รีวิวหนังสือ "Utopia ยูโทเปีย : มหานครในฝัน - เซอร์โธมัส มอร์"


หนังสือเล่าเรื่องราวของดินแดนยูโทเปีย ซึ่ง"ราฟาเอล" เคยเดินทางไปเยือนและได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลา ๕ ปีและเมื่อเขาเดินทางกลับมาอังกฤษก็ได้พบกับเซอร์โธมัส มอร์ ตามคำแนะนำของเพื่อนที่ให้ทั้งสองได้พบกันและเล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมาให้ฟัง

ว่าดินแดนแห่งนั้นลักษณะภูมิประเทศ บ้านเมือง การปกครอง การใช้ชีวิตของคนที่นั่นเป็นอย่างไร โดยราฟาเอลเริ่มพูดถึงเรื่องของขโมยที่เขาได้เห็นระหว่างเดินทางมาที่จุดนัดพบของพวกเขาว่าที่นี่มีคนมากมายที่ต้องโทษถึงตายด้วยการถูกแขวนคอเพียงเพราะการลักเล็กขโมยน้อยเต็มไปหมดนั้นถือเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมเพราะนั่นไม่ชั่วร้ายมากพอจะได้รับโทษ และถึงโทษจะหนักขนาดนี้ก็ยังมีขโมยมากมายอยู่ดีจึงทำให้เห็นว่าวิธีนี้แก้ปัญหาไม่ได้และควรใช้การลงโทษแทน เช่นให้ไปใช้แรงงาน ให้ทำงานหนักแต่ค่าแรงถูกกว่าคนปกติ สามารถลงโทษได้ถ้าทำงานไม่ดีแต่ก็ให้มีข้าวกิน และจับแยกด้วยการให้ใส่เสื้อผ้าสีเฉพาะ ขลิบที่หูนิดหน่อยเป็นสัญลักษณ์เพื่อไว้แยกแยะและกันหนีแทนเหมือนอย่างในดินแดนยูโทเปียที่หากใครทำความผิดก็จะถูกลงโทษ อย่างมากก็เป็นการเนรเทศแต่การทำให้ถึงตายนั้นเกิดขึ้นน้อยมากเพราะการฆ่าถือเป็นเรื่องต่ำช้ามากและคนที่ทำงานนี้ก็จะเป็นพวกทาส หรือต่างชาติที่อาสามารับจ้างทำงานฆ่าสัตว์เป็นอาหารให้ชาวเมืองยูโทเปีย และจะทำในเขตนอกชุมชน

การแต่งกายของคนในยูโทเปียก็จะแต่งกายง่ายๆเป็นผ้าเนื้อหยาบที่ปีหนึ่งจะได้รับเพียงไม่กี่ตัวและถูกใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด และทองคำถือเป็นของต่ำใช้กับนักโทษเช่นเดียวกับสร้อยและมงกุฎ ส่วนเพชรหรือพลอยก็เป็นแค่ของให้เด็กเล่นตอนยังเล็กเท่านั้น ที่ยูโทเปียผู้คนจะทำงานทำวันละ ๖ ชั่วโมงหรือน้อยกว่าถ้างานน้อยและส่งผลผลิตทั้งหมดเข้าสู่ส่วนกลางของแต่ละเขต หากต้องการอะไรก็ไปเบิกมาได้เสมอตามความจำเป็นและเท่ากับจำนวนคนในครอบครัว ช่วงเวลากินข้าวก็จะไปกินกันที่ห้องอาหารส่วนกลางซึ่งมีการแบ่งเวรจัดทำอาหารไว้ การเดินทางข้ามเขตจำเป็นต้องมีวีซ่าหากไม่มีจะมีโทษ และบ้านแต่ละหลังจะไม่มีเจ้าของประจำเมื่อครบเวลาก็จะต้องย้ายเช่นเดียวกับสถานที่ทำงานที่มีกำหนดเวลาว่าต้องอยู่กี่ปี นอกจากว่าคนๆนั้นจะมีความสามารถพิเศษและอยู่ช่วยสอนต่อซึ่งต้องผ่านการลงความเห็นจากสภา และทุกคนจะไม่มีทรัพย์สมบัติส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น แต่ทุกคนมีสิทธิเสรีในการนับถือศาสนา

ด้านการเรียนทุกคนจะได้รับการเรียนขั้นพื้นฐานก่อนที่จะออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมายตามสมควร แต่ถ้าใครมีความสามารถด้านการเรียนเป็นพิเศษก็จะได้รับการยกเว้นให้เรียนต่อได้ และคนที่ทำงานตามไร่ถ้าสนใจจะเรียนและดูมีความสามารถก็กลับเข้าไปเรียนได้แต่ถ้าผลการเรียนไม่ดีก็จะถูกส่งกลับมาทำงานเหมือนเดิม และในระหว่างช่วงพักจากการทำงานคนงานก็สามารถเข้าเรียนวิชาต่างๆที่เปิดสอนได้ตามความสนใจ

ส่วนเรื่องกฎหมายของยูโทเปียก็จะมีน้อยมากและง่ายต่อการตีความ ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อเตือนผู้คนถึงสิ่งที่พวกเขาต้องทำ และการยิ่งตีความสลับซับซ้อนเท่าไร กฎหมายก็ยิ่งไร้ประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นในเมื่อจะมีคนเพียงไม่กี่คนที่จะเข้าใจ และทุกคนมี


ตอนแรกที่เราอ่านเราก็ชอบดินแดนยูโทเปียนะ ดูมีระเบียบ เรียบร้อย แต่พออ่านๆไปมันชักจะแปลกๆและไม่มีสิทธิเสรีเท่าไหร่ ดูจำกัดนั่นนี่เยอะแยะไปหมดเหมือนจะดีแต่อ่านๆไปชักจะไม่ดีและดูเหมือนการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ชอบกลแล้วพออ่านมาถึงตอนจบที่เซอร์โธมัส มอร์ลงความเห็นในใจหลังจากได้ฟังเรื่องราวดินแดนยูโทเปียก็ตรงใจเราเป๊ะ และได้คำตอบว่าเป็นระบบคอมมิวนิสต์จริงๆและเรื่องราวหลายๆอย่างก็ยากจะเห็นดีเห็นงามด้วยเหมือนกันเลย แต่ก็ดีใจที่ได้อ่านหนังสือ classics ที่โลกยกย่องกับเขาจบและอ่านรู้เรื่องด้วย4เพราะเรื่องราวไม่ได้เข้าใจยากและเซอร์โธมัสเขียนเล่าเรื่องได้เห็นภาพมาก 




Create Date : 24 มีนาคม 2565
Last Update : 25 มีนาคม 2565 12:00:11 น.
Counter : 1705 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด