รีวิวหนังสือ "tuesdays with Morrie วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี - Mitch Albom"

เรื่องราวของ"ครูมอร์รี ชวอตช์" อาจารย์สอนวิชาจิตวิทยาสังคมของ "มิตช์" ตั้งแต่สมัยที่เขาเรียนมหาวิยาลัยและพวกเขาทั้งคู่ก็สนิทสนมกันมาก แต่เมื่อเขาเรียนจบก็ออกไปใช้ชีวิตไล่ตามความก้าวหน้าทางการงาน และไม่ได้กลับมาหาครูอีกเลยเป็นเวากว่าสิบปี จนกระทั่งเห็นเรื่องราวของครูในรายการ "ไนต์ไลน์" ซึ่งฉายภาพครูที่รักของเขาบนเก้าอี้รถเข็นที่บ้านในย่านเวสต์นิวตัน เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปหาครูที่เขามักเรียกว่า "โค้ช" เสมอที่บ้าน 

หลังจากวันนั้นเขาก็กลับมาหาครูทุกอังคารเหมือนเมื่อตอนที่เขาเรียนและมักจะพบครูในอังคาร ดังเช่นที่ครูว่าไว้ว่าเรามันคนวันอังคาร ครูมอร์รีป่วยเป็นโรคเอแอลเอสหรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเดียวกับที่สตีเฟน ฮอร์กกิ้งเป็น มันเป็นโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท ซึ่งนับว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในบรรดาโรคทางระบบประสาททั้งหมดและยังไม่มีทางรักษา เป็นโรคที่เหมือนกับเทียนไขที่จุดเอาไว้มันจะหลอมละลายเส้นประสาท อาการของโรคจะเริ่มต้นที่ขาและลามไปส่วนบนเมื่อมันลามถึงปอดก็หมายถึงชีวิต ซึ่งหมอคาดว่าครูจะมีเวลาเหลืออีก 2 ปี แต่ครูรู้ว่ามันสั้นกว่านั้น จึงตัดสินใจใช้ความตายของตัวเองเป็นโครงการสุดท้าย เป็นหัวใจสำคัญของเวลาที่เหลืออยู่ เพราะคิดว่าครูอาจมีค่าได้ตัวครูอาจเป็นงานวิจัยเป็นตำรามนุษย์

ทุกวันจะมีผู้คนพากันมาหาหรือเขียนจดหมายมาหาครู ซึ่งครูก็จะพบกับพวกเขาด้วยความยินดี ส่วนจดหมายต่างๆครูก็จะพูดแล้วให้ลูกชายเป็นคนตอบจดหมายเหล่านั้นเพราะมือของครูไม่อาจเขียนหนังสือได้อีกแล้ว ส่วนมิตช์ก็ขอติดไมค์ที่ครูแล้วอัดเสียงไว้แล้วจากการพูดคุยกับครูในช่วงเวลาเหล่านั้นก็ได้กลายมาเป็นหนังสือเล่มนี้ที่มีทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับความตาย ครอบครัว ความรู้สึก เงิน การแต่งงาน วัฒนธรรม การให้อภัย และอื่นๆ รวมถึงได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราววัยเด็กของครูที่ได้รับโทรเลขแจ้งว่าแม่เสียชีวิตและครูยังคงเก็บมันไว้จนวันนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับพ่อที่ทำให้ครูเป็นคนที่อยากมอบความรัก ความอบอุ่นให้กับลูกๆและเหล่าลูกศิษย์ของครูอย่างทุกวันนี้ รวมถึงวิธีคิดเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยที่เริ่มเป็นมากขึ้นทุกที และคติพจน์ใหม่ประจำสัปดาห์ที่ครูมอร์รีคิดได้


เป็นหนังสือที่อ่านแล้วอบอุ่นกับความรักและความเมตตาของครูมอร์รี แล้วก็ความคิดบวกที่ทำให้ครูผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ รวมถึงวิธีการรับมือกับช่วงเวลาต่างๆเหล่านั้นที่ครูก็บอกว่าครูเองก็ร้องไห้และเสียใจ ร้องไห้ง่ายกว่าเดิมแต่เมื่อร้องเสร็จครูก็เข้มแข็งขึ้นมาและพร้อมต่อสู้อีกครั้ง ครูยังบอกว่าครูโชคดีที่รู้ว่าครูจะเหลือเวลาอีกเท่าไหร่และได้ใช้เวลาเหล่านั้นไปคนที่ครูรักและได้มีเวลาบอกลาพวกเขา แต่ก็สงสารที่ทุกอาทิตย์ที่ผ่านไปอาการครูก็แย่ลงเรื่อยๆแล้วตอนที่เราซาบซึ้งมากคือตอนที่ครูบอกว่าครูรักมิตช์เหมือนลูกชายคนหนึ่ง และมิตช์เองก็รักครูเหมือนพ่อ แล้วจากเรื่องราวของครูก็ทำให้มิตช์ได้กลับไปสานสัมพันธ์กับน้องชายของเขาอีกครั้งได้อย่างที่ครูมอร์รีเชื่อว่าเขาจะทำได้ก่อนที่ครูจะจากไป

และนี่คือบางส่วนจากที่เราชอบค่ะ

 - "ครูปล่อยตัวเองร้องไห้จนหนำใจเท่าที่อยากจะร้อง หลังจากนั้นครูจะรวบรวมจิตใจให้จดจ่ออยู่กับสิ่งดีๆ ที่ยังมีอยู่ในชีวิตของครูกับบรรดาใครต่อใครที่พากันมาเยี่ยมเยียน "
 - "มันต่างกันตรงที่เธอหลับตานี่ล่ะ บางครั้งเธอไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เธอเห็น แต่เธอต้องเชื่อในสิ่งที่เธอรู้สึก และหากเธอจะทำให้ใครสักคนเชื่อใจเธอ เธอจะต้องรู้สึกว่าเธอเชื่อใจเขาเสียก่อน แม้ในยามที่ชีวิตเธอมืดมน หรือในยามที่เธอกำลังล้มลงก็ตาม"

 - "คนเราส่วนมากใช้ชีวิตเหมือนกับคนเดินละเมอ เราเลยไม่มีประสบการณ์ในโลกนี้อย่างเต็มที่ เพราะเราครึ่งหลับครึ่งตื่นจึงทำอะไรๆไปอย่างที่ใจคิดเอาเองว่านั่นเป็นสิ่งที่เราต้องทำ"
"พอรู้ว่าจะต้องตาย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดเลยหรือครับ"
"ใช่สิ เธอจะตัดเรื่องไม่จำเป็นต่างๆออกไปหมด แล้วหันกลับมาให้ความสำคัญกับสาระที่เป็นแก่นสารจริงๆ พอเธอรู้ว่าตัวเองกำลังจะสิ้นลม เธอจะมองเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ต่างไปจากเดิมมากเลย"
ครูถอนหายใจ "เมื่อเธอรู้ว่าจะตายอย่างไร เธอก็จะรู้ว่าควรมีชีวิตอยู่อย่างไร"

 
 



Create Date : 28 ธันวาคม 2566
Last Update : 31 ธันวาคม 2566 13:40:08 น.
Counter : 115 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด