รีวิวหนังสือ "Tell the wolves I'm home เงียบ เหงา เศร้า ทราม - แครอล ริฟค่า บรันท์"
 
 

หนังสือเล่าเรื่องราวของ"จูน" เด็กสาววัย ๑๔ ที่แทบไม่มีเพื่อนเลย เธอชอบแต่งตัวแนวย้อนยุคและพอหมดคาบเรียนก็มักเดินเข้าป่าหลังโรงเรียนไปอยู่ตามลำพังตรงที่ประจำแล้วจินตนาการว่าตัวเองกำลังอยู่ในอดีต จูนมีพี่สาวหนึ่งคนคือ "เกรต้า" ซึ่งนอกจากจะเป็นคนสวยแล้วยังเป็นนักแสดงของโรงเรียนที่มีความสามารถมาก ซึ่งตอนยังเด็กสองพี่น้องคู่นี้เคยรักใคร่และสนิทสนมกันมาก แต่ปัจจุบันเกรต้าก็เปลี่ยนไปเธอจะมักทำตัวร้ายกาจใส่จูนและแทบไม่เคยพูดจากันดีๆเลยทำให้ทั้งคู่แทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันอีกเลยแม้ว่าจะอยู่บ้านเดียวกันไปโรงเรียนเดียวกันก็ตาม

จูนมีเพียง"ฟินน์" น้าชายคนเดียวรวมถึงเป็นพ่อทูลหัวของเธอด้วยซึ่งเขายังเป็นศิลปินที่ผู้คนชื่นชอบผลงานมากแม้ปัจจุบันแทบไม่แสดงผลงานอะไรอีก และเป็นคนเดียวที่เข้าใจเธอและใช้เวลาทำสิ่งต่างๆกับเธอมากที่สุด เช่นพาเธอไปชื่นชมงานศิลปะต่างๆที่พวกเขาต่างชื่นชอบ ดังนั้นเมื่อจูนรู้ว่า "ฟินน์" กำลังป่วยหนักและกำลังจะจากไปด้วยโรคเอดส์ทิ้งให้จูนเคว้งคว้างลำพัง เธอจึงเสียใจมากแต่ก็พยายามที่จะใช้เวลาช่วงสุดท้ายอย่างคุ้มค่า และสุดท้ายฟินน์ก็ขอวาดภาพคู่ที่เขาให้สองพี่น้องมาเป็นแบบคู่กันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายและทิ้งไว้ให้สองพี่น้องก่อนจากไป

ชีวิตหลังจากนั้นของจูนก็เงียบเหงา หดหู่ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้รับของที่มาส่งที่หน้าบ้านโดยของที่ได้คือกาน้ำชาชุดสวยที่ฟินน์ใช้เวลาที่เธอไปหาเสมอซึ่งเป็นของที่มีคุณค่ามากสำหรับเธอ และพบจดหมายเล็กๆที่เขียนถึงเธอว่า"โทบี" แฟนหนุ่มของน้าชายอยากพบเธอ และทำให้จูนนึกได้ว่าเขานั่นเองที่ทำเป็นคนมาส่งของให้เธอที่หน้าบ้าน และนั่นทำให้ชีวิตเธอได้ค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ รวมถึงได้รู้ถึงเรื่องราวที่ไม่เคยรู้มาก่อนมากมายเกี่ยวกับน้าชายของตัวเองรวมถึงตัว"โทบี" แฟนหนุ่มของน้าที่คบกันมานานและอยู่ห้องเดียวกันกับฟินน์แต่เวลาที่เธอไปหาฟินน์กลับไม่เคยพบเขามาก่อน และเรื่องราวอีกมากมายที่เขาเองก็มีส่วนร่วมในการดูแลเธอเมื่อเธอไปที่ห้องเขาโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นขนมที่เธอจะได้กินเสมอเวลาที่ไปห้องของฟินน์ ปิ๊กกีตาร์ในโหลที่เธอเอาออกมาเล่นสนุกสนานโดยที่ไม่ได้นึกมาก่อนเลยว่าทำไมมันถึงมีอยู่ทั้งที่ฟินน์เล่นดนตรีอะไรไม่เป็นเลย และสาเหตุสำคัญที่ทำไมเธอถึงไม่เคยเจอโทบีก่อนหน้านี้ ทำไมแม่ของเธอต้องทำทีรังเกียจเขา และทำไมสองพี่น้องคือแม่และฟินน์ซึ่งเป็นน้องชายถึงไม่ได้กลับมาสนิทสนมกันเหมือนเดิม และเหตุผลอะไรที่ทำให้ฟินน์วาดรูปสองพี่น้องคู่กันในภาพวาดสุดท้ายก่อนจากไป

จูนได้รู้เรื่องราวมากมายระหว่างที่แอบออกไปพบกับโทบีโดยที่ไม่ได้บอกพ่อแม่ และรู้สึกว่าเขาเหมือนตัวแทนของฟินน์ที่ส่งเข้ามาในชีวิตเธอ ทำให้เธอได้มีความสุขอีกครั้ง และหลังจากการจากไปของฟินน์แม่ของเธอก็หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของเธอกับเกรต้าจะดีขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าบางทีก็ดี บางทีก็แย่โดยที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุ แต่ถึงเกรต้าจะร้ายกาจเพียงใด พูดขู่น้องสาวขนาดไหนถึงเวลาจริงๆเธอก็ไม่เคยบอกความลับที่ว่าจูนแอบนัดพบกับโทบี คนที่แม่ของเธอจงเกลียดจงชัง แต่สุดท้ายเขาก็เป็นคนที่ทำให้ครอบครัวนี้กลับมาเข้าใจกันและกันเหมือนเดิม

 

เป็นหนังสือที่เราเคยลังเลใจมานานว่าจะซื้อดีไหมพอมาขายลดราคาก็เลยตัดสินใจซื้อได้ ที่ลังเลเพราะชื่อเรื่องที่ถูกแปลเป็นไทยทำให้รู้สึกว่าเรื่องน่าจะหนัก แล้วก็หดหู่ พออ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แย่ แล้วก็หม่นหมองอะไรขนาดนั้น มันมีเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ทำให้เรารู้สึกหม่นๆตามนิดหน่อยแต่มันไม่ได้แย่ แต่อารมณ์โดยรวมของหนังสือจะแนวหม่นๆ น่าสงสารโดยเฉพาะชีวิตของโทบี ซึ่งพออ่านจนจบแล้วเรารักโทบีมากเลย

แล้วก็ได้รู้ถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนของตัวละครว่าการที่เรารักและสนิทสนมกับคนๆหนึ่งมากๆแล้ววันหนึ่งที่อีกฝ่ายเลือกใช้ชีวิตอีกแบบที่เขาไม่มีส่วนร่วมอาจจะทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็ได้ 



Create Date : 29 เมษายน 2565
Last Update : 13 พฤษภาคม 2565 13:33:59 น.
Counter : 492 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด