รีวิวหนังสือ "The farthest shore สุดขอบมหาสมุทร - Ursula K. Le Guin"

 
การเดินทางผจญภัยอีกครั้งของ เก๊ด สแปร์โรว์ฮอร์ก พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอิร์ธซี  หลังจากที่ได้ข่าวว่าเวทมนต์แห่งอาณาจักรกำลังเสื่อมสูญไป เหล่าพ่อมดและนักเวทกำลังสูญเสียพลังที่เคยมี เขาจึงต้องออกเดินทางเพื่อหาสาเหตุ และนำเวทมนต์กลับมายังเอิร์ธซีอีกครั้ง โดยที่เขาเลือกผู้เดินทางติดตามไปด้วยคือ อาร์เรน โอรสของเจ้าผู้ครองแคว้นเอนแลดและหมู่เกาะเอนแลดส์ และยังเป็นผู้สืบทอดแคว้นเจ้าแห่งมอร์เรด ซึ่งเดินทางมาหาเก๊ดเพื่อแจ้งข่าวเรื่องเวทมต์ที่เสื่อมถอยไปตามคำสั่งของพ่อเขา เพราะเขาสามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะขอความช่วยเหลือจากเกาะแห่งผู้เรืองปัญญาในเรื่องนี้ หรือหยิบยื่นความช่วยเหลือจากเอนแลดให้พวกเขา

เก๊ด เลือกอาร์เรนแทนที่จะเป็นเหล่าคณาจารย์ที่เก่งกาจจากเกรทเฮาส์แห่งโร้ค เพราะเขาคือเจ้าชายผู้สืบเชื้อสายแห่งมอร์เรด และเซอร์เรียดท์ผู้ยิ่งใหญ่ที่นอกจากจะเป็นผู้ที่มีพลังมากแล้ว เขายังเป็นกษัตริย์ในแฮฟเนอร์ เมื่อเขาจากไปก็ไร้ซึ่งกษัตริย์แห่งเอิร์ธซีมาอย่างยาวนาน หอคอยแห่งกษัตริย์ไร้ซึ่งคนมาครองบัลลังก์ยาวนานกว่าแปดร้อยปี แม้จะสามารถจะกอบกู้อักษรรูนที่สูญหายกลับมาได้ก็ตาม และเพราะเก๊ด จอมเวทผู้พิทักษ์แห่งเกาะโร้คมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งสมกับตาเหยี่ยวเขาจึงรู้ว่าไม่มีเรื่องบังเอิญใดที่ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้เดินทางมายังเกาะโร้คที่อยู่ห่างไกลจากเอนแลดโดยบังเอิญ และยังบอกว่าเขาคือคนที่เข้มแข็งและคือบุคคลแห่งพรหมลิขิต อาร์เรนจึงตัดสินใจไปกับจอมเวทด้วยความเป็นสุขใจ
 
และพวกเขาก็เดินทางไปยังเกาะต่างๆ มุ่งไปหาเหล่าบรรดาผู้วิเศษและเสาะหาต้นเหตุของเรื่องและพบว่าแต่ละเกาะที่ไปเกิดความวุ่นวายมากมาย ผู้วิเศษหมดความสามารถในการร่ายเวท หรือลืมคาถา ความหมายของคำที่เอ่ยออกมา พวกเขาบางคนก็พาทั้งคู่ไปยังดินแดนไร้แสง ที่พวกเขาได้ไปมาและทำให้อาร์เรนเกือบแย่ เพราะอาร์เรนต้องการปกป้องจอมเวทจึงเลือกที่จะดึงความสนใจไปจากเหล่าคนไม่ดีขณะที่จอมเวทหมดสติและเขาฟื้นขึ้นมาได้ก่อน แต่สุดท้ายเขากลับถูกจับตัวไปไว้กับเรือค้าทาสก่อนที่จอมเวทจะตามมาช่วยเขาไว้ได้

การเดินทางของพวกเขาเป็นไปอย่างยากลำบาก และเสบียงลดน้อยถอยลงทุกวัน อาร์เรนค่อยๆคลายความเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างแรงกล้าเมื่อครั้งที่ได้พบกับจอมเวทลง หลังจากที่เขาได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่างและไม่เข้าใจสิ่งที่จอมเวททำ จนกระทั่งวันหนึ่งที่จอมเวทได้แสดงพลังให้เขาได้ดูในวันที่จำเป็นต้องใช้เมื่อจู่ๆชาวแพที่ได้ช่วยเหลือพวกเขาและได้ไปพักด้วยระหว่างที่จอมเวทบาดเจ็บหนักจู่ๆก็หลงลืมบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาร้องไปกลางคัน พวกเขาจึงออกเดินทางตามหาราชาแห่งเงามืดกันต่อทันที ซึ่งในขณะนั้นเวทมนต์ในเกาะโร้คเองก็เสื่อมถอยลงเช่นเดียวกันแม้ว่าจะมีกำแพงคุ้มกันที่แน่นหนา และคณสาจารย์ที่เก่งกาจเพียงใดก็ตาม 

 

เป็นหนังสือที่สนุกและแฝงปรัชญาในการใช้ชีวิตเหมือนเล่มก่อนๆ ด้วยความที่นักเขียนย้ำเรื่องการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นปกติที่หลีกหนีไม่ได้ไม่ว่าใครทั้งนั้นเพื่อความสมจริง เก๊ด พระเอกที่ดูเท่มากในเล่มแรกของเรา เล่มนี้คือแก่ลงเยอะ ดูเป็นลุงแก่ๆ มีแผลเป็นที่แก้มขวาและดูไม่ต่างกับคนธรรมดาทั่วไปในสายตาของอาร์เรนตอนที่ทั้งคู่ได้เดินทางด้วยกัน เป็นแฟนตาซีแบบปรัชญาที่อยากอ่านซ้ำอีกรอบ ไม่ใช่ว่าสนุกมากจนอยากอ่านอีกรอบขนาดนั้น แต่เพราะเราดันลืมเรื่องของเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะสองที่จำได้ว่าไม่อินเท่าไหร่ไปเยอะมาก แต่ที่จำได้คืออาจารย์ของเก๊ดที่เราชอบมาก แล้วก็การเดินทางของเก๊ดในเล่มหนึ่งที่ดูน่าตื่นเต้น พอมาเล่มนี้เขาแก่ลงดูเอื่อยๆเลยเศร้านิดหน่อยที่พระเอกเปลี่ยนไปเยอะมาก เพราะเราอ่านนิยายแฟนตาซีเอาสนุกเป็นหลัก62



Create Date : 26 ตุลาคม 2566
Last Update : 27 ตุลาคม 2566 14:32:10 น.
Counter : 212 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด