เปิดตัวหนังสือที่ซื้อส่งท้ายปี ๒๕๖๔ ทั้งมือหนึ่งและมือสองค่ะ

สวัสดีค่ะทุกคน ใกล้จะสิ้นปีซึ่งผ่านไปอีกปีอย่างรวดเร็วเหลือเกินในยุดโควิดแบบนี้ ซึ่งเราได้หยุดอยู่บ้านนานหลายเดือนจนอ่านหนังสือไปเยอะมากกว่าหลายปีที่ผ่านมาอย่างมหาศาล จนทำให้ภาคภูมิใจที่ซื้อหนังสือมาตุนไว้มากมายให้เลือกอ่านในสถานการณ์ไม่คาดฝัน หลังจากที่อ่านจบไปมากมายเราก็หาน้องมาเติมเข้าตู้ค่ะ ซึ่งมีทั้งหนังสือมือหนึ่งปกติ มือหนึ่งลดราคา ๗๐เปอร์เซ็นต์จากเว็บนายอินทร์ (ที่มีสัญลักษณ์สีเขียวมุมซ้ายบนทั้งห้าเล่ม ยกเว้นไอแวน) และมือสองจากเฟซบุ๊คค่ะ

และนี่คือหนังสือน้องใหม่ที่เราได้มาเพิ่มสะสมไว้อ่านต่อไปค่ะ (ถึงเงินจะได้น้อยในปีนี้เพราะต้องหยุดงานไปหลายเดือนแต่ไม่ทำให้เราซื้อหนังสือน้อยลงแต่อย่างใด!)

หนังสือมือหนึ่ง

 

เล่มแรก The traveller นิราศรัยกับหัวใจจอมสมุทร - กฤตานนท์

ปฐมบทการผจญภัยในดินแดนมนตรา สิ่งวิเศษ อารยธรรมซ่อนเร้นของอาชว์ เด็กชายผู้กล้าหาญและซื่อสัตย์


เล่มนี้เราเจอเพราะโฆษณาขึ้นบนเฟซบุ๊คแล้วปกสวยๆของหนังสือดึงดูดใจ เราเลยกดเข้าไปดูแล้วสนใจอยากอ่านซึ่งเขาแจ้งว่าไม่มีวางขายตามร้านหนังสือเลยสั่งซื้อมาจากเพจกฤตานนท์ ซึ่งคนวาดปกที่ทำให้สะดุดตาจนต้องกดไปดูคือคนเดียวกับที่วาดปกแฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับครบรอบ ๒๐ ปีปกล่าสุด ซึ่งเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะมีหลายเล่มจบ เราเลยยังคิดไม่ตกว่าจะรอให้ครบค่อยอ่าน หรืออ่านก่อนแล้วแปะโพสต์อิทไว้ว่าเรื่องคร่าวๆเป็นยังไงเพราะเราน่าจะลืมแน่
 

เล่มที่สอง The age of miracles สู่ภพนิรันดร์ - แคเรน ธอมป์สัน วอล์เกอร์

เรื่องราวแสนจับใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของโลก ในยามปกติที่กลางวันสว่างและกลางคืนมืดมิด เรื่องราวทุกอย่างรอบตัว จูเลีย ก็ดูปกติดี แต่ในวันเสาร์ที่แสนจะธรรมดา ครอบครัวของเธอและทุกๆคนบนโลกก็ได้พบว่าโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว โลกหมุนช้าลง แสงสว่างอยู่นานขึ้น ความมืดยืดเยื้อออกไป ตอนแรกนั้นแทบไม่มีใครรู้สึก แต่เมื่อทุกอย่างเลวร้ายลง ความโกลาหลก็เริ่มต้นขึ้น รวมถึงเรื่องราวที่จูเลียต้องพบเจอด้วยเช่นกัน หรือว่ามันเกิดขึ้นนานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้...ไม่มีใครบอกได้ ทั้งความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ เพื่อน(เคย)รัก เขาคนนั้น ปู่ที่ทำตัวแปลกๆ ต้นไม้ที่สูญพันธุ์ ฝูงนกที่ร่วงลงมาตาย มีอะไรมากมายหลายอย่างเหลือเกินที่เปลี่ยน บางอย่างหวนคืน บางอย่างจากไปและจะไม่กลับมาอีก


เล่มนี้ซื้อเพราะปกดูสวยดีและมี selected ประทับน่าปก พร้อมรีวิวสั้นๆที่ท้ายปกอีกห้าแหล่ง เราเลยอยากเอามาอ่านดูว่ามันจริงไหมที่ว่ามา และตราประทับหน้าปกก็ทำให้เราอยากอ่านดูว่าทำไมเขาถึงเลือกเล่มนี้ อีกทั้งรีวิวที่ได้อ่านจากเว็บนายอินทร์ยังบอกว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอะไร แต่มันเกิดจากความรู้สึกของตัวเอกในเรื่อง
 

เล่มที่สาม Cassette ท่วงทำนองในรอยรัก - ปองวุฒิ

ญาดา นักเขียนสาวผู้เปี่ยมความสามารถเดินทางกลับมาบ้านย่านเมืองเก่าเพื่อดูแลพ่อผู้เจ็บป่วย หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับแม่นานถึงสิบสามปี แต่มีสิ่งอื่นรอเธออยู่ด้วย นั่นคือสายลมหวนในความสัมพันธ์เก่าที่มีกับกุญช์ หนุ่มนักแต่งเพลงข้างบ้านที่เติบโตและเป็นเพื่อนสนิทเคียงข้างกันแต่เด็ก ทั้งสองรื้อฟื้นความทรงจำผ่านสื่อกลางอย่างบทเพลงจากเทปคาสเส็ตนับพันที่กุญช์สะสมเอาไว้ ย้อนรำลึกความหลังที่เคยมีร่วมกันในช่วงเวลาไร้เดียงสาขณะเป็นวัยรุ่นยุค ๘๐-๙๐

กุญช์ พยายามเริ่มบทใหม่แห่งความรักโดยใช้เรื่องราวประทับใจในอดีตที่เคยมีร่วมกันเพื่อปลุกถ่านไฟเก่า แต่สำหรับญาดาแล้วบทเพลงในวันเก่าไม่มีเพียงแค่ความสุข แต่มาพร้อมความเศร้า ความสูญเสีย โดยเฉพาะยามคิดถึงจุดเปลี่ยนแห่งชีวิตที่ทำให้ทั้งสองลาจาก สุดท้ายแล้วท่ามมกลางการเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของยุคสมัย ห้วงเวลาทั้งอดีตและอนาคตของคนทั้งคู่จะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และก้าวเดินไปพร้อมกันอีกครั้งหรือไม่ ขอเชิญร่วมลุ้นไปพร้อมกัน อัลบั้มเพลงนี้จะจบลงอย่างไร เมื่อบทเพลงดำเนินมาถึงแทร็คสุดท้าย


เล่มนี้เรามองผ่านไปหลายรอบเพราะปกไม่ดึงดูดใจ ชื่อเรื่องก็ไม่ใช่แนวที่เราจะสนใจ แต่พอลองเข้าไปดูเนื้อเรื่องกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าอ่านมาก ดูเหงาๆแต่น่ารักอบอุ่น แล้วพอดูรีวิวคือดีเลยมีหลายคนที่อ่านแล้วอยากไปเที่ยวตามรอยหนังสือเขาหลายคนมาก
 

เล่มที่สี่ Ghost boy พูดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก - มาร์ติน พิสโตเรียส,เมแกน ลอยด์ เดวีส์

มาร์ติน พิสโตเรียส เกิดมาเป็นเด็กสุขภาพดีเหมือนเด็กทั่วไป ตอนอายุ ๑๒ ปีเขาเริ่มป่วยเป็นโรคประหลาดจนหมอต้องประกาศยอมแพ้ว่าไม่สามารถรักษาได้ ความทรงจำของเขาเลือนหายจนกระทั่งจดจำเรื่องราวและสื่อสารไม่ได้ แต่แล้วเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมความทรงจำหายไปเกือบ ๗ ปีกับร่างที่ขยับแทบไม่ได้ สิ่งที่ไม่มีใครรับรู้คือ ภายในร่างกายที่ไร้การตอบสนองนั้น ความรู้สึกนึกคิดของมาร์ตินค่อยๆกลับคืนมา พูดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับร่างกายที่บกพร่อง แต่เป็นทัศนคติในการใช้ชีวิตและการเลือกที่จะมีชีวิตอยู่


เล่มนี้ปกดูน่าสนใจ แถมเรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก มันคือเรื่องจริงของเด็กชายที่ขยับตัวไม่ได้ จำทุกอย่างไม่ได้นาน ๗ ปี เมื่อรู้สึกตัวกลับพบว่าต้องเผชิญสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่า แต่การต่อสู้กับโรคและการไม่ยอมแพ้ให้กับชีวิตทำให้เขาได้พบกับบ้าน งาน และความรักในที่สุด พอเราอ่านเรื่องราวจากปกหน้าด้วยเรารู้สึกว่าเราต้องอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วล่ะ และหลังจากที่ได้ซื้อมาแล้วพลิกดูก็พบว่า นี่เป็นหนังสือชีวประวัติ ซึ่งทำให้เรารีบพลิกดูเนื้อหาอีกรอบแล้วก็โล่งอกว่าเขาเขียนเป็นเรื่องเล่าเหมือนนิยาย ซึ่งเราน่าจะอ่านได้ง่าย

เล่มที่ห้า Siddhartha สิทธารถะ - เฮอร์มานน์ เฮสเส

...การดำเนินเรื่องตามแนวพุทธประวัติอันเป็นรูปแบบโครงสร้างสำคัญของนวนิยายเรื่องนี้ เฮสเสต้องการนำเอาภาพศาสดาผู้ค้นพบเส้นทางของตนเองมาซ้อนทับกับตัวละครผู้แสวงหาของเขา... เส้นทางที่สิทธารถะค้นพบอัตตา เกิดการหยั่งรู้ เป็นเส้นทางเดียวกับการได้พุทธิปัญญาของพระพุทธเจ้าในสมัยที่พระองค์ยังแสวงหาโมกขธรรม อย่างไรก็ตามไม่อาจกล่าวได้ว่าเฮสเสตั้งใจเขียน สิทธารถะให้เป็นนวนิยายอิงพุทธประวัติ หรือต้องการนำหลักธรรมของพระพุทธองค์มาเสนอในรูปของนวนิยาย...


เป็นหนังสือที่เราเคยอ่านแล้วแต่เป็นของสำนักพิมพ์อื่นและคนแปลไม่ใช่คุณสดใส ซึ่งเล่มที่เราอ่านนั้นเราก็ประทับใจมากแต่ก็รู้สึกว่าการแปลในหลายๆครั้งมันดูไม่ค่อยเข้าใจ แปลออกมาให้อ่านแล้วไม่ราบรื่นเท่าไหร่อ่านแล้วสะดุดอยู่หลายที่ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามีของสำนักพิมพ์อื่นด้วยซึ่งแปลมาก่อนและที่สำคัญคือถูกกว่าเล่มที่เราซื้อมากๆ T_T เล่มนี้เราก็ซื้อมาตอนลดราคาแถมส่งฟรีด้วย ถ้าเราอ่านแล้วประทับใจก็อาจจะไปซื้อปกแข็งมาเก็บเพิ่ม

 

เล่มที่หก Magisterium : The iron trial โรงเรียนเวทมนตร์แมจิสตีเรียม เล่ม๑ ปีการศึกษาเหล็ก

แคลล์มองไปรอบๆและเห็นพื้นคอนกรีตของสนามเด็กเล่นแยกออก รอยแยกยาวเหยียดนั้นไล่จากชิงช้าไปจนถึงผนังโรงเก็บของ ผ่าอาคารหลังเล็กให้แยกเป็นสองส่วน "เวทมนตร์ถ่ายทอดภายในครอบครัว" พ่อแคลล์บอก "ใช่ว่าทุกคนในครอบครัวจะมีเวทมนตร์ แต่ดูเหมือนลูกอาจจะมี โชคไม่ดีเลย พ่อเสียใจด้วยนะ แคลล์"  "แปลว่ารอยแยกบนพื้นนั่น---พ่อจะบอกว่าผมเป็นคนทำเหรอฮะ" แคลล์รู้สึกก้ำกึ่งระหว่างลิงโลดจนเวียนศีรษะกับหวาดกลัวสุดขีด "ผู้วิเศษดึงพลังจากธาตุต่างๆ---ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือแม้กระทั่งความว่างเปล่าซึ่งเป็นแหล่งเวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุดและเลวร้ายที่สุดในบรรดาเวทมนตร์ทั้งหมด มันคือเวทมนตร์เคออส พวกเขาใช้เวทมนตร์ทำหลายสิ่ง รวมถึงการแยกพื้นโลกออกจากกัน เหมือนที่ลูกทำ...แต่แคลล์ ลูกต้องฝืนมัน และลูกต้องไม่ใช้เวทมนตร์อีก ถ้าลูกใช้ เหล่าผู้วิเศษจะเอาตัวลูกลงไปที่อุโมงค์ "โรงเรียนอยู่ที่นั่นเหรอฮะ โรงเรียนเวทมนตร์อยู่ใต้ดินเหรอฮะ" แคลล์ถาม "ฝังลึกอยู่ใต้ผืนโลก ที่ที่ไม่มีใครหาเจอ" พ่อตอบอย่างเคร่งขรึม "ข้างล่างนั่นไม่มีแสงสว่าง ไม่มีหน้าต่าง ที่นั่นเป็นเขาวงกต ลูกอาจหลงทางในถ้ำและตายได้ แล้วก็จะไม่มีใครรู้ด้วย"


เล่มนี้เราสนใจเพราะมีหลายคนรีวิวว่ามันสนุก แต่ที่น่าเสียดายคือสำนักพิมพ์เขาไม่ได้แปลต่อและคิดว่าคงทิ้งกลางทางเพราะผ่านมาหลายปีมากแล้ว ตอนแรกก็ลังเลใจว่าจะซื้อดีไหม เพราะจริงๆแล้วมีห้าเล่มจบ แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องราวแฟนตาซีทำให้เราสนใจอยากอ่านดู และคิดว่าเผื่ออนาคตมีสำนักพิมพ์อื่นมาแปลเราค่อยไปซื้อเล่มต่อเอาทีหลังก็ได้
 

เล่มที่เจ็ด Magisterium : The copper gauntlet โรงเรียนเวทมนตร์แมจิสตีเรียม เล่ม๒ ถุงมือทองแดง

"แคลล์ พ่อไม่มีวันทำร้ายลูก---" "ถามจริง" แคลล์หยิบภาพวาดถุงมือภาพหนึ่งขึ้นมา "นี่อะไรฮะ พ่อจะใช้มันทำอะไร ทำสวนเหรอ" สีหน้าอะแลสแตร์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม "แคลล์ ส่งมานี่" "พ่อจะล่ามผมเพื่อไม่ให้ผมดิ้นตอนพ่อควักหัวใจฮาว็อกเหรอฮะ" แคลล์ชี้ตรวน "หรือเพื่อไม่ให้ผมดิ้นตอนพ่อใช้มันกับผม" "อย่าเหลวไหลน่า!"

แคลล์พุ่งเข้าไปหาพ่อโดยอัตโนมัติ อะแลสแตร์มองแคลล์และมีบางอย่างบนใบหน้าเขาที่แคลล์ไม่คาดหวังว่าจะได้เห็น ความกลัว มันทำให้แคลล์โกรธจัด "ผมจะไป" เขาแผดเสียง "ฮาว็อกกับผมจะไปจากที่นี่และเราจะไม่กลับมาอีก..."


เนื่องจากเขามีแปลไว้สองเล่มเราเลยจัดมาคู่กัน ซึ่งเราก็ลองถามสำนักพิมพ์ไปว่าจะมีแปลต่อไหมเขาก็บอกว่าทางกองยังไม่ได้แจ้งมา ซึ่งเราก็แปลได้ว่าไม่ได้ไปต่อแล้วล่ะ ซึ่งแต่เดิมที่เราไปดูเขาวางแผนว่าจะออกเล่มสาม เล่มสี่และห้าเดือนไหนไว้ชัดเจนมากแต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆถึงได้ไม่ออกหนังสือตามที่แจ้งไว้
 

หนังสือมือสอง

เล่มแรก Succulents ไม้อวบน้ำ - ภวพล ศุภนันทนานนท์/ ชนินทร์ โถรัตน์/ พิชญะ วัชจิตพันธ์

หนังสือไม้อวบน้ำนี้เกิดจากความตั้งใจของผู้เขียนทั้งสามคือ ภวพล ศุภนันทนานนท์, ชนินทร์ โถรัตน์, พิชญะ วัชจิตพันธ์ แต่ละท่านเป็นทั้งนักเลี้ยงและนักสะสมตัวยงของเมืองไทยที่มีประสบการณ์การปลูกเลี้ยงมานานกว่าสิบปี ข้อมูลและความรู้ที่รวบรวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้จึงสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และไม่เพียงแต่องค์ความรู้ของผู้เขียนอย่างเดียว ยังรวบรวมข้อมูลจากผู้ปลูกเลี้ยงฝีมือฉกาจอีกหลายท่าน ประกอบกับตำราทั้งไทยและเทศต่างๆ ทั้งยังรวบรวมภาพถ่ายไม้อวบน้ำชนิดต่างๆจากถิ่นกำเนิดในธรรมชาติที่หาดูได้ยากและที่พบปลูกเลี้ยงในเมืองไทยไว้มากกว่า ๒,๐๐๐ ชนิดและพันธุ์ นับเป็นหนังสือไม้อวบน้ำที่สมบูรณ์ที่สุดในขณะนี้ที่นักปลูกเลี้ยงและรักไม้อวบน้ำทุกท่านพลาดไม่ได้


เป็นหนังสือเล่มหนาและหนักมากเกี่ยวกับต้นไม้เล่มแรกที่เรามีเพราะปกติเราจะมีเป็นเล่มเล็กๆบางๆเท่านั้นเอง ซื้อเล่มนี้มาแล้วรู้สึกทรงภูมิขึ้นมายังไงไม่รู้ ซึ่งภายในเป็นภาพสีสวยสดงดงาม ได้รู้จักต้นไม้ที่แปลกๆมากมาย และได้รู้ว่าต้นไม้ที่เรามีในสวนหลายต้นมากที่จัดเป็นไม้อวบน้ำ และอีกอย่างที่ได้คืออยากตามหาต้นไม้อีกหลายๆต้นที่น่าสนใจมาเพิ่มในสวน ที่น่าเสียดายนิดหน่อยคือคนส่งห่อกันกระแทกแล้วใส่ซองกันน้ำมา ไม่ได้ใส่กล่องทำให้หนังสือตรงมุมกระทบกระเทือนหนักจนซองขาดเลยทีเดียว เนื่องจากหนังสือมีน้ำหนักมากเวลากระแทกอะไรก็จะรุนแรงตามไปด้วยถ้าใส่กล่องก็คงจะปกป้องหนังสือได้มากกว่านี้
 

เล่มที่สอง memory & soulmate ความทรงจำของหัวใจ...โอบรักไว้ชั่วนิรันดร์

เป็นหนังสือที่รวมเรื่องสั้นภายใต้ธีม Memory & Soulmate จากปลายปากกานักเขียนชื่อดัง ๑๗ ท่าน ซึ่งแต่ละท่านได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักและความทรจำในมุมมองที่แตกต่าง ด้วยถ้อยคำแสนละมุนละไมสู่จินตนาการอันตราตรึงใจจากนี้ไปจวบนิจนิรันดร์


หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ memory กับ soulmate ซึ่งเราก็สนใจอยากอ่านว่ามันจะเป็นยังไงเพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราได้อ่านหนังสือของสำนักพิมพ์นี้เยอะมากๆ พอจบมาก็ไม่ได้อ่านอีกเลย พอได้เล่มนี้มาก็รู้สึกว่าเจอเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย แล้วเราก็ไม่ได้อ่านเรื่องสั้นที่มีหลายๆนักเขียนแบบนี้ในเล่มเดียวมานานมากเช่นกัน มันได้หลายอารมณ์ในเล่มเดียวดี
 

