หนังสือเล่าเรื่องราวของเมืองเชียงยูง ประเทศที่อุดมสมบูรณ์และรักษาบ้านเมืองไว้เหมือนเมื่อครั้งอดีต เชียงยูงเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่ "ปราณ วีระพงศ์" เพิ่งมาเป็นทูตประจำที่นี่และได้รับเชิญจากเจ้าหลวงให้ร่วมงานประจำปีที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณอย่างการชม"ฟ้อนนกยูง" ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถชมได้ และจะมีการฟ้อนเพียงปีละครั้งโดยนักฟ้อนที่ต้องสืบสายเลือดมาจากทวดกิงกุลา นักฟ้อนนกยูงคนแรกของเชียงยูงเท่านั้น ตามคำบอกเล่าสืบทอดกันมาว่า"หากปีใดไม่มีการฟ้อนยกยูงในคุ้มหลวงเมื่อนั้นจะถึงคราวสิ้นวงศา" และนักฟ้อนนกยูงจะได้รับอภิสิทธ์หลายอย่างรวมถึงถูกจำกัดสิทธิ์ด้วยโดยเฉพาะการห้ามพบกับคนนอกคุ้มหลวง แต่การที่นักฟ้อนนกยูงอย่าง "รินรุ้ง" นำ "กะบังหน้า" เป็นของขวัญให้แก่เขาตามธรรมเนียมที่นักฟ้อนจะต้องมอบของขวัญเป็นสิ่งใดก็ได้แก่แขกในงานคนใดคนหนึ่งตามใจนาง และนางได้มอบกะบังหน้าอันเป็นของสำคัญชั้นสูงของนักฟ้อนนกยูงให้ปราณ แต่หลังจบงาน "กรมวังอินถา" ชายชราคนสำคัญของเชียงยูงกลับเดินมาเตือนเขาให้รีบนำกะบังหน้าไปคืนรินรุ้ง หรือไม่ก็นำไปลอยน้ำเสีย อย่าเก็บไว้กับตัวแต่ไม่อธิบายเพิ่มว่าเพราะเหตุใด จากที่เขาไม่ได้สนใจเรื่องกะบังหน้านักฟ้อนมากไปกว่าของขวัญชิ้นสวย ก็เริ่มสืบหาเรื่องราวเกี่ยวกับนักฟ้อนนกยูง และกะบังหน้า โดยเฉพาะการที่ต้องถามเอากับคนให้อย่าง"รินรุ้ง" ซึ่งการพบเจอเธอถือเป็นเรื่องต้องห้ามและร้ายแรง แต่เมื่อพยายามจนได้พูดจากับรินรุ้ง เธอเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวตำนานใดๆเกี่ยวกับกะบังหน้า และออกจะโกรธมากที่ได้ยินว่าเขาได้รับคำแนะนำให้ทำลายมันลง แต่ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้หล่อนสบายใจว่าเขาเลือกที่จะเก็บมันไว้
เรื่องราวลี้ลับเหลือเชื่อต่างๆที่เขาได้พบเจอ ถึงเขาดูจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องราวที่เล่าสืบทอดหรือตำนานใดๆ แต่การที่ยิ่งเขาพยายามค้นหากลับยิ่งพบเจอเรื่องราวให้ต้องสับสนมากขึ้นไปอีก และยิ่งทำให้เขาและคนรอบข้างเริ่มพบกับอันตราย ทั้งสาง ผีคนที่สิงในร่างเสือ สัตว์ในตำนานที่คนเมืองเชียงยูงเชื่อว่ามันสามารถกลายร่างได้ และดุร้ายมาก ที่บุกมาทำร้ายเขาถึงที่ รวมถึงการเจอกระโหลกคน มีด และกะบังหน้านกยูงอีกอันในย่ามเก่าใบหนึ่งบนชั้นสองในห้องเก็บของของสถานทูต รวมถึงการเห็นคนที่คล้ายตัวเขา และรินรุ้งในอดีต และเรื่องราวเหลือเชื่ออีกมากมาย ยิ่งเขาพยายามค้นหาความจริง เรื่องเลวร้ายก็ยิ่งทวีความรุนแรง
จากคำนำสำนักพิมพ์บอกว่าเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องเยี่ยมของคุณประภัสสร เสวิกุล เราก็คิดถึงแนวแฟนตาซีแบบทั่วไป พอมาอ่านเล่มนี้คือมันออกแนวลี้ลับ ตำนานสยองขวัญซะมากกว่าคืออ่านแล้วมีเรื่องให้คาใจ มีปมใหม่เข้ามาซ้อนให้ยิ่งลุ้นว่ามันจะเป็นยังไง ลุ้นแล้วลุ้นอีก มันลุ้นจนเราทนไม่ไหวขอเปิดดูตอนจบหน้าสุดท้ายก่อนเพราะถ้าดีก็สบายใจ ถ้าไม่ดีก็จะได้เห็นว่าเขาต้องพบเจออะไรบ้าง ทำใจไว้ก่อนประมาณนั้นค่ะ เพราะเนื้อเรื่องมันบีบหัวใจเราเกินไปมันเหมือนยิ่งดำเนินเรื่องมันยิ่งซับซ้อน วุ่นวาย และยิ่งอ่านยิ่งกลัว จนหดขาให้พอดีเตียงเพราะกลัวผีสาง กลัวฉากน่ากลัวๆในเชียงยูงที่อธิบายแล้วน่าสะพรึง และคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ไม่คิดเลยว่าหนังสือลดราคาที่เราซื้อมาเพราะติดตามงานเขียนคุณประภัสสรจะสนุกมากมายขนาดนี้
ถ้าลองกลับไปอ่านผลงานแรกๆ อย่าง เวลาในขวดแก้ว หรือ ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน จะรู้สึกว่าคนละแนวโดยสิ้นเชิง
เวลาอ่านงานของคุณประภัสสรต้องตั้งใจอ่านและเตรียมเวียนหัวค่ะ
แต่ระดับมีฝีมืออย่างนี้
คุ้มค่ากับการอ่านให้จบแน่นอน
เคยนึกอยากเขียนเรื่องสยองขวัญกะเขาบ้าง
แต่...ความเป็นคนช่างกลัวของเรา ทำให้โครงการนี้ยังมิประสบผลสำเร็จเลย