รีวิวหนังสือ "The little book of Ikiigai อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่ - Ken Mogi"
เป็นหนังสือที่ว่าด้วยปรัชญาในการดำรงชีวิตของคนญี่ปุ่นซึ่งแฝงไว้ในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งคำว่า อิคิไก ใช้อธิบายถึงความสุขและความหมายของชีวิต อิคิ (แปลว่าชีวิต) ไก (แปลว่าเหตุผล) ซึ่งถูกนำไปใช้กับเรื่องเล็กๆจนถึงเรื่องใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยเสาหลักอยู่ ๕ ประการ
๑.การเริ่มต้นเล็กๆ เป็นการเริ่มต้นลงมือทำจากสิ่งเล็กๆ เริ่มจากฐานสู่ยอด เช่น ชาวสวนแตงมัสก์เมลอนที่ผลผลิตของเขาได้วางขายในร้าน"เซมบิคิยะ" (ร้านผลไม้ระดับพรีเมี่ยมที่ขายผลไม้ราคาสูงมากๆ คนมักจะมาซื้อเพื่อเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ) ชาวสวนเริ่มจากการดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่พรวนดิน ตัดแต่ง เลือกปลูกอย่างเอาใจใส่ในแตงของเขา ซึ่งในหนึ่งต้นจะให้มีผลเพียงลูกเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้มาแย่งสารอาหารและคอยดูแลอย่างดี
๒. การปลดปล่อยตัวเอง การยอมรับตัวเอง ปลดปล่อยตัวตนลวงตา(สถานะทางสังคม ตำแหน่ง) เพื่อกลับมายอมรับตัวเองที่แท้จริงและมีความสุข ลดละตัวตนซึ่งจะทำให้เข้าสู่ "สภาวะลื่นไหล" ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะแสดงความสามารถที่ดีที่สุดออกมา
๓. ความสอดคล้องและยั่งยืน ซึ่งอาจจะมีความสำคัญที่สุด และเป็นกระบวนการทางความคิดแบบญี่ปุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ที่สุด เช่น การสืบทอดการรื้อ"ศาลเจ้าอิเสะ" ทุกยี่สิบปี โดยรื้อถอนและสร้างใหม่ตามโครงสร้างเดิมบนพื้นที่ใหม่อย่างพิถีพิถัน โดยใช้ต้นสนญี่ปุ่น ซึ่งบางส่วนต้องใช้ต้นสนที่มีอายุมากกว่าสองร้อยปีเท่านั้น จึงเป็นการอนุรักษณ์ต้นสนทั่วประเทศไปในตัว อีกทั้งเป็นการสนับสนุนฝึกฝน และสืบสานวิธีทำงานของช่างไม้ ให้ส่งต่อความรู้ในการสร้างจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีการทำเช่นนี้มากว่าพันปีแล้ว
๔. ความสุขกับสิ่งเล็กๆ ธรรมเนียมปฏิบัติในญี่ปุ่นจะเริ่มต้นสิ่งแรกสุดยามเช้าด้วยประเพณีดั้งเดิมอย่างการดื่มชาเขียว แม้ปัจจุบันอาจจะเป็นชา กาแฟ ช็อกโกแลต ซึ่งทำให้เหมาะกับคนที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ถ้าสร้างนิสัยในการทำสิ่งที่ชอบที่สุดเป็นสิ่งแรกตอนตื่นนอน หรืออย่างการเล่นโชกิ(หมากรุกญี่ปุ่น) ของพนักงานออฟฟิศที่รวมกลุ่มกันมาเล่นในทุกเช้าบนตู้รถไฟเดิมระหว่างการเดินทางไปทำงาน
๕. การอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ เป็นการเชื่อมโยงกันกับข้อสอง คือการปลดปล่อยตัวเอง จนเข้าสู่สภาวะลื่นไหลในการทำงาน ซึ่งก็คือการอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ใส่ใจกับสิ่งที่ทำตรงหน้ากับปัจจุบันอย่างใส่ใจ จนแม้จะต้องทำงาน หรือสิ่งที่ตนรักนานเท่าไหร่ก็ทุ่มเท จดจ่อด้วยความสุขกับสิ่งที่ทำตรงหน้าและทำต่อไป
เป็นหนังสือเล่มเล็กๆที่อ่านยากกว่าที่เราคิดไว้ ที่คนอื่นพูดถึงมันฟังดูอ่านง่าย ทำง่าย แต่พอได้อ่านจริงๆตั้งแต่หน้าแรกคือมันไม่ใช่แค่การอยากตื่นมาทุกเช้าเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรัก และเริ่มต้นง่ายๆด้วยการจิบเครื่องดื่มสุดโปรดยามเช้าอย่างที่หลายคนพูดถึงเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ อันนั้นมันจิ๊บจ้อยมาก! เพราะมันคือการทำทุกสิ่งด้วยความพิถีพิถันตั้งใจขั้นสุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทุ่มเทให้ได้ต่างหาก มันคือการทำสิ่งเล็กๆก็จริง แต่เป็นการทำให้มันดีกว่า พิเศษกว่าหรือที่เรียกว่า "โคโดวาริ" ซึ่งเป็นทัศนคติหนึ่งที่ก่อร่างสร้างเป็นแก่นกลางของอิคิไก ซึ่งพออ่านแล้วก็เห็นภาพได้ง่ายเพราะความพิเศษของญี่ปุ่นที่เห็นได้บ่อยคือใส่ใจแม้ในรายละเอียดเล็กน้อยแต่ทำให้ชาติอื่นว้าวได้ เช่นการห่อของขวัญแบบญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากเป็นแบบญี่ปุ่นเองแล้วยังห่อเร็วมากๆด้วยแต่สวยกริบ
แต่เราก็ชอบตอนที่พูดถึงนักมวยซูโม่คนหนึ่งมากเป็นพิเศษเพราะถึงอายุจะเยอะ และไม่ได้ไปถึงขั้นที่ดีๆแต่เขาก็ไม่ถอดใจและยืดหยัดทำในสิ่งที่ตัวเองรักต่อไป
ซึ่งเสาหลักห้าประการของอิคิไกก็ไม่ได้เรียงเป็นข้อๆแบบที่เราทำ จะเป็นการพูดถึงสลับกันไปมา แต่ว่าเราเอามาเรียงตามที่เขาบอกว่าข้อหนึ่งถึงห้ามีอะไรบ้างที่จะถูกพูดถึงในหนังสือเล่มนี้เพื่อที่จะเล่าออกมาได้ง่ายๆ แล้วหนังสือก็เล่มเล็กมากเปิดอ่านยาก กางได้น้อยไปนิดนึงสำหรับเราอ่านทีแทบจะแหกหนังสืออยู่แล้ว แต่ตัวหนังสือคือใหญ่มาก รวมๆก็ชอบแต่ไม่ได้ประทับใจอย่างที่คิด
และนี่คือบางส่วนจากที่เราชอบ
ชีวิตมักเป็นเช่นนี้ คุณต้องยอมรับกับสิ่งที่ได้มา แล้วจากนั้นก็เป็นไปตามสถานการณ์ การค้นหาอิคิไกในสภาพแวดล้อมใดๆก็ตาม เรียกได้ว่ามันคือรูปแบบหนึ่งของการปรับตัว เรามีอิคิไกได้ในทุกสภาพแวดล้อม มันคือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ว่าผลงานของเราจะเป็นเช่นไร
ไม่เพียงเฉพาะผู้ชนะเท่านั้นที่จะมีอิคิไก ทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ต่างก็มีอิคิไกได้โดยเท่าเทียมในการเริงร่ายอย่างสอดประสานกันของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต มันไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้แพ้และผู้ชนะ มีเพียงความเป็นคนเหมือนกันเท่านั้น