รีวิวหนังสือ "Mundo del fin del mundo โลกสุดขอบฟ้า - หลุยส์ เซปุลเบดา"

เรื่องราวแบ่งเป็นสามภาค ภาคแรกเล่าถึงการเดินทางของเด็กหนุ่มชื่อ "อิสมาเอล" จากซันติอาโกวัย 16 ปีที่ได้ออกทะเลโดยการช่วยเหลือของชาวเรือที่ฝากให้เขาได้ไปออกเรืออย่างที่ฝันหลังจากที่ได้อ่านหนังสือเรื่องโมบิดิก ตั้งแต่เป็นผู้ช่วยทำอาหารในเรือประมง "ดาวใต้"  ไปจนถึงได้ลงเรือล่าวาฬอย่างเรือ "ผู้นิพนธ์พระคัมภีร์" ที่ล่าวาฬกาชาโลเต้มาได้เพียงตัวเดียว แต่ไม่ได้จับวาฬตัวใหญ่ที่จะคุ้มค่ามา เพราะน้าชาวบาสก์ กัปตันเรือบอกเขาว่าพวกเขาจะไม่จับวาฬตัวเมียแถมตัวที่พวกเขาเจอยังท้องอีกด้วย ซึ่งพวกเขาสามารถดูเพศได้ด้วยตาเปล่าจากวิธีที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำอย่างช้าๆและลำตัวเกือบเป็นแนวตรงเมื่อขึ้นถึงผิวน้ำ โดยให้เหตุผลว่าเป็นสัตว์ต้องห้าม ไม่มีใครฆ่าแม่ไก่ที่ออกไข่เป็นทอง แต่เพียงเท่านี้การออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ช่วงปิดเทอมของเขาก็มีค่ามากแล้ว ทั้งได้ลงเรือออกทะเล ได้ลองบังคับเรือและรู้จักทะเลรวมถึงเกาะ และช่องแคบต่างๆที่บรรดากัปตันเรือสอนเขา และได้ตอบคำถามกัปตันอย่างจริงใจว่าเขาชอบการได้ออกเรือท่องทะเล แต่เขาจะไม่จับวาฬ และกัปตันก็ดีใจที่ได้ยินและบอกว่าพวกเขาเองก็คงเป็นคนล่าวาฬกลุ่มสุดท้ายในน่านน้ำนี้เพราะวาฬเหลือน้อยลงทุกที ครอบครัวเขาล่าวาฬมาทุกคน ถึงเวลาที่จะให้วาฬได้อยู่อย่างสงบสุข และหากเขามีลูกก็คงบอกให้ลูกไปทำอาชีพอื่น 

ภาคที่สองนักข่าวอิสระคนหนึ่งตัดสินใจมาทำสำนักข่าวทางเลือกที่ใส่ใจปัญหากระทบสิ่งแวดล้อมและเพื่อตอบโต้เรื่องโกหกต่างๆซึ่งประเทศร่ำรวยใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปล้นสะดมประเทศยากจนพร้อมกับหุ้นส่วนนักข่าวอิสระอีกสามคน และเรื่องที่พวกเขากำลังติดตามอย่างใกล้ชิดคือเรื่องความไม่ชอบมาพากลของเรือล่าวาฬขนาดใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น นามว่า"นิชิน มารุ" ที่ทำเหมือนว่าเรือล่มในน่านน้ำแห่งช่องแคบแม็กเจลแลน และนำเรือไปแยกชิ้นส่วนเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ความจริงมีคนเห็นเรือลำนี้ยังคงล่าวาฬอย่างผิดกฎหมาย และทั้งที่มีกฎหมายห้ามล่าวาฬและญี่ปุ่นก็รับรู้ แล้วยังใช้วิธีขาดการประชุมเมื่อถึงเวลาต้องมีการประชุมญี่อีกด้วย อีกทั้งเรือนิชิน มารุก็เป็นเรือที่กลุ่มกรีนพีซคุ้นเคยดีเพราะเคยเข้าขัดขวางการออกเรือที่ท่าเรือโยโกฮามามาแล้ว

ภาคที่สาม นักข่าวอิสระคนนั้นเดินทางไปพบกัปตันนิลเซน คนที่โทรแจ้งข่าวเรื่องการพบเรือนิชิน มารุเพื่อฟังเรื่องราวด้วยตัวเองเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลที่อีกฝั่งไม่อาจพูดตามสายได้ เพราะก่อนหน้านั้นนักข่าวสาวที่ถ่ายเรือลำนั้นได้ก็ถูกลอบทำร้ายโดยทำให้เป็นเหมือนอุบัติเหตุ และเมื่อมาถึงเขาก็ได้ออกเดินทางไปกับ"เรือนกบ้า" ในช่วงแรกของการเดินทางก่อนจะเปลี่ยนเป็น "เรือสุดขอบโลก" เพื่อตามดูเส้นทางการเดินเรือนิชิน มารุ รวมถึงได้ฟังเรื่องราวแม่ของกัปตันที่เป็นชาวโอนา หนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองโบราณที่หนีการไล่ฆ่าจากแผ่นดินมาอยู่บนเรือ และกลัวการต้องเหยียบลงพื้นดินอีก เธอจะตัวสั่น ร้องไห้และซ่อนตัวในห้องของเรือเมื่อเรือต้องเทียบท่าและจะไม่ลงไปจากเรือเลย เพราะความเจ็บปวดที่เผ่าพื้นเมืองทั้งหลายเคยถูกล่าอย่างไร้มนุษยธรรม ถูกตัดชิ้นส่วนไปขาย เธอเป็นเหยื่อและสักขีพยานในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์หลายชาติ และได้ฟังการล่าวาฬที่โหดร้ายของเรือญี่ปุ่นที่ล่าวาฬอย่างบ้าคลั่งตามเส้นทางต่างๆที่กัปตันได้แอบติดตามเรือไปในตอนนั้นและกำลังเดินเรือไปตามเส้นทางเดิมเพื่อให้เขาได้ทำข่าวและแจ้งกลุ่มกรีนพีช ได้เห็นกองกระดูกวาฬจำนวนมหาศาลหลังจากที่ถูกแล่ชิ้นส่วน และได้ฟังว่าวันนั้นน้ำในอ่าวได้กลายเป็นสีแดง และคละคลุ้งได้ด้วยคาวเลือดของวาฬที่ถูกล่าอย่างมากมายตั้งแต่ค่ำมืด จนรุ่งสางก็ยังลำเลียงไม่เสร็จ และเห็นเศษหนังสีดำ เศษเนื้อสีแดงลอยไปทั่วทุกหนทุกแห่งตรงจุดเกิดเหตุที่เหล่าวาฬและโลมาจำนวนมากว่ายไปช่วยผู้ช่วยกัปตันที่เป็นชาวพื้นเมืองและอาสาลงเรือบตไปสู้กับเรือนิชชิน มารุตอนที่พวกนั้นล่าวาฬกัน โดยเอาหัวและตัวกระแทกลำเรือจนแทบล่มโดยไม่สนว่าหัวจะแตกตาย แต่กลับค่อยๆดันเรือบตของผู้ช่วยกลับมาที่เรืออย่างดี
 

---

เป็นหนังสือที่ช่วงแรกอ่านแล้วสนุกไปกับการเดินทางของซันติอาโก แต่พอเข้าภาคสอง ภาคสามที่เริ่มเจอเรื่องเรือล่าวาฬแบบพาณิชย์ก็เริ่มเครียดตาม ทั้งชื่อเกาะ ชื่อทะเล สารพัดชื่อเต็มไปหมดแถมชื่อยากด้วย แล้วก็ต้องสลดใจกับการบรรยายตอนเรือนิชิน มารุล่าวาฬเขียนออกมาเห็นภาพมาก ใช้เฮลิคอปเตอร์บินแล้วสาดไฟใส่ให้ตกใจก่อนจะใช้ปืนกลยิงใส่ฝูงวาฬ แล้วเราเองก็เคยเห็นข่าวมาก่อนเรื่องการล่าวาฬจนทะเลเป็นสีเลือดของญี่ปุ่น แล้วยังมีภูเขาตอไม้ที่เกิดจากการตัดไม้ชั้นดีแล้วส่งไปให้ญี่ปุ่นเพื่อทำกระดาษชั้นดี การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกของพวกชาติตะวันตกอีก และหลังจากอ่านมาจนภาคสามเราก็คิดว่านักข่าวที่ว่านี่ก็คืออิสมาเอลนี่เอง 

 

Create Date : 22 มิถุนายน 2566 Last Update : 23 มิถุนายน 2566 14:47:15 น. Counter : 250 Pageviews.		0 comments
Share Tweet