ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

บำรุงสมอง

Mark Twain นักเขียนชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกหัดการเขียนบทประพันธ์ ผู้เขียนจดหมายให้ความสนใจกับประเด็นปัญหาหนึ่งว่า
“ ได้ยินมาว่าในกระดูกปลาประกอบด้วยธาตุฟอสฟอรัสจำนวนมาก และฟอสฟอรัสมีประโยชน์ช่วยบำรุงสมอง ถ้าเช่นนั้นการที่จะเป็นนักเขียนเลื่องชื่อระดับโลกก็จำเป็นจะต้องกินปลามาก ๆ ใช่ไหมครับ ไม่ทราบว่าวิธีนี้สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ครับ ”
เขายังถามต่อว่า “ ท่านก็กินปลาจำนวนมากเลยใช่ไหมครับ แล้วปลาที่ท่านกินนั้นเป็นปลาชนิดใดครับ ”
Mark Twain ตอบจดหมายของเขาว่า “ เห็นทีเธอจะต้องกินปลาวาฬเข้าไปสักสองตัวกระมัง ”
***คำสอนของปราชญ์จีนโบราณ เม่งจื๊อ กล่าวไว้ว่า “ ฟ้าประสงค์ที่จะมอบหมายภาระหน้าที่ที่สำคัญแก่คนคนหนึ่ง ก่อนอื่นจักต้องทดสอบหล่อหลอมทั้งทางจิตใจ และร่างกายของเขาเสียก่อน.......” นอกจากการโฆษณาชวนเชื่อแล้ว ยังไม่เคยปรากฎว่ายาบำรุงสามารถสร้างบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ได้เลย
*****









 

Create Date : 01 สิงหาคม 2554    
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 7:33:23 น.
Counter : 419 Pageviews.  

หิ่งห้อยกับหอยทาก

หิ่งห้อยกับหอยทาก เป็นสิ่งที่คุ้นเคยเลยทีเดียวสำหรับเด็กที่อยู่ตามชนบทบ้านนอก
เมื่อตอนเด็ก ทุกครั้งที่ออกมานั่งเล่นหน้าบ้านในคืนกลางฤดูร้อน จะเห็นหิ่งห้อยที่มีแสงระยิบระยับที่ปลายก้นบินเริงระบำอยู่ตามที่ต่าง ๆ ฉันและเพื่อน ๆ จะช่วยกันไล่จับมันตัวแล้วตัวเล่าด้วยความสุขสนุกสนาน แล้วใส่มันไว้ในขวดแก้ว สำหรับพวกเราแล้ว หิ่งห้อยช่างเล็กกระจิริดจนดูน่าสงสาร อีกทั้งยังแลดูโง่และเชื่องช้า มักจะถูกพวกเราจับได้โดยง่าย แต่หอยทากตามท้องไร่ท้องนาที่เห็นได้ทั่วไปล่ะ เมื่อเปรียบกับหิ่งห้อยแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นสัตว์ที่ใหญ่โตมโหฬารเลยทีเดียว อีกทั้งหอยทากก็ฉลาดกว่าหิ่งห้อยมาก หากมีอันตรายอะไรมันจะรีบหดหัวของมันเข้าไปในกระดองทันที ในสายตาของพวกเรา หิ่งห้อยและหอยทากต่างก็มีโลกของตัวเอง ไม่มีสายสัมพันธ์ต่อกันแต่อย่างใด
เมื่อเติบโตขึ้น หลังจากที่ฉันได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหิ่งห้อยและหอยทากแล้ว รู้สึกตกใจมาก ข้อมูลบอกไว้ดังนี้ ไม่น่าเชื่อว่าหิ่งห้อยกลับเป็นแมลงที่กินเนื้อสัตว์ และอาหารของมันก็คือหอยทาก ฉันงงมาก หิ่งห้อยดูแล้วเป็นสัตว์ที่เล็กมาก อ่อนแอและดูไม่ฉลาด จะจัดการกับหอยทากได้อย่างไร ส่วนหอยทากทั้งความรู้สึกไวและตื่นตัวอยู่เสมอ ศัตรูตามธรรมชาติมากมายมักจะทำอะไรมันไม่ได้ แล้วจะถูกหิ่งห้อยตัวเล็ก ๆ กินได้อย่างไรกัน กระทั่งได้อ่านข้อมูลจนจบจึงได้รับความกระจ่าง
ที่แท้ บนหัวของหิ่งห้อยมีขากรรไกรอยู่คู่หนึ่ง เวลางอเข้าหากันแล้วคล้ายกับตะขอ บนตะขอมีรางน้ำอันหนึ่ง มันเล็กมากราวกับเส้นผม และแหลมคมมาก เวลาหิ่งห้อยจับหอยทากนั้น มันใช้ตะขอต่อยที่เนื้อของหอยทากเบา ๆ อย่างมากต่อยสักห้าหกที ส่วนหอยทากนั้นก็ไม่เคยเห็นหิ่งห้อยผู้อ่อนแออยู่ในสายตา จึงไม่ได้ใส่ใจต่อการล่วงละเมิดนี้
ยิ่งกว่านั้นยังรู้สึกว่าการถูกต่อยสักหลายทีนี้เหมือนกับการถูกนวดแล้วสบายดี มันหารู้ไม่ว่าการต่อยเช่นนี้ของหิ่งห้อยก็คือการฉีดยาพิษเข้าไปในตัวมัน หอยทากอยู่ในสภาพที่ขาดความระแวดระวังจึงถูกทำให้ตัวชากระทั่งหมดความรู้สึก หลังจากหอยทากถูกพิษแล้วหิ่งห้อยต่อยมันอีกสักหลายที ฉีดสารพิษอีกชนิดหนึ่งทำให้เนื้อหอยทากกลายเป็นของเหลวจากนั้นใช้ปากที่มีลักษณะคล้ายหลอดดูดมันเข้าท้องไป หอยทากตัวหนึ่งสามารถเป็นอาหารสำหรับหิ่งห้อยหลายตัวกินเป็นเวลาหลายวัน
ท่ามกลางชีวิตที่เป็นจริง อาจจะมีคนหัวเราะเยาะหอยทาก แต่มีคนจำนวนไม่น้อยก็เหมือนกับหอยทากมิใช่หรือ พวกเขามักไม่พ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ดูเข้มแข็งเพียงภายนอกอย่างง่าย ๆ ไม่พ่ายแพ้ให้กับปัญหาที่สำคัญมากอย่างง่ายดาย แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ดูอ่อนแอ พ่ายแพ้ให้กับปัญหาปลีกย่อยที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญอะไร
ชัยชนะของหิ่งห้อยไม่เพียงเพราะว่ามันมียาพิษที่อันตรายถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นคือมันมีรูปร่างที่เล็กกระจิริดที่ทำให้คู่ต่อสู้ชะล่าใจขาดความระมัดระวัง ต่อหน้าหอยทากที่ดูชาญฉลาด ความอ่อนแอของหิ่งห้อยหาใช่ข้อด้อย แต่กลับเป็นข้อได้เปรียบเฉพาะตัวของมัน
***พวกที่ยิ่งดูเหมือนไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ รายละเอียดปลีกย่อยที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญ ยิ่งไม่อาจจะมองข้ามหรือดูเบาเป็นอันขาด
*****




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 8:01:08 น.
Counter : 642 Pageviews.  

ดัดนิสัย

คุณพ่อคนหนึ่งอยากจะทำการ “ ดัดนิสัย ” ให้กับพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง เพราะว่าคนหนึ่งสุขนิยมจนเกินไปแต่อีกคนหนึ่งกลับเป็นคนคิดลบ มองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา
วันหนึ่ง เขาซื้อของเล่นที่มีสีสันฉุดฉาดสวยงามมอบให้กับเด็กชายที่ชอบคิดลบ แล้วให้เด็กคนที่สุขนิยมเข้าไปอยู่ในโรงม้าที่มีขี้ม้ากองอยู่เต็ม
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ผู้เป็นพ่อเห็นเด็กคนที่คิดลบร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงถามว่า “ ทำไมไม่ไปเล่นของเล่นเหล่านั้นเล่า ”
“ ถ้าผมเล่นมันเดี๋ยวมันก็จะเสียหรอก ” เด็กชายยังคงร้องไห้อยู่อีก
ผู้เป็นพ่อถอนหายใจยาว เดินเข้าไปในโรงม้า กลับพบว่าเด็กชายคนที่สุขนิยมกำลังตื่นเต้นดีอกดีใจ ใช้มือล้วงเข้าไปในกองขี้ม้าราวกับกำลังควานหาอะไรอยู่
“ พ่อ ผมจะบอกพ่อ ” เด็กชายพูดกับพ่อด้วยความภาคภูมิใจว่า “ ผมคิดว่าภายใต้กองขี้ม้าเหล่านี้ยังซ่อนลูกม้าเอาไว้ตัวหนนึ่งอย่างแน่นอนครับพ่อ ”
***ผู้ที่สุขนิยมนั้นแม้อยู่ในภาวะคับขันยังสามารถมองหาโอกาส แต่ผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายหรือชอบคิดลบนั้น ถึงจะอยู่ในสถานที่ที่เปี่ยมสุขแต่ยังคงมองเห็นแต่อันตรายและภัยพิบัติเท่านั้น สภาพจิตใจที่แตกต่าง สีสันของโลกที่คุณมองก็ต่างกันไปด้วย
*****




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2554 8:02:11 น.
Counter : 430 Pageviews.  

ต้องรู้จักละอายใจ

ใจกลางเกาะแห่งหนึ่งในทะเลสาบ Oporto เด็กชายอายุ 11 ขวบ มักจะนั่งตกปลาอย่างสงบอยู่ข้างท่าเรือหน้าบ้านหลังเล็ก ๆ ของเขา
ค่ำวันแรกของการยกเลิกกฏห้ามตกปลากระพง เขากับพ่อมาถึงริมทะเลสาบแต่หัววัน โปรยหนอนและแมลงที่เป็นเหยื่อของปลากระพงและปลาซันฟิชลงไป เด็กชายเอาเหยื่อปลาสีเงินเกี่ยวเข้ากับเบ็ดแล้วเหวี่ยงไปยังกลางทะเลสาบ เบ็ดตกปลากระทบผิวน้ำก่อให้เกิดระลอกคลื่นที่สวยงาม ยามต้องแสงจันทร์ แลเห็นเป็นวงๆ สีเงินยวง
ขณะที่คันเบ็ดถูกกระตุกอย่างแรงนั้น เด็กน้อยรู้ได้ทันทีว่าใต้น้ำนั้นมีตัวอะไรที่ค่อนข้างใหญ่ติดเบ็ดแล้ว ผู้เป็นพ่อยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูลูกชายค่อย ๆเดินเลาะท่าน้ำ กรอคันเบ็ดเข้ามาอย่างคล่องแคล่วและชำนาญด้วยสายตาที่ชื่นชม
เด็กชายระมัดระวังอย่างมากจนในที่สุดดึงเอาปลาตัวใหญ่ที่ดิ้นจนหมดแรงขึ้นเหนือผิวน้ำได้ โอ! นี่เป็นปลาตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา มันคือปลากระพง
สองพ่อลูกมองดูปลาใหญ่ตัวนี้ด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ภายใต้แสงจันทร์เห็นได้ลาง ๆ ว่าเหงือกของมันกำลังขมุบขมิบ ผู้เป็นพ่อจุดไม้ขีดไฟขึ้นส่องดูนาฬิกาข้อมือ 22 นาฬิกาตรง------ยังห่างจากเวลาที่กำหนดให้ตกปลาชนิดนี้ได้อีกสองชั่วโมง
ผู้เป็นพ่อมองดูปลากระพง แล้วมองดูลูกชาย ในที่สุดพูดขึ้นว่า “ ลูกพ่อ เจ้าจะต้องปล่อยปลาตัวนี้คืนกลับทะเลสาบไป ”
“ พ่อครับ ” ลูกชายร้องออกมาอย่างลืมตัว
“ พวกเรายังสามารถตกปลาชนิดอื่น ๆ ได้อีก ”
“ แล้วจะตกปลาใหญ่ขนาดนี้ได้อีกอย่างไรเล่า ” เด็กชายตะโกนเสียงดัง
ในขณะเดียวกันเด็กชายกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ภายใต้แสงจันทร์ไม่เห็นคนตกปลาอื่น ๆ หรือเรือจับปลาแต่อย่างใด เขาจ้องพ่อตาไม่กระพริบ แม้ว่าเวลานี้ไม่มีผู้ใดเห็นพวกเขา และก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าปลาตัวนี้ตกขึ้นมาได้ในเวลาใด แต่ว่าจากน้ำเสียงที่เด็ดขาดของพ่อเด็กชายรู้ดีว่าการตัดสินใจของพ่อนั้นไม่อาจผ่อนผันได้เลย เขาจึงได้แต่ค่อย ๆ ดึงเบ็ดออกจากปากปลากระพง นำมันปล่อยกลับไปที่ทะเลสาบลึก ปลากระพงกระเพื่อมในน้ำสองสามที จากนั้นหายลับไป เด็กชายรู้สึกผิดหวังเสียใจ คิดว่าเขาคงไม่มีโอกาสตกได้ปลาขนาดใหญ่เท่านี้อีกเลย
เรื่องราวผ่านไปแล้วหลายสิบปี เด็กชายในตอนนั้นได้กลายเป็นสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของมหานครนิวยอร์ค บ้านหลังน้อยของพ่อยังคงตั้งเด่นอยู่บนเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบ และทุกวันนี้ในฐานะพ่อเขามักพาลูก ๆ กลับมาที่ท่าเรือแห่งนั้นบ่อย ๆ เพื่อลิ้มรสความสนุกสนานของการตกปลา
เขาพูดไม่ผิด เขาไม่เคยตกได้ปลาตัวใหญ่ที่ไม่อาจทำใจปล่อยให้หลุดมือไปได้เท่าคืนนั้นอีกเลย แต่ว่า การดำรงชีวิตในสภาพที่เป็นจริง ทุกครั้งที่เผชิญกับเรื่องราวที่ต้องต่อสู้กับคุณธรรมและมโนสำนึกของตนเอง เขามักจะเห็นภาพปลากระพงตัวใหญ่ลอยอยู่เบื้องหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างที่พ่อของเขาได้สอนไว้ว่า “ ความจริงแล้วคุณธรรมจริยธรรมเป็นเรื่องง่ายๆ ของความถูกกับความผิดเท่านั้น สิ่งที่ยากคือการที่จะยึดมั่นในคุณธรรมให้ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะขณะที่เราอยู่เพียงลำพังแล้วยังเที่ยงตรงซื่อสัตย์ได้
***ปล่อยปลาคืนสู่ทะเลสาบคือสภาวะการณ์อย่างหนึ่ง สภาวะการณ์ที่สูงส่ง การที่จะสามารถปฎิบัติตามคุณธรรมความเที่ยงตรงภายในใจได้หรือไม่นั้นจะกลายเป็นเครื่องทดสอบนิสัยของคนว่าเป็นทองแท้หรือไม่ ในช่วงชีวิตที่ยืนยาว โปรดจำไว้ให้มั่นว่า เป็นคนต้องไม่ทำในสิ่งที่ละอายใจ เพราะว่า ในเบื้องลึกของหัวใจเรา มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองคุณอยู่
*****








 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2554 8:07:36 น.
Counter : 421 Pageviews.  

เอาเหรียญทองหรือความซื่อสัตย์

ในการแข่งขันสะกดคำครั้งที่สี่ของอเมริกาที่จัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน โรซาลี่ เอลเลียต เด็กหญิงอายุ 11 ขวบเจ้าของเหรียญทองที่มาจากเซาท์แคโรไลนากำชัยผ่านมาได้ทุกด่าน จนเข้ารอบชิงชนะเลิศ ตอนที่เธอถูกถามว่าคำว่า “ Admit ” สะกดอย่างไร สำเนียงทางใต้ที่แผ่วเบาและนุ่มนวลของเธอ ทำให้คณะกรรมการพิจารณายากที่จะตัดสินว่าอักษรตัวแรกที่ธอพูดนั้นเป็น A หรือ E กันแน่
หลังจากที่คณะกรรมการปรึกษากันอยู่หลายนาที เอาเทปที่บันทึกเสียงมากรอกลับเพื่อฟังใหม่อีกครั้ง ก็ยังคงไม่สามารถยืนยันการออกเสียงของเธอว่าเป็น A หรือ E
ผู้คลายปมควรเป็นผู้ที่ผูกปม สุดท้าย จอห์น ลอย เจ้าหน้าที่ควบคุมการสอบตัดสินใจนำปัญหานี้มอบให้กับผู้ที่รู้คำตอบเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เขาถามโรซาลี่อย่างเมตตาและอ่อนโยนว่า “เสียงที่หนูเปล่งออกมานั้น A หรือ E ”
ความจริงแล้ว โรซาลี่ได้ยินคนอื่นวิพากย์วิจารณ์เบา ๆ เธอรู้แล้วว่าอักษรตัวแรกควรจะเป็นตัว A แต่เธอไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่าการออกเสียงของเธอนั้นผิด เธอพูดว่า E
จอห์น ลอย เจ้าหน้าที่ควบคุมการสอบถามโรซาลี่ด้วยความเมตตาและอ่อนโยนอีกครั้งว่า “ หนูคงจะรู้คำตอบที่ถูกต้องแล้วและสามารถได้รับเหรียญทอง ทำไมจึงยอมรับว่าหนูออกเสียงผิดล่ะ ”
โรซาลี่ตอบอย่างจริงจังว่า “หนูยอมที่จะเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์ค่ะ ”
ขณะที่เดินลงจากเวทีนั้น ผู้ชมเกือบทั้งหมดต่างปรบมือให้กับเธอดังสนั่น
วันรุ่งขึ้น มีรายงานฉบับหนึ่งชื่อ ( เอาเหรียญทองหรือความซื่อสัตย์) วิจารณ์ไว้ดังนี้ : โรซาลี่ถึงแม้จะไม่ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันสะกดคำครั้งที่สี่นี้ แต่ความซื่อสัตย์ของเธอสะเทือนใจผู้ชมทั้งหมด ได้ใจจากผู้ชมอย่างล้นหลาม
***โรซาลี่รู้คำตอบที่ถูกต้องก่อนแล้ว แต่เธอละทิ้งเหรียญทอง และเลือกความซื่อสัตย์ เพราะว่าเธอรู้ว่าเหรียญทองเป็นเพียงเกียรติยศชั่วขณะ แต่ความซื่อสัตย์เป็นชัยชนะของเธอทั้งชีวิต
*****




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 7:59:38 น.
Counter : 400 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.