เล่มที่สาม The one and only Ivan ไอแวน หนึ่งเดียวตัวนี้ - แคเทอรีน แอปเปิลเกต

สวัสดีผมชื่อไอแวน ผมเป็นกอริลลา อะไรๆมันไม่ง่ายอย่างที่เห็นหรอกนะ...สัตว์บางตัวอยู่เดี่ยวๆ ไม่มีใครคอยมอง แต่นั่นไม่ใช่ชีวิตผม ชีวิตผมน่ะมีแสงวูบวาบ มีการชี้นิ้ว และมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ห่างออกไปแค่คืบ มนุษย์แนบมือน้อยๆบนผนังกระจกใสที่แยกเราจากกัน กระจกบอกว่าเธอเป็นสิ่งนี้ เราเป็นสิ่งนั้น และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป...ไอแวน หนึ่งเดียวตัวนี้...เรื่องเล่าจากมุมมองกอริลลาที่จะไม่มีใครลืมลง


เป็นหนังสือที่เขียนโดยคนที่เขียนเรื่อง "ต้นไม้อธิษฐาน" ที่เราอ่านแล้วรักมาก แล้วเห็นที่ท้ายเล่มว่าเขามีเขียนเรื่องนี้มาก่อนด้วย เราก็เลยคิดว่าต้องหาเล่มนี้มาอ่านแล้วก็ได้มาในที่สุด
 

เล่มที่สี่ Intuition ปัญญาญาณ - Osho

"เมื่อเราปล่อยให้ร่างกายทำงานไป เรากำลังใช้สิ่งที่เรียกว่า สัญชาตญาณ เมื่อเราปล่อยให้จิตวิญญาณมีอิสระ เราจะได้พบปะกับสิ่งที่เรียกว่า ปัญญาญาณ ถึงแม้ทั้งคู่ดูคล้ายคลึงกัน แต่จริงๆแล้วมันค่อนข้างจะห่างไกลกันมาก สัญชาตญาณเป็นเรื่องทางร่างกาย เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยและรู้สึกได้ชัด ปัญญาญาณเป็นเรื่องทางจิตวิญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่ชัด เป็นนามธรม การทำงานของปัญญาญาณไม่ต้องการขั้นตอน มันเป็นปรากฏการณ์ก้าวกระโดด ไม่มีกรรมวิธี อยู่ดีๆก็ผุดขึ้นมา เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ผู้ที่มีปัญญาญาณสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ แม้สิ่งนั้นจะจับต้องไม่ได้ ในสายตาของข้าพเจ้าแล้ว ปัญญาญาณเป็นสิ่งสูงส่ง ข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้สัมผัสมัน


เป็นหนังสือที่เราไม่คิดว่าจะซื้อมาอ่านเลย เห็นเขาลงขายหลายรอบและมีคนตามหาอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าเราไปหลวมตัวซื้อมาได้ยังไง แล้วคนที่ตามหาทำไมถึงไม่ได้ซื้อไป จนกระทั่งเราเจอรอบที่สามแล้วซื้อมาพร้อมหนังสือเรื่อง memory & soulmate ซึ่งเขาลงขายอยู่หลายเล่มแล้วเราเลือกสองเล่มนี้มา ซึ่งหลังจากที่ได้มาก็เกิดความระแวงว่าหนังสือแนวนี้จะทำพิษเราอีกไหมหลังจากที่ปีนี้อ่านแนวนี้ไปสองเล่มแล้วไม่ชอบเอาซะเลย หรือว่าเล่มนี้เป็น soulmate เรานะ555 จะพยายามเปิดใจอ่านแนวนี้ดูอีกสักครั้ง ดันซื้อมาแล้วนี่
 

เล่มที่ห้า Mundo del fin del mundo โลกสุดขอบฟ้า - หลุยส์ เซปุลเบดา

เราอาจลืมไปว่าโลกกลม และเมื่อโลกกลม พื้นผิวก็เชื่อมต่อถึงกัน ยิ่งเมื่อความรู้เบื้องต้นอธิบายว่าพื้นโลกส่วนใหญ่เป็นผืนน้ำ ก็เท่ากับว่า มนุษย์ สัตว์ และพืชบนโลกนี้อาศัยน้ำจากสายและหยดเดียวกัน เราต่างดื่มน้ำด้วยกัน ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ ณ ที่ส่วนใดของโลก บัดนี้ เราเริ่มสำนึกและตระหนักว่า ภัยพิบัติอันเกิดขึ้นในที่แห่งใดของโลกก็ตาม ย่อมกระทบถึงทุกหนแห่งบนโลกนี้ หนังสือนี้จะเรียกขานว่า สารนิยาย คตินิยาย หรือนิยายแอบแฝงอย่างใดก็ตาม แต่เป็นที่รู้กันนับหลายล้านฅนแล้วว่า นี่คือหนังสือเรื่องหนึ่งของมนุษยชาติแห่งยุคสมัย และนี่คือหนังสือดีของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ


เล่มนี้เราได้มาจากพี่ที่ทำงาน โดยเลือกเอาจากสันปกแล้วเล่มนี้ดูน่าสนใจดี เป็นของสำนักพิมพ์ผีเสื้อด้วย ซึ่งเราว่าเขาตั้งใจทำหนังสือดี พอได้หนังสือมาก็ประทับใจกับปกที่ปลาเป็นตัวนูนๆ ปกสวยมาก เป็นหนังสือแปลจากภาษาสเปนซึ่งเราก็ได้อ่านไม่บ่อยนัก


เล่มที่หก The fairy tales of Hermann Hesse ลูกสาวเฮสเสะ - เฮอร์มานน์ เฮสเสะ

ในชีวิตจริงเฮสเสะมีเพียงลูกชาย ๓ คน ไม่มีลูกสาว เข้าใจความเป็นเพศแม่อย่างสูงและเข้าใจความเป็นผู้ชายได้อย่างละเมียดละไม สิ่งนี้ปรากฏอย่างโดดเด่นในงานทุกชิ้นของเฮสเสะ หากจะเปรียบว่านวนิยายเรื่องเด่นๆทั้งหลาย คือลูกชายของเขา เรื่องสั้นที่เขียนด้วยวิธีการของนิทานในชุดนี้น่าจะเปรียบได้กับลูกสาว "ลูกสาวเฮสเสะ" ให้ความรู้สึกแปลก มีพลัง มีความคิดทั้งลึกและตื้นซุกซ่อนเอาไว้ ทั้งยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่นำไปสู่การเทียบเคียงกับชีวิต และการเขียนนวนิยายเรื่องต่างๆในกาลต่อมา พร้อมกันนั้น ได้นำเอาคำกล่าวนำของ Jack Zipes ผู้แปลงานชุดนี้เป็นภาษาอังกฤษ ในชื่อ The fairy tales of Hermann Hesse มาเป็นข้อสังเกตบางประการประกอบการอ่าน โดยพยายามมิให้กระทบต่อสาระที่ท่านจะตีความเพิ่มเติมเอาจากนี้ และท้ายที่สุด ภาพประกอบในเล่มวาดโดย เฮอร์มานน์ เฮสเสะ น่าจะสมบูรณ์ครบถ้วน


เราประทับใจงานเขียนของเฮอร์มานน์ทั้งเล่มสิทธารถะ รอนแรมและเดเมียน เราเลยตั้งใจว่าจะตามอ่านงานของเขาก็พอดีเจอเล่มนี้ซึ่งปกสวยดึงดูดใจพอเห็นชื่อคนเขียนก็ตัดสินใจซื้อเลย ซึ่งโชคดีมากที่ไม่มีใครซื้อไปเพราะเรามาเห็นหลังจากที่เขาโพสต์หลายวันและคนอื่นเลือกเล่มอื่นๆไปหมดแล้ว ซึ่งเล่มนี้เป็นหนังสือแปลรวมเรื่องสั้นที่น่าจะอ่านไม่ยากด้วย

แล้วก็ครบหมดทุกเล่มที่เราซื้อมาใหม่แล้วนะคะ ไว้เราอ่านเล่มไหนจบจะมารีวิวเหมือนเคยค่ะ




Create Date : 16 ธันวาคม 2564
Last Update : 16 ธันวาคม 2564 15:36:51 น.
Counter : 647 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด