รีวิวหนังสือ "เพื่อนเดียวเสี่ยวฮัก - มาลา คำจันทร์

 

เป็นเรื่องราวของผู้ชายวัยเดียวกันสองคนที่กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน และชอบผู้หญิงคนเดียวกัน คนหนึ่งชื่อ"องอาจ" เป็นลูกกำนันมีฐานะดีแต่เรียนม.๖ไม่จบสักทีซ้ำชั้นหลายรอบและชอบนอนกับสาวจนแม่ต้องคอยลำบากไปพาเอาเด็กออก และให้ทองเป็นค่าทำขวัญอยู่หลายรายเขาชอบคำแก้วเพราะเธอสวย ถูกใจแต่ไม่ได้คิดตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว แค่อยากนอนกับเธอและทางแม่ฝ่ายหญิงก็สนับสนุนเขาเพราะมีฐานะดี ส่วนอีกคน "อุ่นแสง" เป็นลูกคนหายเพราะพ่อเข้าป่าแล้วหายไปกว่าแปดปีจนเขาเองต้องสึกจากการเป็นเณรออกมาดูแลแม่และครอบครัวเพราะเป็นลูกชายคนโตต้องดูแลแม่และน้องอีกสามคนแทนพ่อ ทำให้เขาโตเกินวัย เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย หาอาหารมาเลี้ยงปากท้องคนที่บ้านและได้เรียนรู้วิชาพรานจาก ครู และให้มีดมาเล่มหนึ่งซึ่งส่งกันมารุ่นต่อรุ่น และรักอยู่กับ"คำแก้ว" แต่แม่ฝ่ายหญิงก็ไม่ชอบที่เขาจน จึงไม่กล้าอาจเอื้อมหล่อนแม้ทั้งคู่จะรักกัน

วันหนึ่ง "องอาจ" มาชวนเขาเข้าไปยิงสัตว์หลังจากหนีมาขออยู่บ้านพ่อหลวงสมบ้านห้วยห้อมพ่อของ "คำแก้ว" ได้หลายวันเพราะอยากหลบหน้าพ่อ และทำตามคำแนะนำแม่ให้หลบออกมาก่อนหลังจากเรื่องที่เขาไปทำสาวท้องจนบ้านนั้นมาโวยวายเอา อุ่นแสงจึงไปเป็นเพื่อนพร้อมกับรุ่นพี่อีกคนที่เป็นคนพาทั้งคู่เข้าป่าไปโดยมีคำสั่งพ่อหลวงว่าไม่ให้เข้าไปในเขต"ดงหลวง"เด็ดขาด เพราะเป็นดินแดนต้องห้าม น่ากลัว ชาวบ้านต่างหลีกเลี่ยงและว่ากันว่าเป็นดินแดนเมืองเผต(เปรต)เมืองผี เมืองมืดด่ำ ก่ำเส้า แสงธรรมพระเจ้าไม่เคยส่องถึง แต่เมื่อตามรอยหมูป่าแล้วรอยนั้นเข้าเขตดงหลวงรรุ่นพี่ก็เตือนทั้งคู่ว่าอย่าเข้าไป หากจะเข้าเขาไม่ขอตามไปด้วยเพราะยังลูกมีเมียต้องดูแล อุ่นแสงเองก็ไม่อยากเข้าไปเพราะเขาเองก็ไม่เคยเข้าและไม่ได้เก่งการเหมือนครูที่เคยสอนสั่งวิชามาให้ แต่เพราะคำของลูกกำนันที่เรียกเขาว่า"เพื่อนเดียวเสี่ยวฮัก" ที่ทำให้เขาปลาบปลื้มใจ ที่ลูกกำนัน คนรวยอย่างนั้นมานับเอาเขาเป็นเพื่อนรัก และย้ำอยู่เสมอว่านับเขาเป็นเพื่อนและให้เรียกมันว่าเพื่อนสักทีในขณะที่เขาเห็นมันเป็นคนที่อยู่กันคนละชั้นมากกว่าจึงเรียกว่าลูกกำนัน หรือองอาจบ้าง

หลังจากตามรอยหมูป่าเข้าไปในเขตดงหลวงทั้งที่ไม่อยากเข้า และเริ่มรู้ว่าหมูที่เห็น ที่ทิ้งรอยไว้ไม่น่าใช่หมูธรรมดาเพราะดูจากรอยเท้าที่ใหญ่โต และการตัดต้นกล้วยใหญ่ได้ภายในครั้งเดียว จึงบอกเพื่อนว่าคงเป็นหมูที่เจ้าดงหลวงท่านแปลงมาเตือนไม่ให้เข้า และยอมพากันหาทางออกแต่ระหว่างทางที่ต้องข้ามห้วย อุ่นแสงเห็นมีเถาวัลย์อันหนึ่งในน้ำ แต่ลูกกำนันดันข้ามไปแล้ว เขาจึงข้ามตามเพื่อนไปทิ้งเพื่อนไม่ได้ ฟ้าฝนก็ตกหนักมืดครึ้มผิดหูผิดตาหาทางออกไม่เจอ หลบไปหาค้างคืนที่ถ้ำและได้บอกความสงสัยกับเพื่อนว่าพวกเขาอาจข้ามเขตแดนมาแล้ว และเถาวัลย์ที่เห็นในห้วยก็น่าจะเป็น"เครือเขาหลง" ที่ทำให้ตอนนี้พวกเขามาอยู่ในแดนเผตแดนผีอย่างที่เขาเล่าลือกันมานาน จนทั้งคู่พบเจอผีมาหลอกมาหลอนอย่างที่เห็นกันมาหลายคืน และคงเป็นแดนที่พ่อเขาหลงเข้ามาเมื่อแปดปีก่อน และหนทางที่จะออกจากที่นี่ก็มีอยู่ลานก้อมที่ตาเขาเคยคัดลอกตั้งตอนเป็นพระแต่ว่าหายไปแล้วหาไม่เจอ และตาเขาก็เคยทำนายด้วยเบี้ยเจ็ดแก่นวิชาที่ตาได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เป็นพระว่าพ่อจะได้กลับมาหาลูกหาเมีย ถึงครอบครัวจะไม่แน่ใจนักก็ตามเพราะผ่านมานานเต็มที

