ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

ทรัพย์สมบัติในมือคุณ

มีชายหนุ่มที่ไม่ชำนาญอะไรสักอย่างเลยคนหนึ่ง รู้สึกว่าชีวิตของตนช่างไร้สาระอะไรสิ้นดี ดังนั้นเขาจึงมาคาราวะปราชญ์ผู้หนึ่ง หวังว่านักปราชญ์ผู้นี้จะสามารถชี้ทางสว่างแก่เขาได้
นักปราชญ์ถามเขาว่า “ คุณมาหาผมทำไม “
ชายหนุ่มตอบว่า “ ชีวิตผมอยู่มาจนขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ใคร่ขอให้ท่านช่วยชี้ทิศทางแก่ผม ทำให้ผมสามารถค้นพบคุณค่าของชีวิต “
นักปราชญ์ส่ายหัว พูดว่า “ ผมรู้สึกว่าคุณก็ร่ำรวยเท่า ๆ กับคนอื่น ๆ เพราะว่าในแต่ละวันคุณก็ฝากเวลาใน “ ธนาคารเวลา “ ของคุณ 86,400 วินาที เช่นกัน “
ชายหนุ่มยิ้มอย่างขมขื่นและว่า “ นั่นจะมีประโยชน์อันใดเล่า พวกมันจะนับเป็นเกียรติยศได้หรือ และจะเปลี่ยนเป็นอาหารอันโอชาสักมื้อก็ไม่ได้ “
นักปราชญ์ขัดจังหวะของเขาอย่างสุภาพถามว่า “คุณไม่รู้สึกว่าพวกมันมีค่าหรือ งั้นคุณไม่ลองไปถามผู้โดยสารเครื่องบินที่เวลาเครื่องบินดีเลย์ดูล่ะว่านาทีหนึ่งมีค่าเท่าไหร่ คุณลองไปถามดูว่า “ผู้โชคดี “ ที่เพิ่งรอดพ้นความตายมาว่าวินาทีหนึ่งมีค่าเท่าไหร่ สุดท้าย คุณไปถามดูว่านักกีฬาที่ชวดเหรียญทองแค่ช่วงแขนเดียวนั้นครึ่งวินาทีมีค่าเท่าไหร่ “
เมื่อฟังนักปราชญ์พูดจบ ชายหนุ่มรู้สึกอายจนก้มหน้าลง
นักปราชญ์ยังพูดต่อไปว่า “ ขอเพียงแต่คุณเข้าใจว่าเวลานั้นมีค่าเพียงใด ไปค้นหาสิ่งที่ตนเองคิดอยากจะทำ และแล้วหนทางในการก้าวเดินภายใต้ฝ่าเท้าของคุณก็จะค่อย ๆ สว่างไสวขึ้นมา
ขอเพียงแต่เรามีปัจจุบันขณะ นั่นก็คือความมั่งมีของเรา เพราะว่า พวกเราล้วนมี 86,400 วินาทีสำหรับจัดสรรด้วยกันทั้งนั้น หากว่าคุณไม่ถนอมรักมัน เวลาก็จะเหมือนลมที่พัดผ่านข้างตัวคุณ เหลือไว้ซึ้งความว่างเปล่าในแต่ละวัน
เมื่อคุณรู้จักถนอมรัก รู้จักแต่งแต้มสีสรรในแต่ละวินาที ถ้าอย่างนั้นแล้วชีวิตของคุณก็จะสวยงามแน่นอน
*** ข้อพิเศษที่สุดของ “ ธนาคารเวลา “ ก็คือนอกจากไม่มีดอกเบี้ยแล้ว ยังไม่มีการเพิ่มค่า และยิ่งไม่อาจฝากไว้เพื่อถอนมาใช้ในอนาคต ไม่ว่าคุณจะยินยอมหรือจะเรียกใช้มันหรือไม่ก็ตาม บัญชีของคุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวคือ ----------ลดลงจนกระทั่งเหลือศูนย์

*****




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2553 7:34:43 น.
Counter : 392 Pageviews.  

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต

ผมจะมีอายุครบ 30 ปีในอีกสองวันข้างหน้า แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจที่จะเริ่มต้นก้าวสู่ช่วง 10 ปีใหม่ของชีวิตนี้ เพราะผมเป็นกังวลว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมกำลังจะไม่มีอีกแล้ว การไปฟิตเนสท์ก่อนเข้างานเป็นความเคยชินของผมอย่างหนึ่ง และทุกเช้าผมจะได้พบกับนิโคลาสเพื่อนผมที่นั่นเสมอ เขาอายุ 79 ปีแล้ว แต่เป็นตาแก่ที่แข็งแรงกระฉับกระเฉงมาก
ในวันพิเศษเช่นวันนี้พอผมทักทายกับเขา เขาสังเกตุเห็นผมไม่สดชื่นเหมือนเคย จึงถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือ ผมบอกเขาว่าผมรู้สึกฉงนและสับสนกับการย่างสู่วัยปีที่ 30 ของผม เพราะผมอยากรู้ว่าเมื่อตอนผมอายุเท่ากับเขาในขณะนี้แล้วผมจะเหลียวมองกระบวนการชีวิตของตัวเองอย่างไร ดังนั้นผมจึงถามเขาว่า ช่วงเวลาใดของชิวิตเป็นช่วงที่ดีที่สุดของเขา
นิโคลาสตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ โอเค จอร์จ ต่อปัญหาของคุณข้อนี้ ผมสามารถตอบคุณได้อย่างเปิดเผยเลย ตอนที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ที่ออสเตรีย ผมเติบโตท่ามกลางการเลี้ยงดูเอาใจใส่อย่างดีจากพ่อแม่ นั่นเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ ตอนที่ผมเข้าโรงเรียนร่ำเรียนวิชาความรู้ที่ติดตัวผมมาทุกวันนี้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ ตอนที่ผมได้งานครั้งแรก แบกภาระหนักบนบ่า ได้รับค่าตอบแทนจากความมานะพยายามของตัวเอง นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ ตอนที่ผมได้พบกับภรรยาและตกอยู่ในห้วงรัก นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ สงครามโลกครั้งที่สองระเบิดขึ้น เพื่อความอยู่รอดผมและภรรยาจำต้องหนีออกจากออสเตรีย ตอนที่พวกเรานั่งอยู่บนเรือเดินสมุทรอย่างปลอดภัยเพื่อมุ่งหน้าไปยังอเมริกาเหนือ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ ตอนที่พวกเรามาถึงแคนาดาและร่วมกันสร้างครอบครัวของเราขึ้นมาใหม่ นั่นเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ การที่ผมกลายมาเป็นพ่อคน มองดูลูก ๆ เติบใหญ่ นั่นเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
“ ปัจจุบัน จอร์จ ผมอายุ 79 ปีแล้ว มีร่างกายที่แข็งแรง มีความรู้สึกดี และยังคงรักภรรยาของผมมาก ฉะนั้น ขณะนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม “
*** ขอเพียงคุณปรารถนา ช่วงเวลาทุก ๆ ตอนของชีวิตก็สามารถเป็นช่วงที่ดีที่สุดได้ทั้งนั้น หากคุณเองไม่ปรารถนาที่จะรู้ตื่น รู้เบิกบาน ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอก
*****




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2553    
Last Update : 30 ตุลาคม 2553 7:48:34 น.
Counter : 534 Pageviews.  

สัมภาษณ์พระเจ้า

ฉันได้พบกับพระเจ้าในฝัน
พระเจ้าถามว่า “ เจ้าอยากสัมภาษณ์ข้าหรือไม่ ”
ฉันตอบว่า “ ข้าน้อยอยากสัมภาษณ์ท่านอย่างยิ่ง แต่ไม่ทราบว่าท่านจะมีเวลาให้ข้าน้อยหรือไม่ ”
พระเจ้าหัวเราะตอบว่า “ เวลาของข้าเป็นอมตะ เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ ”
“ ท่านรู้สึกว่าอะไรคือสิ่งที่แปลกที่สุดของมนุษย์ ”
พระเจ้าตอบว่า “ พวกเขาเบื่อชีวิตในวัยเด็ก รีบร้อนที่จะเติบใหญ่ แต่แล้วก็อยากจะหวนกลับมาเป็นเด็กอีก
“ พวกเขาสละความแข็งแรงของสุขภาพเพื่อแลกกับเงิน จากนั้นก็สละเงินเพื่อมาฟื้นฟูสุขภาพ
“ พวกเขากังวลกับอนาคต แต่กลับลืมปัจจุบันไปเสียสิ้น ฉะนั้น พวกเขาทั้งไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะและก็ไม่ใช้ชีวิตอยู่ในอนาคต
“ ในขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ทำเหมือนจะไม่มีวันตาย แต่หากตายไปแล้วก็เหมือนยังไม่เคยมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ.......”
พระเจ้าจับมือฉันแน่น พวกเรานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ฉันถามว่า “ ในฐานะเป็นผู้อาวุโส ท่านมีประสบการณ์ชีวิตอะไรที่จะสอนลูกหลาน ”
พระเจ้าหัวเราะและตอบว่า “ พวกเขาควรจะรู้ว่าไม่ควรหาความสบายจากผู้คนทั้งหลาย สิ่งที่พวกเขาทำได้คือทำตนให้เป็นที่รักของคนทั้งหลาย
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมิใช่ได้ครอบครองสมบัติอะไรไว้บ้าง แต่อยู่ที่คุณได้ใจใครมาบ้าง
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า การจะเปรียบเทียบฐานะกับผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ดี
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า คนที่ร่ำรวยนั้นไม่ใช่การครอบครองมากที่สุด แต่คือความต้องการน้อยที่สุด
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า การสร้างบาดแผลลึก ๆ ให้กับคนที่เรารักใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่การรักษาแผลนั้นต้องใช้เวลาหลายปีหรืออาจจะนานกว่านั้น
“ พวกเขาควรจะเรียนรู้การให้อภัยผู้อื่น
“ พวกเขาควรที่จะรู้ว่า มีบางคนรักพวกเขาอย่างลึกซึ้งแต่ไม่รู้จะแสดงความรู้สึกของตนออกมาอย่างไร
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า เงินทองซื้อทุกอย่างได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า คนสองคนมองของสิ่งเดียวกัน แต่เห็นไม่เหมือนกัน
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า การได้รับการอภัยจากผู้อื่นนั้นยังไม่เพียงพอ พวกเขาก็ควรอภัยให้ตนเองด้วย
“ พวกเขาควรจะรู้ว่า ข้าดำรงอยู่อย่างนิรันด์กาล ”
*** จดจำ “ ประสบการณ์ชีวิต ” ของพระเจ้า
*****




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2553    
Last Update : 29 ตุลาคม 2553 8:09:45 น.
Counter : 433 Pageviews.  

ใยแมงมุม

มีคนชั่วคนหนึ่ง ตายแล้วตกลงไปในนรกขุมที่สิบแปด เขาจึงเริ่มต้นสารภาพผิด รู้สึกสำนึกเสียใจต่อพฤติกรรมชั่วในอดีตของตน หากชาติหน้ามีจริงจะต้องแก้ไขปรับปรุงตนใหม่อย่างแน่นอน
ความจริงใจและคำพูดดี ๆ เหล่านี้ทำให้พระเจ้าเบื้องบนสะเทือนใจ พระเจ้าจึงหย่อนใยแมงมุมเส้นหนึ่งลงมายังนรก ให้เขายึดไว้แล้วปีนขึ้นมา ชายคนนี้ดีใจเกินคาด รีบยึดใยแมงมุมเอาไว้แล้วปีนขึ้นมา ผีร้ายตนอื่น ๆ เห็นดังนี้ จึงต่างรีบยึดเกาะใยแมงมุมและปีนตามกันขึ้นมา ตนแล้วตนเล่า ต่างรู้สึกอยากออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว
ชายชั่วคนนี้เดิมทีคิดว่า ฉันอยากจะแก้ไขตนเองให้เป็นคนดี ให้พวกเขาได้ไปสู่ชีวิตใหม่ด้วยก็ไม่เป็นไร แต่ผีร้ายที่เกาะเกี่ยวใยแมงมุมยิ่งมายิ่งมากขึ้น ๆ ใยแมงมุมโยกไปเยกมาดูคล้ายจะขาดสะบั้นลงได้ในทันที ในที่สุดชายชั่วก็ร้อนรนขึ้นมา เขายกตีนขึ้นถีบลงข้างล่างโดยแรงอย่างไม่ปราณี ก็เพราะการมีจิตคิดชั่วเพียงวูบเดียวนี่เอง ใยแมงมุมเหนือศรีษะของเขาจึงขาดสะบั้นลง ทำให้ผีร้ายที่เกาะกันทั้งพวงตกลงไปสู่นรกอีกครั้ง
*** ชายชั่วช่างประเมินพลังอำนาจของพระเจ้าต่ำเสียนี่กระไร ขอพียงแต่จิตใจของเขามีความเมตตา พระเจ้าจะไม่ยอมให้ใยแมงมุมขาดลงอย่างแน่นอน เส้นแบ่งความดีกับความชั่วอยู่แค่ความคิดชั่ววูบ โชคดีหรือโชคร้ายก็มักจะกำหนดด้วยเพียงความคิดชั่ววูบเช่นเดียวกัน

*****




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2553    
Last Update : 28 ตุลาคม 2553 7:52:28 น.
Counter : 468 Pageviews.  

คุณมีความสุขแค่ไหน

ทศวรรษที่ 60 ในศควรรษที่แล้ว ดอกเตอร์ Norman Vincent Peale นักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงของอเมริกา เสนอข้อคิดเห็นของเขาว่า เวลาแห่งความสุขของผู้คนในทุกวันนี้ลดน้อยลงอย่างมาก จากที่ผ่านมาเฉลี่ยวันละ 1/3 ของเวลา ลดเหลือ 1/5 ของเวลา นี่กล่าวสำหรับประชาชนโดยทั่ว ๆ ไปในประเทศที่พัฒนาแล้ว กระทั่งทศวรรษที่ 90 มารตฐานการครองชีพในประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมากได้รับการยกระดับ
แต่ผู้คนกลับรู้สึกว่าเวลาแห่งความสุขยิ่งน้อยลงไปอีก เฉลี่ยแล้วยังไม่ถึง 1/9 ของแต่ละวัน
ยิ่งมายิ่งขาดแคลนความสุขเป็นโรคภัยร่วมกันของมนุษยโลก ในต้นปี ค.ศ 2000 หน่วยงานสำรวจวิจัยของสากลแห่งหนึ่งทำการสุ่มตัวอย่างจากประชาชนในประเทศที่พัฒนาแล้ว 25 ประเทศในหัวข้อที่ว่า “ คุณมีความสุขในทุกวันหรือไม่ “ ได้ข้อสรุปอย่างชัดแจ้งว่า คน 60 % ขึ้นไปไม่รู้สึกว่าตนเองมีความสุขได้ทุกๆ วัน 20 % ในจำนวนนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่า “ ฉันไม่มีความสุขเลยสักวัน “ ยิ่งกว่านั้นยังมีคนเน้นย้ำว่า “ ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรจึงมีความสุข ฉันไม่มีความสุขเลยจริงๆ “
ใช่แล้ว ความรู้สึกที่มีความสุขยิ่งมาก็ยิ่งห่างไกลเรามากขึ้นเรื่อยๆ คิดดูให้ละเอียดรอบคอบ ในสมัยที่ชีวิตความเป็นอยู่ยังเรียบง่าย พวกเราเคยรู้สึกมีสุขได้ทุกๆ วัน พวกเราหัวเราะเสียงดัง เดินผิวปากกลางถนน ฮัมเพลง สมัยนี้ความสุขที่เกิดขึ้นเองจากใจของพวกเรามันน้อยจริงๆ กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ในเวลาหลายวันก็ไม่มีเรื่องที่ทำให้ตนเองมีความสุขเลยสักเรื่องเดียว ดังนั้น พวกเขาก็จะเกิดปรากฎการณ์ “ หาความสุข “ ในเมื่อความสุขโดยธรรมชาติไม่มีแล้ว ผู้คนก็จะเสียเงินไปหาความสุขมาทดแทน การ “ หาความสุข “ ได้กลายเป็นเนื้อหาสาระที่จำใจของคนจำนวนมากในยุคปัจจุบันไปแล้ว
ลักษณะที่โหดร้ายของสังคมเศรษฐกิจ ดูเหมือนไม่ได้อยู่ที่ช่องว่างระหว่างความรวยความจน ช่องว่างระหว่างความรวยความจนจะยังคงดำรงอยู่ตลอดไป และจะยิ่งถ่างระยะห่างออกไปมากขึ้นอีก ปัญหาอยู่ที่ว่า ผู้คนกำลังแข่งอะไรกัน ถ้าหากแข่งกันเรื่องเงิน แข่งว่าใครรวย ถ้าอย่างนั้นทุกๆ คนก็จะไม่มีวันสุขด้วยกันทั้งนั้น เพราะถ้าแข่งไปแข่งมา คุณไม่ได้เป็นที่หนึ่งตลอดไป และนี่ก็จะทำให้คุณทุกข์ ทำให้คุณถูกทำร้ายอย่างไร้เหตุผล การทำร้ายนี้ก็มาจากส่วนลึกในใจคุณเอง
ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันในประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ผู้คนเริ่มที่จะแข่งความสุข แข่งอายุวัฒนะ แข่งความผ่อนคลายสบายๆ แข่งว่าใครจะมีชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรี แข่งว่าใครจะสามารถค้นหาความต้องการพื้นฐานของชิวิตได้สำเร็จ เพื่อที่จะใช้ชีวิตที่มีความสุขบนโลกใบนี้ นี่คือการปรับปรุงจิตใจจากภายใน และก็คือวิธีการปรับปรุงที่ได้ผลอย่างแท้จริงวิธีหนึ่ง

*** ทำไมพวกเราจึงไม่มีความสุข เพราะพวกเราไม่ได้สร้างระบบและพิกัดของความสุขของตนเอง นำเอาจุดอ่อนของตนไปเปรียบกับจุดแข็งของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว แคร์ต่อสายตาของผู้อื่นมากเกินไป เรียกร้องการเสพสุขทางวัตถุมากเกินไป ขอเพียงได้ทำการปรับปรุงตนเองบ้าง เวลาแห่งความสุขของพวกเราก็จะเพิ่มมากขึ้น

*****






 

Create Date : 27 ตุลาคม 2553    
Last Update : 27 ตุลาคม 2553 7:32:39 น.
Counter : 440 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.