รีวิวหนังสือ "Pippi Langstrump ปิ๊ปปี้ ถุงเท้ายาว - แอสตริด ลินด์เกรน"

เรื่องราวของ "ปิ๊บปี้" เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ย้ายมาอาศัยในบ้านวิลล่า วิลเลคูลล่าตามลำพัง เพราะหลังจากที่ออกล่องเรือไปกับพ่อและเกิดพายุจนพ่อพลัดตกเรือ เธอก็เลือกที่กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้และเชื่อว่าพ่อต้องเป็นราชาชาวเกาะหลังจากที่ถูกน้ำซัดไปติดที่เกาะสักแห่งหนึ่ง ปิ๊บปี้เป็นเด็กที่ไม่เหมือนใครเธอมีผมสีแดงยาวถักเป็นเปียชี้ออกด้านข้าง ใบหน้าตกกระเต็มไปหมด ใส่ถุงเท้ายาวที่สีต่างกัน และใส่รองเท้าที่พ่อเธอซื้อให้ซึ่งมีขนาดเท่ารองเท้าผู้ใหญ่ และมีเจ้าลิงตัวหนึ่งชื่อนายนิลส์สัน และม้าซึ่งเธอแบกมาไว้ที่ระเบียงบ้าน และท่านอนที่เอาเท้าไว้ฝั่งหัวพร้อมพาดบนหมอน แล้วเอาหัวไว้ฝั่งเท้า และสภาพภายในบ้านที่รกไปหมดเพราะเธอไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหรือจัดเก็บอะไรตามผู้ใหญ่สั่งในเมื่อเธออยู่คนเดียว

ปิ๊บปี้มีเพื่อนสนิทสองคนคือ "ทอมมี่และอันนิก้า" เด็กชายและหญิงที่อยู่บ้านข้างๆ และใฝ่ฝันอยากให้มีเด็กสักคนมาอยู่ที่บ้านข้างๆที่ร้างคนมานานโดยตลอด เมื่อปิ๊บปี้ชวนเด็กๆมาเล่นที่บ้านจึงดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขาชอบมาเล่นที่บ้านปิ๊บปี้มากเพราะได้เล่นสนุกอย่างที่เคยทำมาก่อน ไม่มีผู้ใหญ่มาคอยห้าม และถึงกับได้พายเรือออกทะเล และได้ล่องเรือฮูปเปทูซซาไปยังเกาะคูร์เรคูร์เรดูทซึ่งพ่อของปิ๊บปี้เป็นราชาชาวเกาะพร้อมกับปิ๊บปี้ด้วย

ปิ๊บปี้เป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร เธอทำอะไรที่คนปกติทั่วไปไม่ทำกัน ดูห่ามๆหรือบางครั้งอาจดูไม่มีมารยาทไปบ้าง ทำตัวพิเรนท์ บ้าๆบอๆ แต่นั่นก็เพราะเธอไม่มีแม่คอยสั่งสอนเหมือนคนอื่น แม่เธอจากไปตั้งแต่เธอยังไม่รู้ความและต้องอยู่กับพ่อเพียงลำพัง ซึ่งทั้งคู่ก็มักใช้ชีวิตล่องเรือไปยังเมืองต่างๆทำให้เธอได้เรียนรู้เรื่องราวในโลกกว้าง และมีคนเรือลูกน้องพ่อคอยสอนหนังสืออยู่เหมือนกันแต่เธอไม่ได้สนใจเรียน แต่ถึงอย่างนั้นปิ๊บปี้ก็กลายเป็นที่รักของผู้คนในเมืองโดยเฉพาะเด็กๆ เพราะเธอมีน้ำใจเป็นอย่างมาก แข็งแรงยิ่งกว่าม้าเพราะสามารถแบกม้าขึ้นบ่าได้สบายๆ เธอไม่เคยเอาเปรียบใครและปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ และมักเป็นผู้ให้เช่น เหมาลูกอมในร้านค้าที่เด็กๆต่างเฝ้ามองแต่ไม่มีเงินซื้อกินไปแจกโดยใช้เหรียญทองที่พ่อของเธอเก็บไว้ให้เธอใช้จ่าย เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเธอก็ไม่ลังเลที่จะไปช่วยคนที่กำลังอยู่ในอันตรายด้วยความฉลาดและแข็งแรงของเธอพร้อมเจ้าลิงคู่ใจ

 
เป็นหนังสือที่พออ่านเล่มแรกจบรู้สึกว่าไม่โดนใจเท่าไหร่ ดูเป็นหนังสือที่เด็กเกินไปแล้วปิ๊บปี้ก็แปลกประหลาดเกิน ดูไม่มีมารยาทเท่าไหร่ แต่พออ่านเล่มสอง จนจบเล่มสามก็กลายเป็นว่าตกหลุมรักปิ๊บปี้เข้าให้แล้ว เพราะเธอเป็นเด็กที่มีน้ำใจมาก พร้อมช่วยเหลือคนอื่นและเป็นผู้ให้ด้วยความเต็มใจ หลายเรื่องที่ทำแล้วดูไม่ดีเมื่อมีใครตักเตือนเธอก็พยายามปรับปรุง แม้ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง และเป็นคนที่รักความถูกต้องเมื่อเห็นสิ่งที่ผิดเกิดขึ้นเธอจะรีบเข้าไปช่วยทันทีไม่ว่าจะเห็นคนรังแกคนที่อ่อนแอกว่าหรือแม้กระทั่งสัตว์ เธอก็จัดการด้วยวิธีของเธอจนคนๆนั้นไม่กล้าทำอีก แล้วเธอก็รักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็นรักกระบนหน้ามากๆ แล้วก็รักเพื่อนบนเกาะซึ่งมีผิวเข้มและต้องการอยากมีผิวขาวๆอย่างเธอ แต่เธอก็พูดให้พวกเขาเห็นความสวยงามของตัวเอง อ่านแล้วรู้สึกว่าปิ๊บปี้เป็นเด็กที่จิตใจงดงามมากมีอิสระในการใช้ชีวิต เป็นเด็กดี แต่ก็มีบางอย่างเช่น ปิ๊บปี้ติดชอบพูดโกหก เล่าเรื่องราวไม่จริงบ่อยๆซึ่งเพื่อนเตือนแล้วเธอก็รับฟังและพยายามไม่พูดโกหกแต่ก็บอกเพื่อนว่าเธอทำจนเป็นนิสัยไปแล้วคงต้องใช้เวลาหน่อย หรืออย่างบ้านรกๆที่เละเทะและเครื่องใช้บางอย่างก็ใช้อย่างไม่ถูกวิธี แต่เรื่องพวกนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าสมจริงดี ปิ๊บปี้ก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งและผ่านประสบการณ์ที่แตกต่างมา แล้วมันก็ทำให้เรื่องดูมีเสน่ห์ในตัวเองดี

เราก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมาะกับการอ่านให้เด็กๆฟังมาก เพราะเด็กๆจะได้เรียนรู้เรื่องราวดีๆจากปิ๊บปี้ และได้สอดแทรกสอนเรื่องการกระทำบางอย่างที่ไม่ถูกต้องที่ไม่ควรทำของปิ๊บปี้ไปในตัวได้พอดี และในเมื่อบ้านเราไม่มีเด็กก็เลยจะจัดการส่งต่อให้ห้องสมุดต่อไปค่ะ

ปล.เรื่องนี้อ่านจบตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ค้างรีวิวไว้ และอันที่จริงน้องควรได้บริจาคไปพร้อมชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ (เราได้ส่งต่อจริงๆแล้วนะตามที่เคยบอกตอนเปิดกล่องหนังสือที่ซื้อใหม่ว่าได้Boxset Harry ใหม่มาเราจะส่งต่อชุดเดิมที่เป็นรูปปราสาท และมันใจหายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะเก็บทำไมตั้งสองแบบ แต่...เราเก็บกล่องไว้นะให้แต่หนังสือ ไม่ใช่อะไรหนังสือมันแน่นมากตอนอยู่ในกล่องดึงออกมายากโคตรรรร ห่อปกพลาสติกด้วย คิดว่าในสภาพนี้ไม่นานไม่กล่องก็หนังสือต้องพังไปข้างหลังจากถูกดึงไม่กี่รอบ ก็ถือเป็นการดีได้เก็บกล่องไว้เป็นที่ระลึกพอดี เพราะนั่นมันหนังสือชุดแรกที่เราซื้อให้ตัวเองในวันเกิดเลยนะ แถมแบกข้ามสะพานลอยตั้งสองที่ ขึ้นรถเมล์ต่อวินแล้วเดินแบกเข้าบ้านอย่างทุลักทุเลด้วย21)  แต่เราดันลืมใส่ปิ๊บปี้ลงไปด้วย อุตส่าห์รีบเอามาอ่านจะได้ส่งไปรอบนั้น เดี๋ยวส่งไปเป็นของขวัญปีใหม่ไทยละกัน และสุดท้ายนี้สวัสดีปีใหม่ค่ะ (ได้อยู่นะ ยังเดือนมกราอยู่แม้จะสิ้นเดือนพอดี9)


 



Create Date : 31 มกราคม 2566
Last Update : 31 มกราคม 2566 15:08:04 น.
Counter : 449 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด