ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

พระเจ้าอยู่ในใจเรา

ในที่สุดเด็กหนุ่มก็แต่งงานกับเด็กสาว และในวันแต่งงาน เด็กหนุ่มบอกความลับกับเด็กสาวเรื่องหนึ่ง “ ผมจะไม่ลืมคนแก่คนหนึ่งตลอดไป “ เด็กหนุ่มพูด “ ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากเขา ผมจึงมีโอกาสได้รู้จักกับคุณ “
“ โอกาสอะไรหรือคะ “ เด็กสาวหรี่ตายิ้มแล้วถามเขา
“ ผมเคยไหว้วานคนแก่คนนั้น ตอนที่เราขึ้นลิฟกันเพียงลำพัง ขอให้เขาแอบหยุดลิฟสักห้านาที เพื่อให้ผมได้มองคุณเต็มตา “
“ คนแก่คนนั้นตอบรับทันที แล้วยังปิดไฟด้วย “ เด็กสาวพูด
“ คุณรู้ได้ไง “ เด็กหนุ่มตกใจ
“ คนนั้นเป็นคุณปู่ของฉัน ฉันให้ปู่ปืดไฟเอง ฉันจะทดสอบคุณว่าจะฉวยโอกาสแอบจูบฉันตอนไฟดับหรือไม่ “
“ แต่ผมไม่กล้าจูบ เพียงแต่บอกว่า ไม่ต้องกลัวนะครับ มีผมอยู่ด้วย “
“ ก็เพราะคำพูดคำนี้ที่แสดงถึงความสุภาพเรียบร้อยของคุณ ฉันจึงยอมเข้าใกล้คุณ “ ว่าแล้วเด็กสาวก็จูบที่เปลือกตาของเด็กชาย
*** การรักษากฎทำให้ผู้คนรู้สึกหวานชื่นได้ ทุกคนควรรักษาความสุภาพ หลายครั้งที่คนทั้งหลายรู้สึกขอบคุณพระเจ้า ที่แท้พระเจ้าอยู่ในใจของทุกๆ คน ขอเพียงเราศรัทธาพระเจ้าในใจของเราตลอดไป ยังมีอะไรที่เราทำไม่ได้
*****




 

Create Date : 06 กันยายน 2553    
Last Update : 6 กันยายน 2553 7:43:40 น.
Counter : 429 Pageviews.  

เกี๊ยวชามหนึ่ง

วันนั้น เธอทะเลาะกับแม่อีกแล้ว ด้วยความโกรธ เธอหันหลังวิ่งออกจากบ้านไป เธอเดินอยู่เป็นเวลานานมาก แลเห็นข้างหน้ามีบะหมี่หาบเร่อยู่เจ้าหนึ่ง จึงรู้สึกได้ว่าหิวข้าว แต่ว่า เธอคลำดูทั่วกระเป๋ากางเกง แม้แต่เหรียญเดียวก็ไม่มี เมื่อเห็นแม่ค้าบะหมี่หาบเร่จะรู้สึกได้ทันทีว่าเป็นแม่เฒ่าที่มีใจอ่อนโยน แม่เฒ่าเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นจึงถามว่า “ ลูกเอ๋ย หนูอยากจะกินใช่ไหม ”
“ แต่ว่า แต่ว่าหนู แต่ว่าหนูลืมพกเงินมา ” เธอตอบอย่างเกรงใจ
“ ไม่เป็นไร ยายเลี้ยงเอง “
แม่เฒ่ายกเกี๊ยวมาชามหนึ่งพร้อมกับผักรวกอีกถ้วยหนึ่ง เธอรู้สึกซาบซึ้ง เพิ่งจะกินได้ไม่กี่คำ น้ำตาก็ไหลพรากลงมา หยดลงไปในชาม
“ หนูเป็นอะไรไปหรือ ” แม่เฒ่าถามด้วยความเอาใจใส่
“ หนูไม่เป็นไร หนูเพียงแต่รู้สึกซาบซึ้งมาก ” เธอรีบเช็ดน้ำตาและพูดกับแม่เฒ่าว่า “ เราไม่เคยรู้จักกัน แต่ยายดีกับหนูขนาดนี้ ทำเกี๊ยวให้หนูกิน แต่แม่ของหนู หนูทะเลาะกับแม่ แม่กลับไล่หนูออกจากบ้าน ยังบอกว่าอย่ากลับมานะ ”
แม่เฒ่าได้ฟังแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ ลูกเอ๋ย หนูคิดอย่างนี้ได้อย่างไร หนูคิดดูซิ ฉันก็แค่ทำเกี๊ยวให้หนูกินชามเดียว หนูก็รู้สึกซาบซึ้งต่อฉันแล้ว แล้วแม่ของหนูหุงหาอาหารให้หนูกินมาตั้งสิบกว่าปี หนูทำไมไม่ซาบซึ้งแม่ หนูทำไมยังจะทะเลาะกับแม่ล่ะ ”
เด็กหญิงตะลึงงัน
เธอรีบเร่งกินเกี๊ยวจนหมดชาม เริ่มเดินกลับบ้านไป เมื่อเธอเดินเข้าใกล้บ้าน เห็นแม่ที่มีท่าทางอิดโรยอย่างหนักกำลังกวาดสายตามองหาเธอไปทั่ว ........แม่เห็นเธอเข้าใบหน้าแสดงถึงความดีใจ “ รีบมาเร็วเข้า อาหารทำเสร็จตั้งนานแล้ว ถ้าลูกยังไม่กลับมาอาหารก็จะชืดหมดแล้ว “
ตอนนี้น้ำตาของเด็กหญิงเริ่มไหลพรากลงมา
ในบางเวลา เราจะรู้สึก “ ซาบซึ้งอย่างยิ่ง ” ในสิ่งที่ผู้อื่นให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กับญาติสนิทที่มีพระคุณต่อเราทั้งชีวิตแต่กลับ “ มองไม่เห็น ”
*** การที่ รู้สึก “ ซาบซึ้งอย่างยิ่ง ” นั้นเป็นเพราะพระคุณอันนั้นเกิดขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย การที่ “ มองไม่เห็น “ ก็เพราะถือว่าความรักเอาใจใส่นั้นเป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่แล้ว
*****




 

Create Date : 05 กันยายน 2553    
Last Update : 5 กันยายน 2553 6:49:00 น.
Counter : 466 Pageviews.  

บันทึกผจญภัยของหนูน้อย

วันหนึ่ง หนูน้อยที่ยังไม่เคยผ่านโลกกลับมาถึงบ้านเล่าให้แม่หนูฟังว่า “ แม่ แม่ วันนี้หนูตกใจแทบตายแน่ะ หนูเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งใหญ่มหึมา เดินสองขา บนหัวของมันมีหมวกสีแดง สายตาดุร้ายมาก มันจ้องมาที่หนู มันยังมีปากที่แหลมมาก ทันใดนั้นมันยื่นคอยาวออกมา อ้าปากเสียจนกว้าง ร้องเสียงดังก้องกังวาน หนูเข้าใจว่ามันจะมากินหนูน่ะแม่ เลยวิ่งกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต หนูไม่รู้ว่ามันคือสัตว์อะไร เจอมันเข้าช่างโชคร้ายเสียนี่ ไม่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้หนูพบกับสัตว์อีกตัวหนึ่งช่างน่ารักจริง ๆ รูปร่างสูงใหญ่กว่าอีก ถ้าไม่เพราะเจ้าตัวที่บนหัวมีหมวกแดงล่ะก็ หนูก็ได้คบเป็นเพื่อนกับเจ้าสัตว์ตัวนั้นแล้ว ขนของมันอ่อนนุ่มเหมือนพวกเรา มีสีขาวปนเทา สายตาที่แสนอ่อนโยนของมัน ดูเหมือนยังสลึมสลือไม่ตื่นดี มันมองมาที่หนูด้วยสายตาที่เป็นมิตร แกว่งหางของมันไปมา หนูคิดว่ามันคงอยากพูดคุยกับหนู เดิมทีหนูคิดว่าจะเข้าไปใกล้ ๆ มัน แต่เจ้าสัตว์ตัวใหญ่ที่น่ากลัวก็เริ่มร้องกุ๊กกุ๊กกุ๊ก หนูเลยต้องรีบวิ่งกลับบ้าน ”
แม่หนูฟังลูกพูดจบจึงพูดขึ้นว่า “ ลูกโง่ของแม่ ลูกวิ่งกลับมาน่ะถูกต้องแล้ว สัตว์ตัวใหญ่ที่ลูกบอกนั่นน่ะกลับจะไม่ทำร้ายลูก นั่นคือพ่อไก่ที่ไม่มีอันตราย แต่ตัวที่มีขนนุ่มและสวยงามนั้นคือแมว มันกลับจะกินลูกเข้าไปได้ในคำเดียว เพราะมันเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเรา ”
*** ไม่อาจแยกแยะมิตรหรือศัตรูจากโฉมหน้าท่าทาง บางครั้งศัตรูกลับจะแสร้งทำเหมือนอ่อนโยน แต่พวกเขาได้ซ่อนเป้าหมายที่ไม่อาจบอกผู้อื่นได้ไว้ภายใต้ความอ่อนโยน ศัตรูก็คือศัตรู อย่าได้ถูกหลอกอย่างเด็ดขาด
*****




 

Create Date : 04 กันยายน 2553    
Last Update : 4 กันยายน 2553 8:10:25 น.
Counter : 419 Pageviews.  

คำตอบที่ดีที่สุด

Nikolai Vasilievich Gogol เป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ของรัสเซียในสมัยศตวรรษที่ 19
มีอยู่ครั้งหนึ่งเขากำลังท่องบทกวีที่ตนเองประพันธ์ใหม่ให้กับกวีเอก Bukovsky ฟังอย่างออกรสออกชาด ท่องไปท่องไป ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ของกวีเอก
เขาหยุดท่องทันที
กวีเอกตกใจตื่นขึ้นมา รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
แต่ว่า Gogol กลับพูดอย่างจริงใจกับกวีเอกว่า
“ ผมหวังว่าจะได้คำวิจารณ์ของท่านอย่างจริงใจและเปิดเผย และการสัปหงกของท่านก็คือคำตอบที่ดีที่สุด “
พูดจบ เขาโยนต้นฉบับของเขาลงในเตาไฟทันที
*** การจะรับฟังความจริง ก่อนอื่นตัวเองต้องมีความใจกว้างเสียก่อน
*****




 

Create Date : 03 กันยายน 2553    
Last Update : 3 กันยายน 2553 8:26:23 น.
Counter : 427 Pageviews.  

คนที่ขโมยตัวเอง

Bailey เป็นโจรโจรกรรมเพชรที่ใคร ๆ ก็รู้จักดีในทศวรรษที่ 20 ของศตวรรษที่ 20 เป้าหมายโจรกรรมของเขาล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลมั่งคั่งที่มีฐานะทางสังคม เขายังเป็นนักวิจารณ์ผลงานทางด้านศิลปะอีกต่างหาก ฉะนั้นจึงได้รับฉายา “ โจรผู้ดี “ Bailey ถูกจับเพราะไปโจรกรรม ต้องโทษจำคุก 18 ปี หลังจากพ้นคุก นักข่าวทั่วประเทศต่างพากันมาขอสัมภาษณ์เขา หนึ่งในนักข่าวเหล่านั้นถามปัญหาที่น่าสนใจข้อหนึ่งกับเขาว่า “ คุณ Bailey คุณเคยขโมยของของผู้ที่ร่ำรวยมามากมาย ผมอยากทราบว่า ผู้ที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือใครครับ ” Bailey ตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า “ คือผมเอง “
นักข่าวพากันแตกตื่น Bailey อธิบายต่อว่า “ ด้วยความสามารถของผม ผมควรจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง เป็นผู้มีอิทธิพลในวอลล์สตรีท หรือเป็นผู้หนึ่งที่มีคุณูปการต่อสังคม แต่ผมโชคร้ายที่เลือกจะเป็นขโมย เป็นผู้ที่ขโมยของตัวเองมากที่สุด --------- ทุกคนก็รู้ว่าผมเสียเวลาถึง ¼ ของชีวิตในคุก
เรื่องแบบเดียวกันยังมีให้เห็นไม่น้อย Wanninger เป็นจิตรกรที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกาย ใช้เทคนิคอันวิจิตรพิศดารวาดธนบัตรใบละ 20 ดอลลาร์ เขาก็เหมือน Bailey ทำผิดกฎหมายและถูกจับกุม แต่เรื่องนี้มีนัยที่เสียดสีอย่างหนึ่งก็คือ ธนบัตรฉบับละ 20 ดอลลาร์ที่เขาวาดนั้นใช้เวลาเท่ากับที่เขาวาดภาพเหมือนที่สามารถขายได้ในราคา 500 ดอลลาร์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จิตรกรผู้มีพรสรรค์ผู้นี้กลับเป็นขโมย เรื่องน่าเศร้าก็คือ ผู้ที่ถูกขโมยอย่างน่าสงสารนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นตนเอง
Bailey และ Wanninger พวกเขาล้วนแต่เป็นคนฉลาดที่มีพรสววรค์ ในบางอาณาจักร พวกเขาล้วนสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถของตนเอง มีพื้นที่ยืนของตนอย่างแน่นอน
ผู้ที่ขโมยของตนเอง ความจริงยังมีไม่น้อย ทำไมจึงมีคนทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนี้อีกเล่า ก็เพราะพวกเขาไม่ได้รู้จักตนเองอย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าคุณค่าของตนอยู่ไหน พวกเขาไม่เชื่อมั่นที่จะแสดงความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ตรงไปตรงมา นั่นคือการเดินอยู่บนหนทางแห่งความสำเร็จที่สว่างไสว พวกเขายิ่งไม่รู้ว่า การที่ใช้วิธีการผิด ๆ เพื่อได้มาซึ่งเงินทอง ในความเป็นจริงก็คือการเดินเข้าสู่ซอยตัน ความจริงแล้ว ใครก็ตามที่ไม่เชื่อมั่นตนเอง ไม่เคยแสดงออกซึ่งความสามารถของตนอย่างเต็มที่นั้น ล้วนเรียกได้ว่าคือผู้ที่ขโมยของตนเอง ชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก คุณไม่ได้แสดงศักยภาพของตนออกมา คุณกำลังทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ก็คือการโยนทิ้งชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ และก็คือการขโมยสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของตนเอง ขโมยตัวเอง ความสูญเสียใหญ่หลวงนัก คุณถูกขโมยขโมยของไป ไม่ว่าจะเป็นของอะไรล้วนไม่น่ากลัว ยังสามารถใช้เงินซื้อกลับมา สิ่งที่น่ากลัวก็คือคุณขโมยตัวคุณเอง เพราะการขโมยเช่นนี้ สำหรับคุณแล้วอาจหา “ ข้อแก้ตัว ” ได้ ฉะนั้นมันจึงเกิดขึ้นตอนที่คุณรู้สึกชินชา และยังจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ
การขโมยตัวเอง กล่าวในแง่มุมเล็ก ๆ แล้ว คือทิ้งความผิดพลาดของตนเองไว้อย่างนั้นต่อไป กล่าวในแง่มุมที่ใหญ่กว่า คือทำให้พลังการผลิตของสังคมลดลง และเท่ากับเป็นการขโมยต่อสังคม เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องพิจารณาทบทวนกันสักครั้งว่า เราใช่เป็นคนที่ขโมยตัวเองหรือเปล่า
*** การที่ไม่รับผิดชอบต่อชีวิตของตน ก็เหมือนการขโมยตนเอง
*****




 

Create Date : 02 กันยายน 2553    
Last Update : 2 กันยายน 2553 7:48:40 น.
Counter : 407 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.