ติของจึงเป็นคนซื้อของ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมไปซื้อผลไม้ในตลาด พ่อค้าผลไม้ที่สนิทกับผมกำลังพบกับลูกค้าที่จู้จี้คนหนึ่งอยู่พอดี ผลไม้นี่ดูเน่าเน่า กิโลละ 50 เหรียญเลยหรือนี่ ลูกค้าหยิบผลไม้ขึ้นดูซ้ายทีขวาที ลูกค้าถาม กิโลละ 40 เหรียญละกัน ไม่งั้นผมไม่ซื้อ พ่อค้ายังคงยิ้มและตอบว่า คุณครับ หากผมขายให้คุณ กิโลละ 40 เหรียญ แล้วผมจะตอบคนซื้อก่อนหน้านี้ได้อย่างไรกัน แต่ว่า ผลไม้ของคุณเน่าออกอย่างนี้ ไม่หรอก ถ้าสวยกว่านี้คงต้องขายกิโลละ 100 เหรียญแล้วล่ะ พ่อค้ายังคงยิ้มแล้วตอบ ไม่ว่าท่าทีของลูกค้าจะเป็นอย่างไร พ่อค้ายังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า และยังคงยิ้มอย่างเป็นกันเองเหมือนครั้งแรก ลูกค้าแม้จะติโน่นตินี่ สุดท้ายก็ยอมซื้อในราคากิโลละ 50 เหรียญ รอจนลูกค้าคนดังกล่าวจากไปแล้ว พ่อค้ายิ้มและพูดกับผมว่า คนติของจึงจะเป็นคนซื้อของตัวจริง ติของจึงเป็นคนซื้อของ เป็นคำพื้นบ้านของไต้หวัน ความหมายก็คือ มีแต่คนที่รู้จักติสินค้าว่าไม่ดีเท่านั้นจึงเป็นคนมืออาชีพ ถ้าเรามั่นใจในคุณภาพของสินค้าตนเองแล้ว ก็ไม่ต้องไปกลัวว่าเขาจะติ คนเป็นมืออาชีพจะต้องรู้จักของอย่างแน่นอน ผมมองดูหน้าพ่อค้ารู้สึกนับถือในใจขึ้นมาทันที เขาไม่สนใจว่าผู้อื่นจะติเตียนผลไม้ของเขาอย่างไร และยังไม่โกรธแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ได้รับการอบรมมาดี และเพราะมีความเชื่อมั่นในผลไม้ของตัวเองด้วย พวกเรายังไม่อาจเปรียบกับพ่อค้าได้เลย ปกติถ้ามีคนมาว่าเราคำสองคำ พวกเราก็จะอารมณ์เสียพูดไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะยิ้มแย้มกับเขา
*** เมื่อผู้อื่นวิจารณ์เรา โดยทั่วไปแยกได้เป็นสองอย่าง คือตักเตือนด้วยความปรารถนาดี หรือไม่ก็เป็นการโจมตีให้ร้าย ก่อนอื่นต้องมั่นใจในตนเอง ประการต่อมาอย่ารีบโต้ตอบ รับฟังดูว่าสิ่งที่ผู้อื่นพูดมานั้นมีเหตุผลหรือไม่
*****
Create Date : 26 ตุลาคม 2553 |
Last Update : 26 ตุลาคม 2553 7:34:40 น. |
|
1 comments
|
Counter : 394 Pageviews. |
|
|
|