|
ความอภิรมย์ของการร้องไห้
มีใครบ้างที่ถือว่าการร่ำไห้เป็นเรื่องน่าอภิรมย์ การร่ำไห้น่าจะเป็นเรื่องของการระบายอารมณ์ความรู้สึกของความเจ็บปวด เศร้าเสียใจ หรือถูกปรักปรำ แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่เพียงแต่เท่านี้ มันยังเป็นความอภิรมย์อีกอย่างหนึ่ง ฟังผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนวัยเด็กฉันชอบร้องไห้อยู่บ่อย ๆ ถ้าหากร้องไห้ขึ้นมาแล้วละก็ ต่อให้เด็ดดาวและเดือนบนท้องฟ้ามาปลอบก็ไร้ผล แต่หากมีคนพูดว่า อย่าร้องไห้นะ ขืนร้องอีก ตาของเธอก็จะเล็กลง ฉันฟังแล้วจะรีบหยุดร้องทันที คำพูดเช่นนี้เมื่อเปรียบกับคำว่า เสือตัวใหญ่มาแล้ว ยังจะขลังกว่า ต่อมาภายหลังจึงรู้ว่าตาจะไม่เล็กลงหรอก ในวัยเด็ก พวกเราเด็ก ๆ หลายคนทำอะไรผิด อย่างเช่นทำขวดซี่อิ๊วแตก หรือว่าดูแลน้องจนน้องเดินหลงหาตัวไม่พบ ก็จะโดนตี ขณะที่แม่เริ่มตีพี่สาวเป็นคนแรก เห็นฉันร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม แม่ก็จะมืออ่อน ฉะนั้นเมื่อวัยเด็กในจำนวนสามพี่น้อง ฉันจะถูกตีน้อยที่สุด และก็เบาที่สุดด้วย ตอนอยู่ชั้นประถม ที่โรงเรียนให้เด็ก ๆ กินก๋วยเตี๋ยวคลุกผักกาดเพื่อเป็นการรำลึกถึงความหลังที่ขมขื่น ฉันกินด้วยความอร่อย แต่คุณครูบอกให้พวกเราร้องไห้ ในประวัติการร้องไห้ของฉัน เห็นจะมีเพียงครั้งนี้กระมังที่ฉันสูญเสียความสามารถไป เวลาที่ควรจะร้องแต่กลับร้องไม่ออก เห็นนักเรียนบางคนกระแอมไอ บางคนเอาน้ำลายมาป้ายที่ตา ฉัยเลยหัวเราะออกมาเสียงดัง สุดท้ายถูกครูเรียกออกมาหน้าห้องสำรวจตนเอง ฉันคิดว่าการร้องไห้ของฉันไม่จำเป็นต้องมีสื่อหรือการชักนำอย่างตั้งใจหรือจงใจ เวลาอยากร้องก็ร้องออกมาสุดอารมณ์ ไม่เคยคิดว่าทำไมต้องร้องหรือร้องในรูปแบบใด รู้เพียงว่า หลังจากได้ร้องไห้แล้ว ความรู้สึกในใจเหมือนดวงจันทร์แจ่มกระจ่างในยามค่ำคืนที่ส่องแสงกระทบลงบนผืนน้ำในทะเลสาบที่เงียบสงบ รู้สึกสดชื่นสว่างไสวอะไรปานนั้น ต่อมาในภายหลัง ได้อ่านบทความบทหนึ่งบรรยายว่าการร้องไห้มิเพียงไม่ทำอันตรายต่ออวัยวะภายในร่างกายแต่อย่างใด กลับมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้ฉันเข้าใจในทันที รู้สึกดีใจมาก ดังนั้นแอบถนอมมันไว้ในใจและเบิกทางให้กับการร้องไห้ของฉันอย่างเงียบ ๆ ถึงวัยที่มีความรัก ครั้งแรกที่เพื่อนชายมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน สิ่งแรกที่คุณแม่บอกกับเขาก็คือ ลูกสาวของฉันชอบร้องไห้ เพื่อนชายของฉันอาจจะคิดว่านี่คือแม่ยายในอนาคตที่มีอารมณ์ขันที่สุดในโลกก็ได้ แต่หลังจากที่ฉันได้ยินนึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที ในโลกนี้มีเพียงแม่นี่แหละที่ดีที่สุด เรื่องจริงในภายหลังทำให้เพื่อนชายเชื่อที่แม่พูดว่าฉันชอบร้องไห้ ไม่น้อยไปกว่าที่เชื่อว่าพ่อไก่ออกไข่ได้ หมูพูดได้ หรือปลาบินได้ แต่เขาบอกว่า ผมชอบดูคุณร้องไห้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่คุณดูใสซื่อบริสุทธิ์ที่สุด เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉันเป็นปลื้มจนร้องไห้ออกมา ในที่สุด เรือลำน้อยแบบบางดุจใบไม้ลำนี้ก็เข้าถึงฟากฝั่งแล้ว ตอนอยู่คนเดียวในแดนไกล คิดถึงบ้านเหลือเกิน โทรศัพท์ทางไกลถึงบ้าน ยามได้ยินเสียงของแม่แว่วข้ามน้ำข้ามทะเลมาทางโทรศัพท์ เสียงร้องไห้ก็แทนทุกสิ่งทุกอย่าง เสียเงินไปตั้งสิบกว่าหยวนไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ เวลาที่ไม่สมควรร้องไห้ฉันกลับร้องออกมา แต่ภายในใจกลับเหมือนมีสายน้ำที่ใสเห็นก้นลำธารไหลผ่านไป รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้ววันหนึ่งมีสตรีเหล็กนางหนึ่งแสดงความคิดเห็นผ่านหน้าหนังสือพิมพ์มาว่า การร้องไห้ เป็นการแสดงออกที่อ่อนแอไร้ความสามารถที่สุดของคนคนหนึ่ง ฉันตกใจมาก ณ.เวลานั้นไม่กล้าร้องไห้ ขบคิดอยู่นาน ในค่ำคืนที่เงียบกริบไร้เสียงสำเนียงใดๆ น้ำตาของฉันเอ่อล้น ในที่สุดฉันเข้าใจแล้วว่า ฉันไม่อาจหลอกลวงตัวเอง บางทีฉันไม่อาจจะเป็นสตรีเหล็กได้จริง ๆ แต่ฉันเป็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน ฉันร้องไห้ ฉันเติบโตและสุกงอมท่ามกลางเสียงร้องไห้ ***จิตวิญญาณที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นตัวของตัวเองนั้นก็เหมือนวิญญาณที่ตายแล้ว การหัวเราะหรือร้องไห้ตามอุปนิสัยที่เปิดเผยตรงไปตรงมาเป็นความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เป็นการแสดงออกของความจริงใจที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง *****
Create Date : 24 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 6:28:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 558 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|