พวกเขาเพื่อนรักสองคนต้องหาทางเอาตัวรอดกันในป่า จากที่ลูกกำนันเคยทำอะไรไม่ค่อยเป็นเพราะเป็นลูกชายคนเล็กที่แม่เอาอกเอาใจ มาวันนี้ก็พยายามเข้มแข็งให้ได้อย่างพ่อ และเพื่อนที่กล้าหาญกว่าเขามากจนนับถือ ทั้งที่มันลำบากและมีไข้เรื้อรังติดตัวตั้งแต่หัดเข้าป่าจนเขาต้องเอาผ้าห่มเดินป่าของเขาห่มให้และป้อนยาเมื่อไข้กำเริบมาอีกในรอบสองปี และถือว่าเขาพาเพื่อนมาลำบากเจอความเป็นความตาย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็จะไม่เป็นภาระ ส่วนอุ่นแสงก็ว่าให้เพื่อนเชื่อฟังคำพูดเขาอย่างเด็ดขาดเมื่ออยู่ในป่า ทั้งคู่แสดงน้ำใจแก่กันให้เห็นถึงมิตรภาพแม้ในยามที่ผี และเภทภัยมาถึงตัวก่อนที่จะพยายามหาทางเอาตัวรอดจากภูตผีที่หาทางมาหลอกหลอนทุกวี่วัน และหาทางออกจากป่ากันให้ได้ แต่ก็ไม่ลืมคุยเรื่องคำแก้วว่าอุ่นแสงรับได้จริงหรือที่ว่าให้เขาแต่งหล่อนเข้าเรือนอย่าคิดเล่นๆกับหล่อนส่วนเพื่อนนั้นจะทำใจ หรือถ้าเบื่อทีหลังก็ให้หย่ากันแล้วเขาจะดูแลคำแก้วเองด้วยความเต็มใจ

 
 

เป็นหนังสือที่อ่านยากมากในตอนช่วงครึ่งแรก เพราะใช้การเล่าเรื่องและประโยคพูดคุยด้วยภาษาเหนือเยอะมาก และเราไม่เข้าใจความหมายทำให้การอ่านสะดุดเยอะ มีแค่บางคำที่พอจะเคยได้ยิน แปลออก เพราะในหนังสือจะไม่ได้มาแปลคำเมืองให้เราทุกคำ และเล่าเรื่องก็มีบทสวดพื้นเมืองผสมบ้าง มีการเล่าเรื่องหรือบทพูดย้อนความเรื่องเดิมๆอยู่หลายรอบจนทำให้เราเบื่อ แต่พออ่านไปได้สักระยะ คำเมืองที่เฉพาะเจาะจงน้อยลง เริ่มมีการอธิบายคำเมืองบ้างเราก็เริ่มลื่นไหล และคอยดูบทเกี่ยวกับพระนางเพราะเห็นว่าชอบคนเดียวกัน ที่สุดคือแทบไม่มี คุยกันจุ๊บจิ๊บมากแค่ต้นเรื่องกับตอนจบ ที่เหลือคือเพื่อนสองคนเอามาถกกันเองในป่า และสรุปง่ายๆคือเรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสองคนที่เข้าป่าไปด้วยกัน หลงป่า และซึ้งในมิตรภาพจนเป็นเพื่อนเดียวเสี่ยวฮักสมชื่อเรื่อง มีกลิ่นอายความเป็นอยู่ ความเชื่อของเมืองเหนือชัดเจนจนคนภาคกลางอย่างเราต้องตั้งสติในการอ่านอย่างมาก อ่านจบดีใจเหมือนสอบเสร็จก็ไม่ปาน

แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เรานอนไม่หลับตอนกลางคืนเพราะอ่านก่อนนอน แล้วไอ้ประโยคที่เขาย้ำบ่อยๆมันก็เอาแต่ดังในหัวซ้ำไปซ้ำมาว่า เมืองเผตเมืองผี เมืองมืดดำก่ำเส้า วนอยู่นั่นแหละ ไหนจะผีที่ออกเยอะช่วงตั้งแต่กลางเล่มไปอีก




Create Date : 06 สิงหาคม 2564
Last Update : 6 สิงหาคม 2564 15:39:48 น.
Counter : 627 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด