|
ม้า กวาง กับคน
ม้า กวาง กับคน
ม้าตัวหนึ่งค้นพบทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่ง จึงมากินหญ้าที่ทุ่งนี้อยู่เป็นประจำ ต่อมาภายหลัง กวางตัวหนึ่งเกิดล่วงรู้ความลับนี้เข้า ก็เลยย่องมากินหญ้าที่นี่ตอนที่ม้าไม่อยู่บ้าง ม้ารู้รื่องเข้า รู้สึกว่ากวางละเมิดผลประโยชน์ของตน คิดจะแก้แค้นกวาง แต่ตนเองก็จนปัญญาจึงไปหาคนมาช่วย คนบอกว่า ข้าก็คิดไม่ออกว่าจะมีวิธีใด นอกจากเจ้าจะยอมใส่บังเหียนแล้วให้ข้าขึ้นขี่บนหลังเจ้า จึงจะไล่ตามกวางทัน แล้วค่อยจับมันมาลงโทษ คนจึงขี่ม้าและจัดการลงโทษกวาง จากนั้นก็เอาม้าล่ามกับรางหญ้าไว้ ถึงตอนนี้ ม้าค่อยสำนึกขึ้นมาได้ มันถอนหายใจยาวว่า " เพื่อแก้แค้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กลับทำให้ตัวเองต้องตกเป็นทาสตลอดไป
*** เมื่อโกรธและต้องการตอบโต้เพื่อความสะใจโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ สุดท้ายยังแต่ทำให้ตัวเองต้องจ่ายค่าตอบแทนไปอย่างแสนสาหัส
*****
Create Date : 18 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2553 16:25:33 น. |
Counter : 442 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อะไรคือบ้าน
อะไรคือบ้าน
ที่ลอสแองเจลีสในอเมริกา มีชายขี้เมาคนหนึ่งนอนอยู่ที่หัวถนน เมื่อตำรวจประคองตัวเขาขึ้นมาปรากฎว่าเขาคือเศรษฐีผู้มั่งคั่งในเมืองนั้น เมื่อตำรวจบอกว่าจะส่งเขากลับบ้านนั้น เศรษฐีบอกว่า บ้าน ฉันไม่มีบ้าน ตำรวจชี้ไปยังคฤหาสถ์หลังใหญ่ที่ห่างออกไปและพูดว่า แล้วนั่นคืออะไร นั่นเป็นที่อยู่อาศัยของฉัน เศรษฐีพูด ในโลกของเรา หลายคนเข้าใจว่า บ้านคือห้องหรือโถง ทว่า สักวันหนึ่งเมื่อคุณหรือญาติสนิทของคุณย้ายออกไป วันหนึ่งที่ตรงนั้นขาดไปซึ่งความรักและอบอุ่น คุณยังจะรู้สึกว่านั่นคือบ้านอีกหรือไม่ กล่าวสำหรับคนดังมีชื่อเสียงแล้ว ที่นั่นอาจเรียกบ้านเดิม แต่กล่าวสำหรับประชาชนทั่วๆ ไป แล้วก็เพียงพูดได้ว่าเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน ที่นั่นไม่ใช่บ้านอีกต่อไป แล้วอะไรคือบ้าน ในปี 1983 เรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นที่รวัลดา เรื่องนี้อาจสามารถให้คำอธิบายต่อคำว่าบ้านได้อย่างเหมาะสม ระหว่างสงครามกลางเมืองในรวัลดา มีคนคนหนึ่งชื่อ เจอราด อายุ 37 ปี ครอบครัวของเขา 40 ชีวิต พ่อ พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว ลูกๆ และภรรยาเกือบจะหนีหายตายจากไปหมด แต่ในที่สุด เจอราดผู้สิ้นหวังได้ข่าวว่าลูกสาววัย 5 ขวบของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจึงวิ่งพล่านเพื่อค้นหาลูกสาวเลือดเนื้อเชื้อไขของตนอย่างไม่คิดชีวิต เขาดีใจระคนเศร้า กอดลูกสาวกับอกแน่นไม่ยอมปล่อย คำแรกที่เขาพูดออกมาก็คือ ฉันมีบ้านแล้ว ในโลกนี้ บ้านคือที่ที่เปี่ยมไปด้วยสายใยแห่งรัก บางครั้งมันอยู่ที่กระท่อมรั้วไม้ไผ่ บางครั้งอยู่ที่คฤหาสถ์หลังใหญ่ บางครั้งก็อยู่ในหมู่คนที่ไม่มีบ้านจะกลับ ผู้ที่ปราศจากสายใยแห่งรักหรือผู้ที่ถูกรักลืมจึงจะเป็นผู้ที่ไม่มีบ้านอย่างแท้จริง
*** บ้านคือญาติสนิทและสายใยของความรัก ไม่ใช่เป็นเพียงที่อยู่อาศัยที่ใหญ่โตอะไรเลย
*****
Create Date : 17 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2553 18:09:00 น. |
Counter : 441 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
มันอยู่ที่ใจ
มันอยู่ที่ใจ
วันนั้น ผมยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ร้าจิวเวอลี่แห่งหนึ่ง วางถุงที่ใส่หนังสือไว้ข้าง ๆ ขณะที่ผมกำลังเลือกเครื่องเพชรอยู่นั้น ชายคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐานดูบุคลิกผู้ดีก็เดินเข้ามาดูด้วย ผมขยับถุงใบนั้นออกอย่างเกรงใจ แต่ชายคนนั้นกลับจ้องมองผมด้วยความโกรธ และบอกผมว่าเขาเป็นสุภาพชน ไม่คิดที่จะขโมยของของผมเด็ดขาด เขาดูเหมือนตนเองได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง ปิดประตูอย่างแรง ออกจากร้านไป ประสาท ผมโกรธมากที่อยู่ดีๆ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ถูกคนตะคอกเข้าให้ ไม่มีแก่ใจดูเครื่องเพชรต่อไป ออกจากร้านขับรถกลับบ้าน รถบนถนนติดยาวดูคล้ายกับหนอนโง่ๆ ตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่ค่อยๆ กระดึบๆ ผมเหลียวมองดูรถทางซ้ายขวาหน้าหลังก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์เสีย รถมาจากไหนกันนักกันหนา คนขับที่แสนงี่เง่า ขับรถไม่เป็นนี่หว่า ไอ้บ้านั่นก็ขับเสียเร็ว อยากตายหรือไง ไอ้บ้านี่ก็ขับช้า หัดมาภาษาอะไรถึงได้ขับรถห่วยอย่างนี้ อย่างนี้ต้องตัดเงินเดือนครูฝึก............. ต่อมารถผมถึงสี่แยกพร้อมๆ กับรถบรรทุกใหญ่คันหนึ่ง ผมคิด ไอ้หมอนี่ต้องพุ่งรถออกมาก่อนแน่เลย เพราะถือว่ารถคันใหญ่กว่า ขณะที่จิตใต้สำนึกผมบอกให้ชะลอรถลงเพื่อให้เขาไปก่อน รถบรรทุกคันนั้นกลับชะลอความเร็ว คนขับยื่นศรีษะออกจากหน้าต่างแล้วโบกมือให้ผมไปก่อน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสและเปิดกว้าง ผมแล่นรถผ่านแยกมา หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความทุกข์กลับอันตรธานไปสิ้น รู้สึกโล่งไปเลย ชายในร้านเครื่องเพชรไม่รู้ไปอารมณ์เสียจากไหนมา แล้วพาอารมณ์ที่ขุ่นมัวมาติดต่อให้ผม เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวเสียแล้ว รู้สึกมองคนในโลกนี้เป็นศัตรูไปหมด ดูเหมือนเรื่องทุกเรื่อง คนทุกคนกำลังหาเรื่องกับผม แต่คนขับรถบรรทุกใช้รอยยิ้มที่เจิดจ้าสดใส อารมณ์ที่ดีขจัดความรู้สึกที่เป็นศัตรูของผมไปเสียสิ้น เมื่อมีจิตใจที่เบิกบาน จึงจะได้ยินเสียงร้องเพลงของนก *** โลกไม่ได้เปลี่ยน ที่เปลี่ยนไปคืออารมณ์ของคนต่างหาก
*****
Create Date : 16 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 16:12:05 น. |
Counter : 439 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สำคัญที่นิสัย
สำคัญที่นิสัย
ขอทานคนหนึ่งเดินมาถึงลานบ้านของบ้านหลังหนึ่งแล้วเอ่ยขอเงินจากหญิงเจ้าของบ้าน แขนขวาของเขาขาดจนกุดติดลำตัว มีแต่แขนเสื้อที่แกว่งไปมา เป็นที่สงสารของผู้พบเห็น ผู้คนส่วนใหญ่จะเห็นใจแล้วบริจาคเงินโดยไม่ลังเล แต่หญิงเจ้าของบ้านกลับชี้ไปที่กองหินหน้าลานบ้านแล้วพูดอย่างไม่เกรงใจเลยว่า เธอช่วยฉันขนก้อนหินเหล่านี้ไปไว้หลังบ้าน ขอทานพูดอย่างโมโหว่า ผมเหลือแค่มือข้างเดียว คุณยังจะให้ผมขนหินได้ลงคอ ไม่เต็มใจให้ก็ไม่ต้องให้ ทำไมต้องมาแกล้งกัน หญิงเจ้าของบ้านไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด ก้มลงยกก้อนหินขึ้นโดยจงใจใช้เพียงมือข้างเดียวขนก้อนหินไปหลังบ้านรอบหนึ่งและพูดขึ้นว่า เธอดูซิ มือข้างเดียวก็ทำงานได้ ฉันทำได้ ทำไมเธอทำไม่ได้ ขอทานตลึงงัน เขามองหญิงเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่แปลก ลูกกระเดื่อกที่นูนแหลมดังลูกสมอกลิ้งขึ้นลง ในที่สุดก็ก้มลงใช้มือเพียงข้างเดียวของเขาขนก้อนหิน ขนได้เพียงครั้งละสองก้อน เขาใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม ๆ จึงขนแสร็จ เหนื่อยจนหอบ บนใบหน้าก็เปื้อนไปด้วยขี้ฝุ่นขี้ดิน ผมบนศรีษะชุ่มไปด้วยหงื่อ หญิงเจ้าของบ้านส่งผ้าขนหนูที่ขาวสะอาดให้เขาผืนหนึ่ง เขารับผ้าไปแล้วเช็ดหน้าและต้นคออย่างปราณีต ผ้าขนหนูสีขาวกลายเป็นสีดำ หญิงเจ้าของบ้านส่งเงินให้เขา 20 เหรียญ เขารับเงินไว้ด้วยความซาบซึ้งและพูดว่า ขอบคุณ หญิงเจ้าของบ้านตอบว่า เธอไม่ต้องขอบคุณฉัน นี่คือค่าตอบแทนจากแรงกายของเธอเอง ขอทานพูดว่า ผมจะไม่ลืมคุณ ผ้าขนหนูผืนนี้ขอผมเก็บไว้เป็นที่ระลึกนะครับ พูดจบเขาโค้งคำนับอย่างสุภาพแล้วหันหน้าเดินออกไป ผ่านไปอีกหลายวัน มีขอทานเดินมาขอเงินที่ลานบ้านหลังนี้อีกคน หญิงเจ้าของบ้านพาขอทานมาที่หลังบ้าน ชี้ไปที่กองหินแล้วพูดว่า ขนหินกองนี้ไปที่หน้าบ้าน แล้วฉันจะให้เธอ 20 เหรียญ ขอทานที่มีมือครบทั้งสองข้างมองเธออย่างเหยียด ๆ แล้วเดินกลับออกไป ไม่รู้ว่าเขาไม่สนใจกับเงิน 20 เหรียญหรือเพราะเหตุอื่นใด บุตรของเธอไม่เข้าใจเหตุผลจึงถามแม่ของเขาว่า ครั้งที่แล้วแม่บอกให้ขอทานขนหินเหล่านี้มาไว้หลังบ้าน แล้วครั้งนี้แม่ก็บอกให้ขอทานขนหินจากหลังบ้านมาไว้หน้าบ้าน ตกลงแม่คิดจะเอาหินไว้หน้าบ้านหรือหลังบ้านกันแน่ เธอบอกลูกว่า หินวางไว้หน้าบ้านหรือหลังบ้านก็เหมือนกัน แต่ขนหรือไม่ขนนั้นสำหรับขอทานแล้วมันไม่เหมือนกัน หลังจากวันนั้นยังมีขอทานอีกหลายคนมาที่นี่ หินกองนั้นจึงย้ายไปมาอยู่หลายรอบ หลายปีผ่านไป มีผู้ดูภูมิฐานและมีเกียรติผู้หนึ่งมาที่ลานบ้านแห่งนี้ เขาใส่เสื้อสูทรองเท้าหนัง แลดูไม่ธรรมดาเหมือนผู้ที่ประสบความสำเร็จและเชื่อมั่นตนเองอย่างยิ่ง ที่ขาดหายไปก็เพียงแต่เขาเหลือเพียงแขนซ้าย และแขนเสื้อข้างขวาที่แกว่งไปมาเท่านั้น ผู้ที่มาก้มตัวลงและใช้มือข้างเดียวจับหญิงเจ้าของบ้านที่ดูชราภาพลงไว้ และพูดว่า ถ้าไม่มีคุณ ผมคงยังเป็นขอทานคนหนึ่ง แต่ ณ.ปัจจุบัน ผมเป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง หญิงเจ้าของบ้านจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเป็นใคร พูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า นี่เป็นผลงานของคุณเอง ประธานแขนขาดผู้นี้พยายามจะเชื้อเชิญให้หญิงผู้นี้และครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ในเมือง เพื่อใช้ชีวิตที่เสพสุขในบั้นปลาย หญิงเจ้าของบ้านตอบว่า พวกเราไม่อาจตอบรับความหวังดีที่จะดูแลพวกเราได้ ทำไมหรือ เพราะว่าพวกเราในครอบครัวทุกคนล้วนมีสองมือ ประธานกรรมการรู้สึกเสียใจแต่ยังยืนยันความคิดตน คุณนายครับ ท่านทำให้ผมเข้าใจถึงความเป็นคน อะไรคือนิสัยที่ดีงาม บ้านหลังนั้นคือสิ่งตอบแทนสำหรับการให้การศึกษาผม หญิงเจ้าของบ้านหัวเราะแล้วพูดว่า งั้นคุณควรจะมอบบ้านให้แก่คนที่แม้แต่มือข้างเดียวก็ไม่มีจะดีกว่า ใช่แล้ว ปราชญ์ทั้งหลายมีมุมมองต่ออุปนิสัยคนค่อนข้างจะเห็นตรงกันว่า อันดับแรกคือการใช้แรงงาน ที่สองคือความคิด ทว่า พวกเรามองไปรอบๆ ใช่ว่าคนทุกคนจะมีเงื่อนไขอุปนิสัยพื้นฐานสองข้อนี้ ผู้ที่เป็นพ่อแม่ทั้งหลายจะแจ่มชัดหรือไม่อย่างไรว่าจะอบรมลูกๆ ของตนอย่างไรก่อนที่เขาเหล่านั้นจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
*** ฉันไม่ใช่ไม่เห็นใจ แต่จะไม่ให้เงินขอทานโดยง่าย ฉันยอมให้รางวัลเพิ่มขึ้นอีกนอกเหนือจากค่าแรงของเขา กล่าวสำหรับผู้ที่มีความสามารถในการใช้แรงงานแล้ว การใช้แรงงานคือเหตุผลข้อแรกสำหรับการอยู่รอด
*****
Create Date : 15 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 16:09:37 น. |
Counter : 388 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
กบกับแมลงป่อง
กบกับแมลงป่อง
วันหนึ่ง มีกบตัวหนึ่งนั่งอยู่ริมแม่น้ำ แมลงป่องเดินผ่านมาพอดีจึงพูดกับกบว่า คุณกบจ๋า ข้าอยากจะข้ามไปฝั่งโน้น แต่ข้าว่ายน้ำไม่เป็น เจ้าจะกรุณาปรานีให้ข้าขี่หลัง ส่งข้าข้ามฟากได้ไหม กบตอบว่า แต่เจ้าเป็นแมลงป่องนี่นา แมลงป่องชอบต่อยกบที่สุดเลย แมลงป่องตอบว่า ข้าจะต่อยเจ้าทำไม เป้าหมายของข้าอยู่ที่ข้ามฟากไปเท่านั้น ตกลง กบตอบ ขอเพียงแต่เจ้าไม่ต่อยข้า ขึ้นมาเลย ข้าจะส่งเจ้าข้ามฟากไป แต่แล้ว พวกมันไปได้แค่ครึ่งทาง แมลงป่องก็อดไม่ได้ที่จะต่อยกบเข้าไปอย่างแรง กบดิ้นรนอย่างเจ็บปวดและถามขึ้นว่า เจ้าต่อยข้าทำไม ตอนนี้เราทั้งคู่คงไม่รอดแน่ แมลงป่องตอบว่า ช่วยไม่ได้ เพราะว่าข้าเป็นแมลงป่อง แมลงป่องชอบที่จะต่อยกบอยู่แล้ว ข้าบังคับตัวเองไม่ได้จริง ๆ
*** โปรดระวัง แมลงป่อง รอบๆ ตัวท่าน เพราะไม่ว่าพวกเขาจะรับปากหรือสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างไร ความเคยชินอันเลวร้ายของพวกเขาก็จะดึงท่านลงเหวจนได้
*****
Create Date : 14 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 17:09:48 น. |
Counter : 469 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|