กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามรวม 315 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 6,389 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นนักลงทุนอันดับที่ 9 ของเวียดนาม



ถือว่ายังมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนได้อีกมาก เพราะปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามได้เปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจได้ 100% แต่ยังมีปัญหาข้อห้ามในการซื้อที่ดิน ขณะที่กฎหมายและกฎระเบียบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ นักลงทุนจึงต้องพร้อมปรับตัวและเรียนรู้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง จึงควรมีการลงทุนในลักษณะการร่วมทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง





ส่วนอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นต้น



ปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่ของไทยเข้าไปลงทุนใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตหลายบริษัท เช่น กลุ่มเอสซีจี ลงทุนผลิตและจำหน่าย เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง กระดาษ กลุ่มปตท. ลงทุนใน 3 ธุรกิจหลักได้แก่ ปตท.สผ. PTTPM (Polymer) และ LPG กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์ ทั้งอาหารสุกร ไก่ กุ้ง และปลา ธุรกิจฟาร์ม กลุ่มอมตะ และ Thai Hoa ลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรม



ล่าสุดกลุ่ม ปตท. อยู่ระหว่างเข้าไปลงทุนโรงงานปิโตรเคมี คาดว่าภายในปีนี้จะดำเนินการเสร็จ สิ้นซึ่งจะทำให้ ไทยกลายเป็น นักลงทุนซึ่งมีมูลค่าการลงทุนอันดับ 1 ของเวียดนามทันที



สําหรับด้าน การท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศนั้น น.ส.จุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ กล่าวว่า ททท. ทำความตกลงกับเวียดนามในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นทุกปีโดยตั้งเป้าว่าปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศที่เดินทางไปมาหาสู่กันถึง 1 ล้านคน



ล่าสุดในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) มีนักท่องเที่ยวเวียดนามเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพียง 5.2 แสนคน ยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก โดยมองว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบเวียดนาม เนื่องจากมีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนน เส้นทางการบิน ดีกว่า ทำให้ไทยสามารถดึงดูด นักท่องเที่ยวจากเวียดนามได้มากกว่า



นางรักษ์ดาว พริทชาร์ด นายกสมาคม นักธุรกิจไทยในเวียดนาม กล่าวตบท้ายว่า สินค้าอุปโภค บริโภคที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ให้กับชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องซักผ้า รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ ตู้เย็น กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวียดนาม รวมไปถึงอาหารไทย และธุรกิจความงาม ล่าสุดบริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้าไปเปิดกิจการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก



นอกจากนี้สินค้าประเภทเครื่องประดับยังมีแนวโน้มที่ดี ที่สำคัญตลาดเวียดนามยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น หรือช่วงแนะนำสินค้า เป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการจะเร่งเข้าไปทำตลาดโดยใช้ประโยชน์จากเออีซี



นับว่าเส้นทางการค้าการลงทุนและอนาคตของสินค้าไทยในเวียดนามยังสดใส



และพร้อมเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนและนักธุรกิจไทย ที่จะเข้าไปเปิดตลาดก่อนที่จะก้าวสู่เออีซีในปี 2558



Create Date : 03 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2556 2:02:45 น. 0 comments
Counter : 1157 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.