รีวิวหนังสือ "คำขอสุดท้ายของผู้ตายถึงผม - ฟุจิมารุ"

 
"ซาคุระ ชินจิ" เด็กหนุ่มม.ปลายถูกเพื่อนสาวห้องเดียวกันอย่าง "ฮานาโมริ ยูกิ" ชักชวนให้ทำงานเป็นยมทูตพาร์ทไทม์ด้วยกันด้วยค่าแรงที่น้อยนิด แถมยังต้องทำงานล่วงเวลา และไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องทำงานตอนไหนอีกต่างหาก แต่ข้อดีของงานนี้คือหลังจากทำงานครบหกเดือนแล้วจะสามารถขอพรอะไรก็ได้หนึ่งข้อ เขาจึงตอบตกลงไปและได้เริ่มงานในฐานะยมทูต ซึ่งมีหน้าที่ในการขจัดความอาลัยอาวรณ์ของผู้ตายที่ยังคงตกค้างอยู่บนโลกนี้

ความอาลัยอาวรณ์หรือเรื่องที่ค้างคาใจต่างๆนั้นทำให้เกิดลอสไทม์ขึ้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ตายแต่ละคนมีเวลาไม่เท่ากันบางคนแก้ไขได้หรือยอมรับกับเรื่องราวได้ไวก็อยู่ในช่วงเวลานี้ไม่นาน แต่บางคนก็นานมาก และในระหว่างช่วงเวลานั้นเขาก็จะดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปยังทำอะไรได้เหมือนเดิม พูดคุยกับผู้คนได้ตามปกติ แต่เมื่อเขาจากไปผู้คนก็จะจำเรื่องราวระหว่างที่เขาทำในช่วงลอสไทม์นั้นไม่ได้ เหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น และผู้ตายแต่ละคนก็จะมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันโดยความสามารถนั้นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ตายและเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถคาดเดาเรื่องราวที่ค้างคาใจได้ ทำให้ยมทูตสามารถช่วยแก้ไขเรื่องราวต่างๆได้แต่หากแก้ไม่ได้ก็จะเปลี่ยนยมทูตคนอื่นมาดูแลแทนไปเรื่อยๆ

และเรื่องราวชีวิตของผู้ตายแต่ละรายที่ยมทูตได้รับหน้าที่ให้ดูแลก็จะเป็นเรื่องที่คล้ายคลึงกับเรื่องทุกข์ใจของพวกเขาเหมือนอย่างที่ซาคุระคุงได้รับมอบหมายให้จัดการก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เพราะเขาเองก็ทุกข์ใจเรื่องครอบครัว งานของเราจึงเป็นการช่วยคลี่คลายปมผู้ตายที่ค้างคาใจกับครอบครัวตัวเอง เพราะงานยมทูตเป็นงานที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับการเยียวยาไปพร้อมกัน เพราะในระหว่างที่ยมทูตทำหน้าที่ช่วยผู้ตายไขเรื่องที่ค้างคาใจก็จะได้เห็นเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ผู้ตายอาจบิดเบือนความเป็นจริงเพราะยังรับไม่ได้กับเรื่องจริงหรือไม่คิดว่าสิ่งเหล่านั้นผิดเพราะเหตุผลบางอย่าง ยมทูตก็จะต้องพยายามสังเกตุว่ามีสิ่งใดผิดปกติไปหรือไม่จากเรื่องราวต่างๆที่ผู้ตายแสดงให้เห็นในลอสไทม์ รวมถึงเชื่อมโยงกับความสามารถพิเศษของผู้ตายด้วย ซึ่งเรื่องราวต่างๆนั้นก็จะทำให้ยมทูตได้เห็นอะไรมากมายและทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆมากขึ้นจนสามารถช่วยผู้ตายได้ รวมทั้งได้เข้าใจปัญหาของตัวเองมากขึ้นทีละนิดจนเข้าใจและยอมรับได้เช่นกัน

 

เป็นหนังสือที่ทำให้เราได้คิดตามปัญหาของผู้ตายแต่ละราย แล้วก็ได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจิตใจและการกระทำของคนที่เคยถูกกระทำความรุนแรงจากคนในครอบครัวว่าเขาน่าสงสาร แต่ก็น่าหงุดหงิดไปด้วยตรงที่เจ็บแต่ก็ยังทนแล้วก็รักและไม่ยอมจะจากไปเจออะไรที่ดีกว่าแถมยังปกป้องคนที่ทำร้ายด้วย อ่านตอนนี้แล้วหดหู่ใจมากยิ่งฉากที่น้องตายยิ่งแบบอ๊าก...
แล้วก็มีอีกหลายรายที่น่าสงสาร จุกอกบ้างอะไรบ้าง แถมตอนเริ่มเรื่องกับตอนจบก็คือพีคอีกชอบเลย ทำให้เรามีความหวังกับหนังสือที่เขียนเป็นเรื่องสั้นๆของหลายตัวละครที่มีปมปัญหาแตกต่างกันไปแต่มีตัวละครหนึ่งที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวไว้ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่พักหลังอ่านเจอแนวนี้เยอะแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะอินอะไรเท่าไหร่ แต่ละเรื่องก็คล้ายๆกันไปหมด แต่สำหรับเรื่องนี้ทำให้เรามีความหวังในการอ่านเล่มที่เหลืออีกมากขึ้นมาใหม่ มันไม่ได้เรียบเรื่อยไปเฉยๆแต่มีอะไรมาทำให้เราสนใจและคาดไม่ถึง



Create Date : 03 สิงหาคม 2566
Last Update : 11 สิงหาคม 2566 21:08:47 น.
Counter : 243 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด