BOOK HAUL 2023 (มกรา - มีนา) จากนายอินทร์ / หมวดนวนิยาย
หมวด นวนิยาย

สนพ.ในเครืออัมรินทร์

เล่มแรก The Paris library - แล้วเราจะได้พบกันอีก ณ ห้องสมุดปารีส
"หนังสือคืออากาศบริสุทธิ์ที่เราสูด เพื่อให้หัวใจยังคงเต้น สมองยังคงจินตนาการ และความหวังยังคงอยู่ต่อไป"
โอดีลทำงานในฝันที่ห้องสมุดปารีส ชีวิตอันแสนงดงามพังทลายลงเมื่อสงครามคืบคลานสู่ฝรั่งเศส หนังสือคือความหวังสุดท้ายของเธอและชาวปารีส เรื่องราวความกล้าหาญบนหน้ากระดาษจึงเริ่มต้น

ปกสวยถูกใจมาก่อนเลยดูเรียบๆแต่คลาสสิก แถมเรื่องราวยังเกี่ยวกับห้องสมุดกับสงครามอีก เป็นเรื่องที่เราชอบอ่านตั้งแต่ได้อ่าน the book thief ไปเล่มนั้นตราตรึงใจมาก พอได้เจอเรื่องราวแนวนั้นอีกก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะซื้อเล่มนี้มา และคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ปวดใจเท่าเล่มนั้นด้วย


เล่มที่สอง หนังสือเล่มนี้คุณตามหา - มิจิโกะ อาโอยามะ
"หาอะไรอยู่เหรอ" หนทางแห่งชีวิตข้างหน้า...โอกาสที่ไขว่คว้าไม่สำเร็จ...หรือความฝันที่เผลอลืมไว้ระหว่างทาง...ไม่ว่ามันจะคืออะไร หนังสือเล่มนี้อาจจะตอบคำถามนั้น
ห้องสมุดเล็กๆแห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบ พร้อมบรรณารักษ์น่าพิศวงที่จะคอยให้คำแนะนำหนังสือพร้อมหยิบยื่น "ภาคผนวก" แห่งชีวิตให้คุณเหมือนตัวช่วยไขปัญหาและเยียวยาให้นักอ่านถ้วนหน้า
ผลงานเขียนจากผู้เขียน โกโก้อุ่นๆกับคุณในวันพฤหัสฯและชาเขียวอุ่นๆกับคุณในวันจันทร์

หน้าปกสวยอีกแล้ว ดูเรียบๆแต่มีรายละเอียดสีปกก็สวยแถมมีเรื่องห้องสมุดกับหนังสืออีกยิ่งทำให้อยากอ่าน พออ่านเจอเรื่องราวของหนังสือก็รู้สึกว่านี่เราอ่านแต่หนังสือที่เยียวยาอะไรสักอย่าง ช่วยหาทางออกให้กับชีวิต ปัญหา ความเศร้าอะไรบางอย่าง...ชีวิตเรามันหม่นหมองขนาดนั้นโดยที่เราไม่รู้ตัวรึเปล่าวะ ถึงได้อ่านแต่อะไรแบบนี้?...คิดไปคิดมา...ไม่หรอกหนังสือมันก็ต้องมีโครงเรื่องที่น่าสนใจไง แล้วเรื่องแนวนี้แค่เป็นแนวที่เราสนใจแนวทำให้รู้สึกดีอ่ะ เพราะชีวิตคนเรามันก็ต้องมีปัญหาทุกวันนั่นแหละมากบ้างน้อยบ้าง แกไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ยังปกติอยู่ (ชอบคิดว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า60 ชีวิตมีเรื่องเครียดมากมาย หนังสือนี่แหละที่เยียวยาจิตใจและทำให้รับมือกับชีวิตได้ดี แล้วก็คิดไปคิดมาอีกที...เราก็ไม่ได้อ่านแนวเดียวไปตลอดนี่นา ก็เปลี่ยนไปอ่านแนวอื่นสลับไปมาอยู่เรื่อยเพราะเบื่อ11) แล้วใดๆคือเรื่องก่อนที่เขาเขียนเรายังไม่ได้อ่านเลย ดองไว้ในตู้อย่างเรียบร้อยตามเดิม


เล่มที่สาม หนังสือเล่มหนา กาลเวลา และผู้คน - มิซึโยะ คาคุตะ
จู่ๆหนังสือเล่มเดิมก็บอกเล่าเรื่องราวเรื่องใหม่ที่ไม่เคยรู้จักได้อย่างน่าอัศจรรย์ สิบเรื่องราวที่จะทำให้หัวใจของเหล่าคนรักหนังสืออิ่มเอม
หนังสือเดินทาง - เธอขายหนังสือเล่มนั้นไปในวัยเยาว์ แต่แล้วก็ได้เจอกันอีกที่ซีกโลกหนึ่ง และพบว่าเรื่องราวในนั้นแปลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ใครสักคน - เพราะป่วยจนไปไหนไม่ได้ ชีวิตของชายผู้เคยหยิบจับหนังสือเล่มเดียวกันนี้จึงฉายชัดอยู่ในหัวของฉัน
จดหมาย -  จดหมายเพียงสองหน้าที่สอดอยู่ในหนังสือกวี ที่ซ้อนทับกับความทรงจำของเธอจนแยกไม่ออก
ตู้หนังสือของเขากับฉัน - ในวันที่ต้องแยกทางกัน หนังสือที่อุดมไปด้วยความทรงจำระหว่างเรา
เมล็ดพันธุ์แห่งความทุกข์ - หรือว่าความอับโชคทั้งหมดที่เจอจะมีต้นตอมาจากหนังสือเล่มนั้น
ในลิ้นชัก -  หนังสือปริศนาในตำนานที่มีข้อความสะเปะสะปะของนักอ่านอยู่ด้านหลัง ที่บอกเล่าช่วงเวลาที่ชีวิตได้สัมผัสกับความพร่างพราว
ร้านหนังสือมิซึซาวะ - คุณยายร้านหนังสือที่ทำให้ผมได้รับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่
สิ่งที่ตามหา - คุณยายปากแจ๋วผู้มอบภารกิจให้หลานหาหนังสือเล่มหนึ่งที่หายากยิ่ง
ประวัติการคบหา - แล้วคุณล่ะ มีประสบการณ์การดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับหนังสืออย่างไร

รักปกหนังสือเล่มนี้มาก สวยทั้งปกหน้าปกหลังเลย คนรักหนังสืออย่างเราย่อมรักหน้าปกที่เป็นร้านหนังสือแถมเป็นร้านหนังสือแบบญี่ปุ่นอีก เรื่องราวก็น่าสนใจเป็นเรื่องสั้นด้วย ขนาดเล่มก็บางนิดเดียวน่าจะอ่านจบไว ดูเหมาะแก่การพกไปอ่านเวลาเดินทางมาก 


เล่มที่สี่ Klara and the sun คลาราและดวงอาทิตย์ - Kazuo Ishiguro
"เธอเชื่อในหัวใจมนุษย์หรือเปล่า ฉันไม่ได้หมายถึงแค่อวัยวะ ฉันกำลังพูดถึงในแง่กวี หัวจิตหัวใจของมนุษย์น่ะ เธอเชื่อว่ามีอะไรอย่างนั้นหรือเปล่า สิ่งที่ทำให้เราแต่ละคนพิเศษและมีลักษณะเฉพาะตัว"
นวนิยายชิ้นเอกที่จะทำให้เราสัมผัสถึงความงดงามและความเปราะบางของมนุษยชาติอีกครั้ง - อเล็กซ์ เพรสตัน,หนังสือพิมพ์ The Observer

น่าปกสวยดึงดูดใจ ดูเรียบๆเหมือนสีฝั่งพระอาทิตย์ตก กับพระอาทิตย์ขึ้นเข้ากับชื่อหนังสือดี พออ่านเนื้อหาปกหลังทำให้คิดไปถึงเรื่อง Never let me go แล้วพอมาอ่านชื่อคนเขียน เริ่มใจไม่ดีเหมือนจะใช่คนเดียวกัน หาข้อมูลเพื่อความแน่ใจ...ใช่จริงๆด้วย34  เรื่องนั้นอ่านแล้วไม่ถูกใจเท่าไหร่แถมหดหู่มากด้วย มันอึดอัด หดหู่ เศร้าไปหมด แล้วดันพลาดเพราะปกเลยซื้อเล่มนี้มาอีก ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้เรารู้สึกอย่างเล่มก่อน บอกตัวเองว่าต้องให้โอกาสเขาสิเล่มนั้นไม่ชอบเล่มนี้อาจจะชอบก็ได้ แต่ถ้ายังไม่ใช่อีกค่อยเลิกอ่าน


เล่มที่ห้า Quel che affidiamo al vento ฝากความคิดถึงไปกับตู้โทรศัพท์แห่งสายลม - ลอรา เมสสินา
"กาลเวลาอาจผ่านไป แต่ความทรงจำถึงคนที่เรารักไม่เคยแก่เลย มีแต่เราเท่านั้นที่แก่"
นวนิยายซาบซึ้ง ประทับใจ ไม่อาจลืมเลือน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เราทุกคนล้วนมีอะไรบางอย่างจะบอกคนที่เราสูญเสียไป...
มีตู้โทรศัพท์ที่เลิกใช้แล้วตู้หนึ่งตั้งอยู่ในสวนบนเนินเขาที่มีพัดแรงในญี่ปุ่น จากตรงนี้มองเห็นทะเลได้ เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ผู้คนเดินทางมาเยือนตู้โทรศัพท์ตู้นี้เพื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้น และพูดฝากสายลมให้นำข้อความของพวกเขาไปบอกคนรักที่ไม่ได้อยู่กับพวกเขาอีกต่อไป เมื่อยูอิสูญเสียผู้เป็นแม่กับลูกสาวในเหตุการณ์สึนามิ เธอสงสัยว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ยินเรื่องตู้โทรศัพท์ จึงตัดสินใจเดินทางไปที่นั่นเพื่อพูดกับคนที่เธอรักมากที่สุด
แต่ยามที่คุณสูญเสียทุกอย่าง คำพูดที่ถูกต้องเหมาะสมอาจเป็นสิ่งที่หายากที่สุด...แล้วยูอิก็เจอทาเคชิ สามีที่สูญเสียภรรยาของเขาไป และลูกสาวของเขาที่ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลยหลังการสูญเสียของพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ไปจะทำให้หัวใจของคุณอบอุ่นแม้ในยามที่รู้สึกราวกับว่ากำลังแหลกสลาย

เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่เราไม่ได้ซื้อเพราะหน้าปก แต่เพราะเรื่องราวที่น่าอ่านมากๆสำหรับเราแล้วก็ลังเลใจอยู่สักพักต้องอ่านเรื่องย่อ อ่านแล้วอ่านอีกว่าชอบจริงๆเลยซื้อ เพราะปกไม่ถูกใจมันหวานแหววเกิน555ไม่ถูกจริตเรา แต่เนื้อเรื่องมันน่าอ่านมากแถมเขายังบอกว่าซาบซึ้ง ประทับใจ ไม่อาจลืมเลือน ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงอีกก็ยิ่งอยากอ่าน แล้วตอนแรกเราเห็นปกกับชื่อเรื่องก็นึกว่าของเป็นหนังสือแปลญี่ปุ่นหรือเกาหลี พอดูชื่อนักเขียนเอ้าฝรั่งนี่นาแต่ชื่อเรื่องกับตัวละครเป็นญี่ปุ่นยิ่งทำให้น่าสนใจไปอีก


เล่มที่หก คุณ ผม และผู้คนที่สวนกันบนรถไฟสายฮังคิว - อาริคาวะ ฮิโระ
ระหว่างนั่งรถไฟ ถ้าคุณเงยหน้าขึ้นมาสังเกตรอบข้างบ้าง คุณอาจพบว่ามีปาฏิหาริย์เล็กๆมากมายซ่อนอยู่ในการเดินทางที่แสนธรรมดา
ผู้หญิงที่นั่งข้างผมบนรถไฟคือคนที่ผมเห็นบ่อยๆในห้องสมุด...นี่คือเรื่องราวของผู้คนที่บังเอิญพบเจอกันในรถไฟท้องถิ่นซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที ชีวิตของผู้โดยสารที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนกลับผูกโยงเข้าหากันอย่างน่าพิศวง ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์สุดพิเศษ การพบพานกันในขบวนรถไฟสายนี้ บางครั้งเป็นการพบพานครั้งเดียวในชีวิต และบางครั้งก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่จะติดตรึงใจไปอีกแสนนาน
ไม่ว่าวันเวลาจะเคลื่อนต่อไปข้างหน้าสักเท่าใด รถไฟฮังคิวก็ยังคงบรรทุกเรื่องราวอบบอุ่นหัวใจ ร้อยเรียงให้เกิดเป็นเรื่องราวบทใหม่ วิ่งไปกลับระหว่างสถานีทาคาระซึกะและสถานีนิชิโนะมิยะคิตะงิจิต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เรื่องราวของขบวนรถไฟแห่งโชคชะตาที่จะช่วยเยียวยาให้คุณอิ่มเอมด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข 

หน้าปกสวยมากดึงดูดใจสุดๆก็เลยซื้อมา พอเห็นของจริงเอ้า! เล่มบางๆเอง สำนักพิมพ์นี้ชอบทำน่าปกสวยตลอดเลยเราก็พวกชอบซื้อเพราะปก ไปๆมาๆเรามีหนังสือของเขาเยอะมากซื้อตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัวเลย หรือจะเป็นเพราะแรงดึงดูดนะบาริสต้าซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ piccolo เยอะเป็นพิเศษ7 (พิคโคโล่ คือลาเต้ร้อนแก้วเล็ก253) ส่วนเรื่องราวจากปกหลังเราก็รู้สึกว่ามันแปลกใหม่ดีไม่เคยอ่านแนวนี้ แล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องราวแบบนี้มาเขียนให้มันดูน่าสนใจได้ คนญี่ปุ่นเขาช่างคิดแล้วก็ละเมียดละไมไปหมดจริงๆ


 

ขาดที่คั่นหนังสือไปไม่ได้ ปีนี้สวยใช่ย่อย และไม่ใช่แนวมาเฟียที่มาพร้อมปฏิทินแล้ว

เล่มแรก The well of ascension บ่อพิทักษ์พลัง - Brandon Sanderson
'เล่มสองของไตรภาคมิสต์บอร์น หนึ่งในไตรภาคแฟนตาซีที่ดีที่สุดแห่งยุค' 
แสงแห่งความหวัง พลังแห่งมิสต์บอร์น
วินและพวกทำสำเร็จ พวกเขาเอาชนะลอร์ดรูเลอร์ ผู้กุมอำนาจมานับพันปีได้ในที่สุด แม้ว่าราคาที่ต้องจ่ายคือชีวิตของเคลเซียร์ ชายผู้วางแผนและอยู่เบื้องหลังการต่อสู้ทั้งหมด วินกลายเป็นมิสต์บอร์นที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร ทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่เมื่อปราศจากลอร์ดรูเลอร์ที่ทุกคนยำเกรง ทัพอันยิ่งใหญ่สามกองทัพก็พร้อมที่จะยกมาเพื่อโจมตีลูธาเดล วินและพวกต้องเรียนรู้อย่างรวดเร็วถึงวิธีการปกครองและการเมือง เพื่อเอาชีวิตรอดจากศึกครั้งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา
นี่คือสุดยอดผลงานเอปิกแฟนตาซี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น Modern Classic ของนักเขียนแฟนตาซีแถวหน้าของอเมริกา

แฟนตาซีเล่มเดียวที่เราได้มาในรอบนี้ และเราเพิ่งได้ซื้อเล่มสองมา เล่มสามก็ออกแล้วพร้อมกล่องด้วยแต่คิดว่าเราคงจะซื้อแต่ตัวเล่ม และเล่มนี้ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรหักมุมอีกนะ เล่มก่อนอยู่ๆคนที่คิดว่าเป็นพระเอกของเราก็ตาย ทำร้ายจิตใจมาก ส่วนเล่มนี้กว่าจะได้อ่านหวังว่าจะยังจำเรื่องราวเล่มก่อนได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าคนที่คิดว่าเป็นพระเอกคนใหม่อีกคนนี่จะตายไปอีกหรือเปล่า แล้วจะเป็นคนดีจริงไหม แต่ที่แน่ๆคือขนาดเล่มยังใหญ่มากเหมือนเดิม ใหญ่สะใจอ่านให้ตายกันไปข้าง


โรงเรียนจันทร์เสี้ยวแห่งความหวัง - โมริ เอโตะ
"โอชิมะซัง ฉันคิดว่าหากการศึกษาในโรงเรียนคือพระอาทิตย์ โรงเรียนกวดวิชาก็เปรียบเหมือนพระจันทร์ พระจันทร์ที่ส่องแสงอยู่เงียบๆ ท่ามกลางความมืดมนให้แก่เด็กๆ ที่ดูดซับแสงอาทิตย์ได้ไม่พอ ตอนนี้อาจเป็นเพียงพระจันทร์เสี้ยวที่เปล่งแสงริบหรี่ แต่สักวันจะกลายเป็นพระจันทร์เต็มดวงได้แน่นอนค่ะ"

ปกน่ารักดึงดูดใจอีกแล้ว ยิ่งเป็นหนังสือแปลญี่ปุ่นยิ่งอยากอ่านเพราะเขาชอบเขียนอะไรที่มันละมุนใจ มีสติ้กเกอร์แปะที่ซีลด้วยว่า นิยายน้ำดีสู่ซีรีย์ดังทางNHK ทำให้เราอยากอ่านแล้วไปดูหนังต่อเลย ส่วนเนื้อเรื่องก็น่าอ่านมากเพราะเราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไปเรียนพิเศษตอนม.ปลายนิดหน่อยแล้วก็เห็นด้วยจริงๆว่า พระจันทร์ดวงน้อย(ที่ต้องเสียเงินไปเรียน เงินตัวเองด้วยนะ!) ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายกว่าที่เราเรียนในโรงเรียน ครูเขาจะมีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจและเทคนิคการท่องจำที่ทำง่าย ได้ผลแล้วก็เอาไปปรับใช้ต่อไปกับการเรียนในอนาคตของเราได้ ทำให้เวลาที่เรามาเรียนกับครูที่โรงเรียนแล้วเราเข้าใจได้ไว แล้วยังเอาวิธีการจำแบบที่เรียนพิเศษมาใช้เวลาอ่านหนังสือสอบก็ทำให้มันง่ายกว่าเดิม แถมเรายังจำได้จนวันนี้(ในบางอย่างอ่ะนะ50) แถมไปเรียนแล้วสนุกดี เจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ วันไหนติดภารกิจไม่ได้ไปก็ส่งเพื่อนไปเรียนแทน เพื่อนได้เรียนส่วนเราไม่ต้องเสียเงินวันนั้นฟรี555


หมอคนสุดท้ายจะนึกถึงคุณเมื่อมองดูซากุระ - นิโนมิยะ อัตสึโตะ
ณ โรงพยาบาลแห่งนี้ หมอสองคนมีความเชื่อต่างกันดุจเส้นขนาน ฟุกุฮาระ หมอผู้สร้างปาฏิหาริย์ และช่วยชีวิตคนมานับครั้งไม่ถ้วน คิริโกะ หมอผู้ชี้นำความตายให้กับคนไข้เมื่อหมดหนทางรักษา กระทั่งเมื่อมาพบกับคนไข้รายล่าสุด สิ่งที่พวกเขายึดมั่นก็เริ่มสั่นคลอน
หากชีวิตเป็นดั่งดอกซากุระที่ไม่ช้าก็ร่วงหล่น คุณจะโอบกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้ หรือยืนมองซากุระที่รอวันปลิดปลิว...

มาจนถึงเล่มนี้เราก็ยังคงซื้อเพราะปกดูสวยดี พอได้อ่านเนื้อหาที่ปกหลังก็ดูกึ่งให้ความหวัง กึ่งเศร้า  เท่าที่เราเปิดดู(เพราะเล่มนี้ไม่มีซีล) หนังสือจะแบ่งเป็นสามบทใหญ่ และในแต่ละบทย่อยหัวข้อเรื่องจะเป็นวันที่และเดือน แล้วพอเรามองปกดีๆที่ว่าสวย ภายใต้ปกสีม่วงสว่างที่ใต้ต้นซากุระทั้งปกหน้าและหลังเป็นสุสาน...ดูท่าว่าหนังสือเล่มนี้จะเศร้าซะมากกว่าแล้วล่ะ

 



Create Date : 17 มีนาคม 2566
Last Update : 7 เมษายน 2566 15:37:37 น.
Counter : 353 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Day-afterday.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด