|
ค่าของ 20 ดอลลาร์
ค่าของ 20 ดอลลาร์
ชายผู้เป็นพ่อเพิ่งเลิกงานและถึงบ้านตอนดึก เขารู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งหงุดหงิด พบลูกชายวัย 5 ขวบยืนรอเขาอยู่หน้าบ้าน
พ่อครับ ผมจะถามอะไรพ่อสักอย่างได้ไหมครับ
ถามอะไรล่ะ
พ่อทำงานชั่วโมงหนึ่งได้เงินเท่าไหร่ครับ
นั่นมันไม่เกี่ยวกับแกนี่ แกจะถามไปทำไม ผู้เป็นพ่อตอบอย่างหัวเสีย
ผมแค่อยากรู้เท่านั้นบอกผมเถอะว่าพ่อหาเงินได้ชั่วโมงละเท่าไหร่ เด็กน้อยอ้อนวอน
ถ้าแกต้องรู้ให้ได้ล่ะก็ เอ้า พ่อได้ชั่วโมงละ 20 ดอล
อ๋อ เด็กน้อยก้มศรีษะ และพูดต่อว่า พ่อ ให้ผมยืม 10 ดอลจะได้ไหม
ผู้เป็นพ่อโกรธขึ้นมา ถ้าแกจะขอยืมเงินเพื่อไปซื้อของเล่นล่ะก็ จงกลับเข้าห้องขึ้นเตียงไปนอนเลยไป แล้วค่อยๆ คิดให้ดีว่าทำไมแกถึงได้เห็นแก่ตัวเช่นนี้ ฉันต้องทำงานด้วยความยากลำบากวันละนานๆ ไม่มีเวลามาเล่นของเล่นกับแก
เด็กน้อยกลับเข้าห้องโดยสงบเงียบ
ผู้เป็นพ่อนั่งลงแต่ยังโกรธไม่หาย เวลาผ่านไปสักครู่ เขาเริ่มสงบอารมณ์ได้ รู้สึกว่าตัวเองคงจะดุร้ายกับลูกชายเกินไป หรือว่าเจ้าลูกชายคงอยากจะซื้ออะไร คิดไปอีกที ปกติลูกก็ไม่ค่อยจะมาขอเงินจากเขา
ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปในห้องนอนลูก ลูกนอนหลับหรือยัง
พ่อครับ ยังไม่หลับ ผมยังตื่นอยู่ เด็กน้อยตอบ
ตระกี้นี้พ่ออาจจะดุลูกแรงไปหน่อย ผู้เป็นพ่อตอบ พ่อไม่ควรใช้อารมณ์ เอ้า นี่เงิน 10 ดอลที่ลูกอยากได้
ขอบคุณครับพ่อ เด็กน้อยดีใจพร้อมกับหยิบแบ็งค์ที่ยับยู่ยี่ที่เก็บไว้ใต้หมอนออกมา นับอย่างช้าๆ
แกมีเงินแล้วทำไมยังจะขอพ่ออีก ผู้เป็นพ่อถามด้วยความโกรธ
ก็เพราะก่อนหน้านี้เงินยังไม่พอ แต่ตอนนี้พอแล้ว เด็กน้อยตอบ พ่อ ตอนนี้ผมมี 20 ดอลลาร์แล้ว ผมสามารถซื้อเวลา 1 ชั่วโมงของพ่อได้แล้ว พรุ่งนี้พ่อกลับบ้านเช้าหน่อยนะ ผมอยากจะกินข้าวเย็นกับพ่อ
*** แบ่งปันเรื่องนี้ให้กับคนที่คุณรัก แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือจงแบ่งปันความสุขกับคนที่คุณรักด้วยเวลาที่มีค่า 20 ดอลลาร์นี้ และนี่เป็นการสะกิดเตือนผู้ที่ต้องทำงานอย่างยากลำเค็ญทุกท่าน เราควรให้เวลาอยู่กับคนที่รักเรา ห่วงใยเราและต้องการเราบ้าง อย่าปล่อยให้เวลาลอดผ่านร่องนิ้วไปอย่างน่าเสียดาย
*****
Create Date : 23 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 17:36:48 น. |
Counter : 399 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
โซ่แห่งรัก
โซ่แห่งรัก
ค่ำวันหนึ่ง เขาขับรถกลับบ้าน ในชนบทเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตะวันตกของอเมริกา การจะหางานได้สักตำแหน่งหนึ่งนั้นยากเสียเหลือเกิน แต่เขาก็ยังไม่ละความตั้งใจ ฤดูหนาวใกล้เข้ามาทุกที ความเย็นยะเยือกมาเยือนถึงหน้าบ้านแล้ว
ตลอดระยะทางดูวังเวง คนส่วนใหญ่จากที่นี่ไปอยู่เมืองอื่นกันแล้ว พวกเขาต้องเลี้ยงดูครอบครัว ต้องการสร้างฝันให้เป็นจริง แต่เขากลับเลือกจะอยู่ที่นี่ ณ ที่นี้เป็นที่ที่พ่อ แม่ของเขานอนนิ่งสงบชั่วนิรันดร์กาล เขาเกิดที่นี่ โตที่นี่ คุ้นเคยกับทุกๆ สิ่งของที่นี่
ท้องฟ้าเริ่มมืด หิมะโปรยปราย เขาต้องรีบทำเวลา
รถของหญิงชราจอดยางแตกอยู่ข้างทาง เขาเกือบจะขับผ่านเลยไป มองดูหญิงชราคงต้องการความช่วยเหลือ จึงนำรถจอดอยู่หน้ารถของหญิงชรา
ถึงแม้ใบหน้าเขาจะยิ้มแย้ม แต่หญิงชราก็ยังกังวลใจ กว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วที่ไม่มีใครจอดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ เขาจะทำร้ายเธอไหมหนอ ดูท่าทางยากจนซอมซ่อ ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย เขาสังเกตุเห็นหญิงชราหวาดกลัวในตัวเขาอยู่บ้าง เธอยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวไม่ไหวติง เขารู้ว่าหญิงชราคิดอย่างไร ผมมาช่วยคุณครับ คุณยาย ทำไมคุณไม่เข้าไปนั่งในรถจะได้อุ่นกว่า ผมชื่อจอร์จครับ
ปัญหาของเธอคือยางลมแฟบ จอร์จมุดเข้าใต้ท้องรถ ขึ้นแม่แรงแล้วเปลี่ยนยางให้ใหม่
ในที่สุด เขาทำจนเสื้อผ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด และบาดเจ็บที่มือนิดหน่อย ขณะที่เขาขันน็อตตัวสุดท้ายอยู่นั้น เธอไขกระจกรถลงและเริ่มสนทนากับเขา ว่าเธอมาจากในเมืองแล้วขับผ่านถนนเส้นนี้ และรู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเขา จอร์จได้แต่ยิ้มแล้วปิดฝากระโปรงท้ายรถ
เธอถามเขาว่าควรจะจ่ายให้เขาเท่าไหร่ดี จะเท่าไหร่เธอก็เต็มใจอย่างยิ่ง จอร์จกลับไม่คิดที่จะรับเงินเธอ ที่เขาทำก็แค่ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น พระเจ้าก็รู้ว่าที่ผ่านมาก็มีคนไม่น้อยที่ช่วยเขาในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาบอกหญิงชราว่าหากเธอต้องการตอบแทนเขา ก็ขอให้เธอให้ความช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในโอกาสต่อไป และก็ขอให้เธอ นึกถึงผมด้วย
เขายืนมองหญิงชราติดเครื่องแล้วเคลื่อนรถออกไป ถึงแม้อากาศจะหนาวสุดทน แต่เขากลับรู้สึกมีความสุขขณะกลับบ้าน
หญิงชราขับมาตามถนนเส้นเดิมอีกประมาณ เจ็ดแปดไมล์ เธอแวะที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเพื่อหาอะไรกินขับไล่ความหนาว แล้วค่อยกลับเข้าบ้าน
บริกรหญิงเดินเข้ามา ส่งผ้าขาวสะอาดให้เธอผืนหนึ่ง เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน แม้จะดูออกว่าเธอตั้งครรภ์แล้วหลายเดือน แต่เธอยังให้การต้อนรับอย่างเร่าร้อน เอาใจใส่
หญิงชรากินอาหารเสร็จ ยื่นเงินให้ไป หนึ่งร้อยดอลลาร์ บริกรหญิงกำลังเดินไปเอาเงินทอน แต่หญิงชรากลับเดินออกไปอย่างเงียบๆ ตอนบริกรหญิงนำเงินทอนมาให้ ไม่พบหญิงชราสียแล้ว เธอสังเกตุเห็นมีข้อความที่เขียนลงบนผ้าปูโต๊ะว่า เธอไม่ได้ติดค้างอะไรฉัน มีคนเคยช่วยเหลือฉัน ก็เหมือนที่ฉันกำลังช่วยเธออยู่ในขณะนี้ ถ้าหากเธอคิดอยากจะตอบแทนฉันละก็ ก็ขออย่าให้โซ่แห่งรักเส้นนี้ต้องขาดลงที่เธอก็พอ
เธอเลิกงานกลับถึงบ้าน นอนอยู่บนเตียง คิดถึงเงินและคำพูดของหญิงชราที่เขียนอยู่บนโต๊ะ
หญิงชรารู้ได้ไงว่าเธอและสามีกำลังต้องการใช้เงินก้อนนี้ ลูกในท้องใกล้คลอดเต็มที ชีวิตภายภาคหน้าคงลำบากมาก เธอรู้ว่าสามีร้อนรุ่มใจเพียงใด ขณะที่เขานอนลงข้างๆ เธอนั้น เธอจูบเขาแผ่วเบาและบอกว่า แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง จอร์จ ฉันรักคุณ
*** มีเพลงเพลงหนึ่งร้องว่า ขอเพียงคนทุกคนมอบรักมาคนละนิด โลกนี้ก็จะ....... แต่คนทั้งหลายก็ได้แต่ร้องเท่านั้น และถ้าทุกคนล้วนแต่หาตุผลที่จะบอกว่าไม่ทำ โลกนี้ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้เหมือนเดิม *****
Create Date : 22 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 22 มิถุนายน 2553 19:24:33 น. |
Counter : 483 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อีกาผู้ร่ำรวย
อีกาผู้ร่ำรวย มีอีกาตัวหนึ่งคาบอะไรสักอย่างอยู่ในปาก มันร่อนลงมาเกาะที่กิ่งไม้ใหญ่ ยังมีอีกาฝูงใหญ่บินตามมาติดๆ พวกมันร่อนตามลงมาโดยไม่เคลื่อนไหวและไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย อีกาตัวที่คาบของในปากดูจะเหนื่อยล้ามากแล้ว มันหอบอย่างแรง มันไม่อาจจะรีบกลืนสิ่งที่คาบในปากลงไปทันที และก็ไม่อาจบินร่อนลงมาที่พื้นค่อยๆ จิกกินได้ จึงได้แต่เกาะอยู่ตรงนั้นรักษาของในปากของมันไว้ อาจจะเพราะการคาบของไว้ในปากทำให้มันหายใจลำบาก หรืออาจเพราะก่อนหน้านี้ถูกฝูงกาไล่กวดมาทำให้หมดเรี่ยวหมดแรง มันยืนส่ายไปมา ทันใดนั้นของในปากก็ร่วงลงมา เหล่าอีกาพุ่งลงมาทันที ท่ามกลางการตะลุมบอน อีกาที่คล่องแคล่วว่องไวตัวหนึ่งสามารถแย่งของชิ้นนั้นไปได้ มันรีบกางปีกบินหนีไปทันที เหล่าฝูงกาบินกวดตามหลังไปรวมทั้งอีกาตัวแรกก็บินตามไป ด้วย แต่เพราะความเหนื่อยล้ามันจึงตามอยู่หลังสุด ในที่สุดอีกาตัวที่สองก็เหมือนอีกาตัวแรก มันถูกไล่จนหมดเรี่ยวหมดแรง ร่อนลงเกาะอยู่บนกิ่งไม้ แล้วของในปากก็หลุดไปในที่สุด และก็เกิดการตะลุมบอนกันอีกยก แล้วอีกาทั้งหมดก็บินไล่อีกกาตัวที่โชคดีได้ของไป *** ท่านทั้งหลายโปรดดูเถิด อีกาผู้ร่ำรวยตกอยู่ในสภาพที่น่ากลัวเพียงใด และนี่ก็เป็นเพียงเพราะว่ามันเห็นแก่ตัวนั่นเอง *****
Create Date : 21 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 18:21:19 น. |
Counter : 534 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ชายตาบอดกับสุนัขนำทาง
ชายตาบอดกับสุนัขนำทาง
วันหนึ่ง ชายตาบอดกำลังเดินข้ามถนนโดยมีสุนัขนำทาง ทันใดนั้นรถบรรทุกคันหนึ่งเสียหลักพุ่งเข้าชนเต็มแรง เขาตายคาที่ สุนัขนำทางก็ตายอย่างอนาทพร้อมเจ้าของ
ชายเจ้าของพร้อมกับสุนัขของเขามาถึงหน้าประตูสวรรค์
เทวทูตนางหนึ่งสกัดกั้นพวกเขาไว้ พูดอย่างลำบากใจว่า ขอโทษค่ะ ขณะนี้บนสวรรค์สามารถรับได้อีกเพียงหนึ่งรายเท่านั้น พวกเจ้าหนึ่งในสองต้องมีผู้ที่ไปนรก
เจ้าของได้ฟังเช่นนั้นก็รีบถามขึ้นว่า สุนัขของฉันมันไม่รู้หรอกว่าอะไรคือสวรรค์ อะไรคือนรก ให้ฉันเป็นคนตัดสินใจได้ไหมว่าใครจะได้ไปสวรรค์
เทวทูตมองเขาด้วยสายตาเหยียดๆ ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า ขออภัยจริงๆ คุณ ทุกๆ วิญญาณล้วนเสมอภาคเท่าเทียมกัน พวกคุณจะต้องใช้วิธีแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครจะได้ขึ้นสวรรค์
เจ้าของสุนัขรู้สึกผิดหวัง ถามว่า เหรอ แล้วจะแข่งอะไร
เทวทูตตอบ การแข่งขันนี้ง่ายมาก คือการวิ่งแข่ง จากที่ตรงนี้วิ่งไปถึงประตูใหญ่ของสวรรค์ ใครถึงก่อน ผู้นั้นก็ได้อยู่บนสวรรค์ แต่ทว่า คุณไม่ต้องหนักใจอะไร เพราะคุณได้ตายไปแล้ว ไม่ใช่คนตาบอดอีกแล้ว และอีกอย่างความเร็วของวิญญาณไม่เกี่ยวกับกายเนื้อ ผู้ที่มีจิตบริสุทธิและเมตตาอารีก็ยิ่งจะมีความเร็ว สูง
เจ้าของสุนัขครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดตกลงเห็นด้วย
เทวทูตให้เจ้าของและสุนัขเตรียมตัวให้พร้อม และประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน นางมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าชายเจ้าของสุนัขจะต้องวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะได้ขึ้นสวรรค์ แต่ใครจะคาดคิดได้ว่าเจ้าของสุนัขไม่รีบไม่ร้อน ก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า และสิ่งที่ทำให้เทวทูตตกใจมากก็คือ เจ้าสุนัขของเขาก็ไม่ได้วิ่งแต่อย่างใด มันก้าวเดินตามจังหวะของเจ้าของอย่างเชื่องช้า ไม่ยอมละห่างเจ้าของแม้แต่ครึ่งก้าว
เทวทูตเข้าใจได้ในทันทีว่า ที่แท้หลายปีมานี้เจ้าสุนัขคงจะเคยชินกับการที่ต้องติดตามการเคลื่อนไหวของเจ้าของ เดินนำเจ้าของ คอยปกป้องคุ้มครอง ชายเจ้าของสุนัขช่างน่ารังเกียจสิ้นดี เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากจุดนี้แน่ๆ ถึงได้มีความมั่นใจในชัยชนะ แค่เพียงเรียกเจ้าสุนัขหยุดลงเมื่อถึงหน้าประตูสวรรค์ก็ได้แล้ว
เทวทูตมองดูเจ้าสุนัขที่แสนซื่อสัตย์แล้วรู้สึกเศร้าใจ นางตะโกนไปที่สุนัขด้วยเสียงอันดังว่า แกได้เสียสละทั้งชีวิตให้นายของแกไปแล้ว นายของแกไม่ใช่ชายตาบอดอีกต่อไป แกไม่ต้องไปนำทางให้เขาอีกต่อไป รีบวิ่งเข้าประตูสวรรค์เร็วๆ
แต่ทว่า ไม่ว่าเจ้าของหรือสุนัข ดูเหมือนไม่ได้ยินเสียงของนางเลย ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ยังกับกำลังเดินเล่นอยู่อย่างนั้นแหละ
เป็นจริงดังว่า เมื่อมาถึงห่างจากจุดที่กำหนดไม่กี่ก้าว ชายเจ้าของก็ออกคำสั่ง เจ้าสุนัขนั่งลงอย่างว่าง่าย เทวทูตจ้องมองชายเจ้าของสุนัขด้วยสายตาดูแคลน
เวลานี้ ชายเจ้าของสุนัขหัวเราะขึ้นและหันมาพูดกับเทวทูตว่า ในที่สุดฉันก็ได้ส่งสุนัขของฉันมาถึงหน้าประตูสวรรค์แล้ว แต่สิ่งที่ฉันเป็นห่วงที่สุดก็คือมันไม่เคยอยากอยู่บนสวรรค์ มันอยากอยู่ด้วยกับฉันมากกว่า เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องตัดสินใจแทนมัน ได้โปรดช่วยดูแลมันด้วย
เทวทูตตกตะลึง
ชายเจ้าของสุนัขมองดูมันด้วยความอาลัยอาวรณ์ แล้วพพูดขึ้นว่า ใช้วิธีแข่งขันนี้ดีทีเดียว ฉันเพียงแต่ให้มันเดินขึ้นหน้าอีกสักกี่ก้าว มันก็จะได้ไปสวรรค์แล้ว แต่ว่า มันอยู่เป็นเพื่อนฉันมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นมันกับตาตัวเอง ฉะนั้นฉันจึงอยากจะเดินช้าๆ เพื่อจะได้มองดูมันนานสักหน่อย ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะได้เผ้ามองมันตลอดไป ถึงแล้วสวรรค์ ที่นี่จึงเป็นที่ที่มันควรจะอยู่ โปรดช่วยดูแลมันด้วย
จบคำพูด ชายเจ้าของสุนัขออกคำสั่งให้เจ้าสุนัขวิ่งขึ้นหน้า และนาทีที่เจ้าสุนัขวิ่งมาถึงจุดหมายปลายทาง ชายเจ้าของสุนัขก็รู้สึกตัวเบาเหมือนสำลีแล้วก็ล่องลอยไปสู่ทิศทางที่ไปนรก สุนัขของเขาเห็นเข้าก็กลับหัวพุ่งตามไปหาเจ้าของทันที ขณะที่เทวทูตที่รู้สึกเสียใจและสำนึกผืดก็รีบกางปีกของนางบินตามติดไปทันที หวังจะคว้าเจ้าสุนัขเอาไว้ ทว่า นั่นคือวิญญาณที่บริสุทธิที่สุดในโลก ความรวดเร็วของมันจึงยังเหนือกว่าเทวทูตใดๆ บนสวรรค์
บัดนี้เจ้าสุนัขนำทางก็มาอยู่กับเจ้าของของมันอีกแล้ว ถึงจะเป็นนรกแต่มันก็ยังคงเฝ้าระวังเจ้าของของมันตลอดไป
เทวทูตยืน ณ ตรงนั้นอยู่นาน แล้วพึมพัมกับตัวเองว่า ข้าผิดตั้งแต่ต้นแล้ว วิญญาณทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกเขาไม่อาจแยกจากกัน
*** สัจธรรมความจริงมีอยู่หนึ่งเดียว แต่ในสายตาผู้คนที่ต่างกัน ก็จะมีมุมมองถูกผิดชั่วดีที่ต่างกันเพราะอะไรเล่า ความจริงเหตุผลง่ายมาก เราทุกคนไม่ควรมองสรรพสิ่งอย่างตายตัว หรือใส่แว่นสีมามองปัญหา และใช้ประสบการณ์หรือมารตฐานชั่วดีของตนเองมาเป็นบรรทัดฐานวัดผู้อื่น สุดท้ายเราก็จะได้แต่ภาพลวงตา *****
Create Date : 20 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 20 มิถุนายน 2553 20:56:03 น. |
Counter : 942 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อ่านเอามาเล่า
อ่านเอามาเล่า เสี่ยวเอ้อ
นิทานน้อยๆ ที่ข้าพเจ้าจะนำมาเล่าต่อเพื่อให้เพื่อนๆ ที่ไม่เคยหรือไม่มีโอกาสได้อ่านนี้ ข้าพเจ้าอ่านมาจากหนังสือรวมนิทานฉบับภาษาจีน ซึ่งรวมเอาเรื่องราวต่างๆ ของบุคคลที่มีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงของโลก ที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าอุดมไปด้วยความคิด ปรัชญา ภูมิปัญญา และความรัก ซึ่งเมื่อข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่อยากจะนำมาถ่ายทอดต่อให้กับผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน เพื่อจะได้แบ่งปันความรู้สึกที่ดีๆ และเรื่องราวที่งดงาม ลึกซึ้ง ที่นับวันจะหาได้ยากยิ่งขึ้นในสังคมทุกวันนี้.
รองเท้าคู่หนึ่ง ชายคนหนึ่งก้าวขึ้นรถไฟอย่างรีบเร่งในขณะที่ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวออกจากสถานี ทว่ารองเท้าข้างหนึ่งของเขาก็ไปสดุดกับประตูรถไฟแล้วก็หล่นลงไปข้างล่าง เขารีบถอดรองเท้าที่เหลืออีกข้างหนึ่งแล้วโยนออกไปในตำแหน่งเดียวกับรองเท้าข้างแรกโดยไม่ลังเล . มีคนถามเขาว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น เขาตอบว่า หากมีคนจนสักคนพอดีเดินผ่านมาแถวนี้ เขาก็จะ เก็บได้รองเท้าหนึ่งคู่ ไม่ใช่แค่หนึ่งข้าง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่า ชายผู้นี้ก็คือท่านมหาตะมะ คานธี รัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของชาวอินเดียและของโลก *** คนผู้หนึ่งจะยิ่งใหญ่ได้ ก่อนอื่นต้องมีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เสียก่อน ความสามารถและผลงานนั้นค่อยตามมาทีหลัง ***** เสื้อโค้ตตัวเก่า
วันหนึ่ง อัลเบิร์ต ไอสไตล์ ได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งโดยบังเอิญบนถนนในนครนิวยอร์ค คุณไอสไตล์ เพื่อนเขาทัก ผมว่าคุณควรต้องมีเสื้อโค้ตตัวใหม่ได้แล้ว เพราะตัวนี้มันเก่าเหลือเกิน จะเป็นไรไปเล่า ในเมื่อจะอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้จักผมอยูแล้ว ไอสไตล์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากนั้นหลายปี พวกเขาก็พบกันโดยบังเอิญอีกครั้ง บัดนี้ อัลโบิร์ต ไอสไตล์ ได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของโลกไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงสวมใส่เสื้อโค้ตตัวเก่าตัวนั้นเหมือนเดิม เพื่อนของเขาก็แนะนำให้เขาเปลี่ยนตัวใหม่ได้แล้ว คราวนี้เขาตอบว่า แล้วยังจำเป็นอะไรอีกหรือ ในเมื่อบัดนี้ใครใครก็รู้จักผมหมดทุกคนแล้ว *** หากว่าในสมองของไอสไตล์มีแต่เรื่องใส่เสื้ออะไรจึงเหมาะสม จึงจะให้ภาพพจน์อย่างไรต่อผู้คน ป่านนี้โลกเราก็คงไม่มีทฤษฎีสัมพันธภาพแล้วล่ะ. *****
Create Date : 18 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 20:38:17 น. |
Counter : 426 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|