รีวิวหนังสือ “Maybe you should talk to someone เพราะนี่คือสิ่งที่นักจิตวิทยาไม่เคยบอก – Lori Gottlie



หนังสือเล่าเรื่องราวจากนักจิตบำบัดผู้ซึ่งเคยทำงานในวงการฮอลลีวูดและต้องทำหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์ ทำให้เธอได้ไปดูงานจริงในห้องฉุกเฉินตามคำชวนของหมอโจซึ่งรับหน้าที่เป็นหมอที่ปรึกษาประจำกองถ่ายแถมยังจบปริญญาโทเกี่ยวกับภาพยนตร์ด้วย เพื่อนำประสบการณ์ที่พบเจอกลับมาทำหนังให้สมจริงมากที่สุด แต่จากการดูงานกลับทำให้เธอตัดสินใจเรียนแพทย์ตามคำแนะนำของหมอโจที่เห็นถึงความสนใจที่โลริมีต่อการมาดูงานที่ห้องฉุกเฉินเป็นประจำแม้ว่าจะกับหมอคนอื่นก็ตาม แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจลาออกและค้นพบสิ่งที่ใช่กว่าสำหรับเธอนั่นคือการเป็นนักจิตบำบัดซึ่งได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่มารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและทำให้เธอได้พบกับคนเดิมๆได้เพื่อติดตามผลการรักษา และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

แล้ววันหนึ่งชีวิตเธอกลับต้องพบปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้อย่างปกติเช่นเดิมหลังจากที่จู่ๆแฟนหนุ่มก็มาบอกเลิกและให้เหตุผลว่าเขาไม่ชอบเด็กและไม่ต้องการอยู่ด้วยกันกับเด็กไปอีกนานจนกว่าจะถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเด็กนั่นก็คือลูกชายของเธอนั่นเองทั้งที่ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันมาหลายปีและเขาก็ไม่เคยบอกอะไรเธอก่อนหน้านี้เลย ทำให้เธอรู้สึกเสียสูญอย่างหนักและไม่อาจใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติต่อไปได้รวมถึงมันยังส่งผลต่อการทำงานของเธอด้วยเพราะจิตใจที่หลุดลอยทำให้วันหนึ่งเธอเผลอใส่เสื้อนอนตัวที่ใส่เมื่อคืนมาทำงานโดยคิดว่าเป็นเสื้ออีกตัวที่วางเตรียมไว้บนเตียง และมันดันเขียนที่ด้านหน้าว่า "ฉันอยากนอนต่อมากกว่า" อีกต่างหาก 

โลริจึงตัดสินใจไปพบนักบำบัดเช่นเดียวกันโดยการแนะนำจากเพื่อนนักบำบัดด้วยกันและได้บำบัดกับ "เวนเดลล์" เพราะนักบำบัดเองก็มีปัญหาชีวิตไม่ต่างจากคนอื่น แต่หานักจิตบำบัดยากกว่าคนทั่วไปเพราะต้องหาคนที่ไม่รู้จักเราเพื่อไม่ให้มองปัญหาผิดเพี้ยนหรือเข้าข้างกัน และเลือกหาคนที่คิดว่าจะเหมาะสมกับปัญหาของ ในขณะที่เธอเองก็ยังต้องประคองสติไว้เพื่อรับคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาเช่นกัน

ซึ่งในเล่มก็จะแบ่งเป็นตอนๆถึงช่วงเวลาในแต่ละครั้งของแต่ละคนที่เข้ามารับการบำบัดสลับกับการเข้ารับการบำบัดของโลริเองด้วยเช่น "จอห์น"ชายที่มาบำบัดเพราะบอกว่ามีปัญหาการนอนหลับ และเข้ากับภรรยาไม่ได้และชอบบอกว่าคนอื่น "ปัญญาอ่อน" อีกทั้งยังชอบใช้โทรศัพท์คุยงานตลอดเวลาในระหว่างชั่วโมงบำบัด, "จูลี่" หญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานแต่กลับพบข่าวร้ายว่าเธอเป็นมะเร็ง และกำลังพยายามใช้ชีวิตแสนสั้นต่อไป ทั้งที่เธอเพิ่งแต่งงานกับคนที่เธอรักและเหมือนการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวเท่านั้น แล้วยังเป็นคนไข้คนแรกของโลริที่ขอให้อยู่กับเธอจนวาระสุดท้าย, "ริต้า" หญิงสูงอายุที่ตลอดชีวิตไม่เคยปล่อยให้ตัวเองได้มีความสุข เพราะสิ่งที่เธอเคยทำในอดีตทำให้เธอคิดว่าเธอไม่ควรมีความสุขกับปัจจุบัน และกันตัวเองออกจากสิ่งดีๆที่เธอควรได้รับ

ซึ่งผู้เขียนจะเล่าเรื่องราวการบำบัดในแต่ละช่วงของคนไข้แต่ละคนสลับกันไป รวมทั้งของตัวโลริเองด้วย ซึ่งเราก็จะได้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงของพวกเขาที่เก็บไว้ในใจ เรื่องราว ประสบการณ์ต่างๆที่ได้พบและทำให้พวกเขามีปัญหาและแสดงการกระทำต่างๆออกมา รวมถึงแนวทางในการรักษาคนไข้แต่ละคนของนักบำบัด และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจิตวิทยาที่ทำให้เราเข้าใจภาวะจิตใจตัวเองได้มากขึ้น

 



เป็นหนังสือที่ตอนแรกเราคิดว่าต้องอ่านยากประมาณนึงและน่าจะใช้เวลานานในการอ่านให้จบเพราะตัวหนังสือค่อนข้างเล็ก แต่พอได้อ่านจริงพบว่าสมแล้วกับที่คนเขียนเคยทำงานเขียนบทภาพยนตร์เพราะเขาเขียนเรื่องราวออกมาได้น่าสนใจมาก แล้วเราก็ชอบหนังสือที่มีการแบ่งบทเป็นบทสั้นๆมากทำให้อ่านได้เร็วกว่าเดิมไปอีกเยอะ 

และสิ่งที่สำคัญคือเรื่องราวจากการบำบัดทำให้เราได้ทึ่งมากทั้งเรื่องวิธีในการบำบัดทางจิตวิทยา เรื่องราวชีวิตของคนไข้ ผลลัพธ์ที่ได้ และความจริงเกี่ยวกับจิตวิทยาที่ทำให้เราเข้าใจภาวะจิตใจของตัวเองมากขึ้นและค้นพบอะไรหลายอย่างมากที่ทำให้เรารู้สึกปลดล็อคในตัวเอง รู้สึกว่าอารมณ์ ความรู้สึกบางอย่างและต้นตอที่แท้จริงเกิดจากอะไร และทำให้เราได้ทบทวนตัวเองและค้นพบความจริงบางอย่างในใจ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ชุบชูจิตใจเรามาก เพราะได้อ่านช่วงที่กำลังรู้สึกหดหู่ใจไปหมด เบื่อ เซ็ง แล้วการได้อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้กลับมาทบทวนความรู้สึกตัวเองว่าเป็นอะไร เกิดจากอะไร แล้วพบคำตอบให้เราได้จัดการต่อไปอย่างถูกต้อง






 




Create Date : 24 มีนาคม 2565
Last Update : 25 มีนาคม 2565 14:53:11 น.
Counter : 1154 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด