รีวิวหนังสือ "ห้องอาหารนกนางนวล - มูเระ โยโกะ"

 
 

หนังสือเล่าเรื่องราวของ"ซาจิเอะ" หญิงชาวญี่ปุ่นร่างเล็กคนหนึ่งที่ตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างการเปิดร้านอาหารในฟินแลนด์เพราะเธอหลงใหลในการทำอาหารมากกว่าการฝึกวิชาป้องกันตัวที่พ่อเธอเปิดสอนและต้องฝึกอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก และหาเงินทุนด้วยการซื้อลอตเตอรี่จนถูกรางวัลที่หนึ่ง จนได้มาเปิดร้านเล็กๆชื่อ"ห้องอาหารนกนางนวล" เพราะชอบยามที่มองนกนางนวลที่ฟินแลนด์บินได้อย่างอิสระ มีความสุข แต่ร้านของเธอก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักเพราะคนที่นี่มักจะเงียบๆไม่ค่อยทักทายคนแปลกหน้า จึงทำให้มีแต่เด็กชายคนหนึ่งที่มาร้านเสมอเพราะกำลังฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นและหลงใหลกัชชาแมนอย่างมากและต้องการให้เธอเขียนเนื้อเพลงให้

จนทำให้เธอได้พบกับ "มิโดริ" หญิงชาวญี่ปุ่นร่างสูงใหญ่อีกคนที่เธอได้พบในร้านหนังสือและปรี่เข้าไปทักทายและถามว่าร้องเพลงกัชชาแมนเป็นหรือไม่จนทำให้ได้มาร่วมงานกันหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากเธอว่าแค่อยากใช้ชีวิตเป็นของตัวเองบ้างแล้วเห็นประเทศฟินแลนด์ในโทรทัศน์พอดีเลยเลือกมา และถึงแม้จะมีคนมาช่วยเพิ่มก็ไม่ได้ทำให้ร้านจะมีคนเข้ามาแต่อย่างใดนอกจากมาส่องร้านจากภายนอกมากกว่าเดิมด้วยความอยากรู้ อยากเห็นว่ามีคนในร้านเพิ่มมาอีกคนแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งมี"มาซาโกะ" หญิงชาวญี่ปุ่นอีกคนที่อมทุกข์เดินเข้ามาในร้านของเธอด้วยเหตุว่ากระเป๋าเดินทางหายเจ้าหน้าที่กำลังตามหาให้และเดินทางมาฟินแลนด์เพราะจิ้มเอาในแผนที่แล้วได้ที่นี่เลยเดินทางมา

เรื่องราวของหญิงชาวญี่ปุ่นสามคนที่เดินทางมาพบกันที่ฟินแลนด์ด้วยต่างเหตุผล แต่ก็มาช่วยกันทำให้ห้องอาหารนกนางนวลสามารถดำเนินกิจการไปได้ด้วยมิตรภาพของพวกเธอในแดนไกล แต่ได้เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม


เป็นหนังสือมือสองที่เราซื้อมาเพราะว่าจองทัน และเป็นคนเดียวกับที่เขียน "วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว" ซึ่งก็มีบรรยากาศการเปิดร้านอาหารใหม่ ตกแต่งแบบมินิมอล และพยายามยืนหยัดด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องนี้จะได้อะไรมาแบบง่ายๆอย่างถูกลอตเตอรี่เลยได้เงินมาเปิดร้าน จิ้มนิ้วบนแผนที่เอาอะไรแบบนี้ แต่ว่าเบื้องหลังชีวิตของทั้งสามคนก็ไม่ได้ง่ายเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันก็ดีที่ชีวิตมันจะได้อะไรมาง่ายๆบ้าง และคนที่โชคดีแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกดีที่เรื่องแบบนี้มันมีในโลกถึงจะยังไม่เป็นเราก็เถอะ 

แม้ว่าคนอื่นจะบอกว่าหนังสือเล่มนี้ดูเรื่องราวไม่สมเหตุสมผลเยอะจนเราแอบใจเสียที่จองหนังสือทัน แต่พออ่านแล้วชอบมากกว่าเล่มแรกมากๆเพราะเรื่องราวไม่ซับซ้อน ดำเนินเรื่องง่ายๆ และรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ดีนะชีวิตที่ได้อะไรมาง่ายๆบ้างแบบนี้ไม่ต้องทำให้มันยุ่งยากตลอดเวลา บรรยากาศที่เล่าในเรื่องก็สงบเรื่อยๆ ออกเหงาๆบ้างแต่อบอุ่น แต่ก็อดสงสารพ่อซาจิเอะที่อยู่ญี่ปุ่นเหมือนกัน นางบอกพ่อก่อนวันเดินทางว่าจะไปเท่านั้นเองแล้วเขามีกันแค่สองพ่อลูกด้วย


นี่คือส่วนที่เราชอบค่ะ

-ใช้ของอย่างคุ้มค่ามันน่าอายตรงไหน จงภูมิใจกับมันซะ

-ถึงจะอยู่ใต้ท้องฟ้าเหมือนกัน แต่การได้ออกมาข้างนอกแบบนี้นี่ดีจังเลยนะ

-มันต้องได้เรื่องบ้างสิถ้าเราตั้งใจจริง ไม่ว่าจะเป็นร้านแบบไหนก็ใช่ว่าจะมีคนแห่กันเข้ามาตั้งแต่แรกสักหน่อยนะคะ ถ้าเราให้ใจกับมันก็ต้องได้เรื่องบ้างแน่ๆค่ะ

-"ก็ไม่จำเป็นว่าคนที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะต้องมีความสุขกันทุกคนนะคะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือจะไปที่ไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า ปัญหาอยู่ที่ว่าคนคนนั้นจะทำยังไง คนที่จัดการได้ไม่ว่าจะอยู่ในที่แบบไหนก็จัดการได้ ส่วนคนที่จัดการไม่ได้ จะไปที่ไหนก็ทำไม่ได้หรอกค่ะ ฉันว่าน่าจะเป็นแบบนั้น" ซาจิเอะพูดเสียงเฉียบขาด
"นั่นสินะคะ ไม่ใช่เพราะสิ่งรอบตัว แต่เป็นเพราะตัวเราเอง"


มีทำเป็นหนังด้วยนะคะชื่อว่า ‘Kamome Diner’ (2006) ซึ่งเราตั้งใจว่าต้องดูให้ได้



Create Date : 21 ตุลาคม 2564
Last Update : 21 ตุลาคม 2564 16:28:17 น.
Counter : 332 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด