ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

อ้างความเมตตากระทำการโหดเหี้ยม

สมัยก่อนมีชายคนหนึ่งได้ตะพาบมาตัวหนึ่ง คิดจะเอามากิน แต่ก็ไม่อยากถูกกล่าวหาว่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ดังนั้นจึงโหมไฟแรงต้มน้ำในหม้อจนเดือด และพาดไม้ไผ่เล็ก ๆ ลำหนึ่งบนหม้อทำเป็นสะพาน เขาตกลงกับตะพาบว่า “ ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะคลานข้ามสะพานเล็ก ๆ นี้ ไปได้ ข้าก็จะละเว้นชีวิตของเจ้า ปล่อยให้เจ้ารอดตาย ”
ตะพาบรู้ว่าเจ้าของคิดที่จะใช้อุบายหมายเอาชีวิตของมัน หวังว่าตัวเองจะตกลงไปในน้ำเดือด แต่ไม่คลานก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องลองพยายามดูสักครั้ง สุดท้ายกลับคลานข้ามสะพานไปได้อย่างปลอดภัย
เจ้าของพูดว่า “ ดีมาก เจ้าคลานข้ามสะพานนี้ได้แล้วจริง ๆ เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าคลานเพื่อข้าอีกสักครั้งหนึ่ง ข้ายังอยากเห็นเจ้าแสดงให้ดูอีกที ”
ถ้าหากไม่คิดที่จะฆ่าสัตว์แล้ว ก็ควรจะปล่อยให้มันมีชีวิตรอด ความจริง เดิมทีอย่าไปจับมันมา ก็จะไม่เกิดปัญหาการไถ่ชีวิตสัตว์แต่อย่างใด “เลี่ยจื่อ ” พูดถึงปัญหานี้ได้ดีมากว่า วันที่หนึ่งเดือนอ้ายประชาชนชาวหันตันจะจับนกพิราบมามอบให้แก่เจ้าเจี๋ยนจื่อ ( ผู้นำแห่งเมืองจิ้นในสมัยชุนชิว ) เจ้าเจี๋ยนจื่อดีใจมาก ให้รางวัลแก่ชาวบ้านที่นำนกมามอบให้ มีแขกภายในจวนของเขาคนหนึ่งถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ เจ้าเจี๋ยนจื่อบอกว่า “ ไถ่ชีวิตสัตว์ในวันที่หนึ่งเดือนอ้าย ทำเช่นนี้ข้าก็จะได้บุญมากมาย ” แขกผู้นั้นพูดว่า “ ชาวบ้านต่างล่วงรู้ว่าท่านจะไถ่ชีวิตสัตว์ในวันที่หนึ่งเดือนอ้าย ดังนั้นพวกเขาต่างพากันไปจับนกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย และก็เพราะเหตุนี้ทำให้นกพิราบตายกันไปเป็นเบือจากการไล่ล่า หากท่านต้องการให้นกพิราบมีชีวิตอยู่รอดจริง ๆ บอกให้พวกเขาไม่ต้องไปจับมาไม่ดีกว่าหรือ จับมาแล้วก็ปล่อยไปอีก ท่านมีแต่ทำบาป จะเป็นการทำบุญได้อย่างไรกัน ” เจ้าเจี๋ยนจื่อว่า “ ท่านพูดได้ดีจริง ๆ ”
สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดคือ แอบอ้างความเมตตากระทำการโหดเหี้ยม
****




 

Create Date : 06 เมษายน 2554    
Last Update : 6 เมษายน 2554 6:30:19 น.
Counter : 423 Pageviews.  

ข้าวโพดที่ดีที่สุด

คุณนายมาลาปลูกข้าวโพดแปลงใหญ่ไว้ที่หลังบ้านของเธอ หลังผ่านการกรำงานหนักไปหลายเดือน ฤดูการเก็บเกี่ยวก็มาถึงแล้ว
ข้าวโพดที่เรียงเม็ดอวบอิ่มห่อหุ้มด้วยเสื้อสีเขียวหลายชั้นฝักหนึ่งพูดว่า “ วันที่เก็บเกี่ยว เจ้าของจะต้องเด็ดฉันก่อนอย่างแน่นอน เพราะว่าฉันเป็นข้าวโพดที่เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในปีนี้ ” ข้าวโพดรอบ ๆ ข้างฟังแล้วต่างก็เห็นด้วยกล่าวชมเป็นเสียงเดียวกัน
การเก็บเกี่ยวเริ่มต้นขึ้นแล้ว คุณนายมาลางานยุ่งมาก เธอมอง ๆ ดูข้าวโพดที่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เด็ดมันไป
“ สายตาของเธอคงไม่ค่อยดีแน่เลย ไม่ได้สังเกตุเห็นฉัน พรุ่งนี้ พรุ่งนี้กระมังเธอจะต้องเด็ดฉันไปแน่ ” ข้าวโพดที่ดีที่สุดปลอบใจตัวเอง
วันรุ่งขึ้น คุณนายมาลาฮัมเพลงอย่างมีความสุขเก็บข้าวโพดฝักอื่น ๆ ไปแล้ว แต่ยังคงละเว้นไว้ซึ่งข้าวโพดฝักที่ดีที่สุดไม่ได้เก็บไป
“ พรุ่งนี้ยายแก่คงจะต้องเก็บฉันไปแน่ ” ข้าวโพดที่ดีที่สุดยังคงปลอบใจตัวเอง
วันที่สาม ที่สี่ หลังจากนี้ไปอีกหลายวัน คุณนายมาลาไม่ได้มาที่นี่อีกเลย ความหวังที่จะถูกเก็บไปของข้าวโพดที่ดีที่สุดยิ่งมาก็ยิ่งเลือนลาง
กระทั่งคืนที่มืดสนิทและฝนตกพรำๆ ข้าวโพดที่ดีที่สุดคิดขึ้นมาได้ในทันใด “ ฉันคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นข้าวโพดที่ดีที่สุดในปีนี้ แต่เวลานี้แม้แต่คุณนายมาลายังไม่ต้องการฉัน ยามกลางวัน ฉันต้องทนต่อแสงแดดจ้า เมล็ดข้าวโพดที่เดิมทีเรียงเม็ดอย่างอิ่มเอิบสวยงามบัดนี้ได้กลายเป็นเมล็ดที่เหี่ยวแห้งและแข็งกระด้าง ทั้งเนื้อทั้งตัวเหมือนจะระเบิดปานนั้น ตอนกลางคืน ฉันยังจะต้องสู้รบกับลมและฝน เธออาจจะไม่ต้องการฉันแล้วจริง ๆ ฉันอาจจะไม่ใช่ข้าวโพดที่ดีที่สุดก็ได้”
ค่ำคืนที่มืดมิดผ่านพ้นไปโดยไม่รู้ตัว แสงแดดที่อ่อนละมุนในยามเช้าส่องกระทบบนใบหน้าของข้าวโพด มันเงยหน้าและลืมตาขึ้น เห็นคุณนายมาลายืนอยู่ตรงหน้า
คุณนายมาลามองมันด้วยแววตาที่พึงพอใจ พูดเบา ๆ ว่า “ นี่แหละเป็นข้าวโพดที่ดีที่สุดของปีนี้ เมล็ดพันธุ์ของมันจะต้องเจริญเติบโตได้ดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน ”
ณ. ขณะนี้ ข้าวโพดที่ดีที่สุดจึงจะเข้าใจเหตุผลที่คุณนายมาลาไม่ได้เก็บมันไปในตอนนั้น
ขณะที่มันกำลังคิดอยู่นั้น ข้าวโพดที่ได้รับเกียรติเป็นพิเศษฝักนี้ก็ถูกคุณนายมาลาเด็ดเอาไปอย่างเงียบ ๆ.........
*** การที่จะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นต้องผ่านกระบวนการของเวลา เชื่อมั่นต่อตนเอง ยืนหยัดให้ถึงที่สุด
*****




 

Create Date : 04 เมษายน 2554    
Last Update : 4 เมษายน 2554 7:59:36 น.
Counter : 507 Pageviews.  

ได้รับการเชื่อถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

ขณะที่เราได้รับการเชื่อถือจากผู้อื่น ภายในใจของเราเหมือนมีพลังชนิดหนึ่งกระเพื่อมอยู่ พลังชนิดนี้เรียกว่าความสุข
เรือยนต์ลำหนึ่งแล่นอยู่ในมหาสมุทรสุดเวิ้งว้าง ลูกชายของลูกเรือชาวผิวดำคนหนึ่งขาดความระมัดระวังตกลงไปในทะเลที่มีคลื่นซัดโครมคราม เด็กชายตะโกนร้องเรียกให้ช่วยชีวิต แต่น่าเสียดายที่คลื่นลมแรงคนบนเรือไม่มีใครได้ยิน เขาได้แต่มองตาปริบ ๆ เห็นแต่ฟองคลื่นและเรือค่อยๆ แล่นไกลไป ๆ ทุกที
สัญชาตญาณของการเอาตัวรอดทำให้เด็กชายว่ายน้ำอย่างไม่คิดชีวิต เขาแกว่งแขนที่ผอมเล็กทั้งสองข้าง พยายามโผล่หัวขึ้นเหนือน้ำ จ้องไปยังทิศทางที่เรือมุ่งไป เรือยนต์ยิ่งไกลไปเรื่อย ๆ ยิ่งดูเล็กลง ๆ สุดท้ายไม่เห็นมันอีกเลย เหลือแต่เวิ้งสมุทรที่ไม่เห็นขอบเขต เด็กน้อยใกล้จะหมดเรี่ยวแรง เขาว่ายต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมลงไป ละทิ้งเถอะ เขาพูดกับตนเอง ขณะนี้ เขาหวนคิดถึงใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาและแววตาที่เป็นมิตรของกัปตันเฒ่า ไม่ เมื่อกัปตันรู้ว่าฉันตกลงไปในทะเลแล้ว จะต้องมาช่วยฉันอย่างแน่นอน คิดถึงตรงนี้ เด็กน้อยใช้แรงเฮือกสุดท้ายของชีวิตว่ายขึ้นหน้าต่อไป ........
ในที่สุดกัปตันพบว่าเด็กชายผิวดำหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่เขามั่นใจว่าเด็กน้อยจะต้องตกลงไปในทะเลแล้ว รีบออกคำสั่งให้หันหัวเรือกลับทันที กลับไปค้นหาเด็ก ตอนนี้มีคนเตือนเขาว่า “ เวลาล่วงมานานขนาดนี้ ถึงเขาจะไม่จมน้ำตายแต่ก็ต้องถูกฉลามกินไปแล้ว........” กัปตันลังเลครู่หนึ่ง ก็ยังตัดสินใจที่จะกลับไปหา มีคนพูดขึ้นอีกว่า “เพื่อเด็กผิวดำเพียงคนเดียว ควรค่าหรือ ” กัปตันตะคอกเสียงดังว่า “ หุบปาก ”
ในที่สุด วินาทีที่เด็กน้อยกำลังจะจมลงไป กัปตันรุดมาถึงช่วยเด็กขึ้นมาได้ เมื่อเด็กน้อยฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้นขอบพระคุณกัปตันที่ช่วยชีวิต กัปตันพยุงเขาลุกขึ้นแล้วถามว่า “ เด็กน้อย ทำไมเธอจึงยืนหยัดได้ยาวนานถึงเพียงนี้ ”
เด็กน้อยตอบว่า “ ผมรู้ว่าท่านต้องมาช่วยผม จะต้องมาอย่างแน่นอน ”
“ เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะต้องมาช่วยเธอแน่ ”
“ เพราะผมรู้ว่าท่านเป็นคนเช่นนั้น ”
ได้ฟังถึงตรงนี้ กัปตันเรือที่ผมขาวโพลนทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กน้อยผิวดำ น้ำตาอาบแก้มพูดขึ้นว่า “ เด็กน้อย ไม่ใช่ฉันเป็นคนช่วยชีวิตเธอ แต่หากเป็นเธอที่ช่วยชีวิตฉัน ฉันรู้สึกอับอายที่เสี้ยววินาทีนั้นฉันยังมีความลังเล........”
คนคนหนึ่งหากสามารถได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่นนับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง คนที่คิดถึงคุณยามที่เขาสิ้นหวังและเชื่อว่าคุณจะยอมให้การช่วยเหลือ ยิ่งเป็นความสุขอย่างยิ่ง
*****




 

Create Date : 01 เมษายน 2554    
Last Update : 1 เมษายน 2554 7:56:03 น.
Counter : 461 Pageviews.  

ความโลภที่น่ากลัว

สมัยก่อน เมืองฉีมีคนคนหนึ่งอยากได้ทองคำ เช้าตรู่วันหนึ่ง หลังจากแต่งตัวอย่างเรียบร้อยแล้วจึงออกจากบ้านไปยังร้านค้าทองแห่งหนึ่ง และฉกชิงทองไปต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย
ต่อมาเขาถูกทางการจับได้และถามเขาว่า “ เหตุใดเจ้าจึงฉกชิงทองต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ “
เขาตอบว่า “ ขณะที่ข้าฉกชิงนั้น เห็นแต่ทองไม่เห็นผู้คน “
*** ความโลภบดบังสติปัญญาและเหตุผล ทำให้ผู้คนสามารถทำในสิ่งที่ยามปกติไม่กล้าที่จะทำได้
จิตละโมบเกิดจากความทะยานอยาก เมื่อมีความอยากจึงละโมบ ความไม่รู้จักพอเพียงจึงโลภ ท่านเล่าจื๊อบอกว่า “ ความรู้จักพอไม่ก่อเกิดความอัปยศ “ “ ภัยพิบัตที่ใหญ่หลวงไม่มีอะไรเทียบเท่าความไม่รู้จักพอ “ ท่านม่อจื๊อก็บอกว่า “ หาใช่สมบัติไม่พอเพียง หากอยู่ที่ใจไม่เพียงพอ “ ดังคำที่ว่า “ มีความทะยานอยากจะทุกข์ว่ายังไม่พอ ไร้ความทะยานอยากก็ไร้ซึ่งความทุกข์กังวล “ การไม่ทุกข์ไม่กังวลดูเหมือนง่ายมาก แต่กลับทำได้ยากถึงเพียงนี้ อย่าได้มองข้ามความคิดละโมบในใจแม้เพียงเล็กน้อย จะต้องขจัดดับมันโดยทันที มิเช่นนั้นประกายไฟเล็ก ๆ ก็อาจไหม้ลามทุ่งได้ น้อยนักที่จิตวิญญาณจะเสื่อมไปเลยในคราวเดียว แต่ล้วนถูกสั่งสมทีละเล็กทีละน้อยนับครั้งไม่ถ้วนจนเสื่อมไปในที่สุด คำถามของพระคัมภีร์มัทธิวที่ว่า “ มนุษย์หากได้มาซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแต่ต้องสูญเสียชีวิตของตนไป ยังจะมีประโยชน์อันใด “
นี่เป็นข้อสงสัยที่มีมาแต่โบราณนับพันปี มีแต่คนที่สามารถควบคุมจิตที่ละโมบไว้ได้เท่านั้นจึงสามารถตอบคำถามนี้ได้
*****




 

Create Date : 30 มีนาคม 2554    
Last Update : 30 มีนาคม 2554 8:24:43 น.
Counter : 502 Pageviews.  

เงินเหรียญหนึ่งเหรียญ

ชายหนุ่มสองคนออกหางานทำพร้อมกัน คนหนึ่งเป็นชาวอังกฤษ อีกคนหนึ่งเป็นชาวยิว
เงินเหรียญหนึ่งตกอยู่ที่พื้น หนุ่มอังกฤษมองยังไม่มองเดินผ่านมันไป หนุ่มชาวยิวกลับเก็บมันขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
หนุ่มอังกฤษแสดงอาการดูถูกเหยียดหยามต่อการกระทำเช่นนี้ของหนุ่มยิว เงินแค่เหรียญเดียวก็ยังจะเก็บ ช่างไม่เอาไหนเสียนี่กระไร
ทั้งสองเดินเข้าไปยังบริษัทแห่งหนึ่ง บริษัทแห่งนี้เล็กมาก งานทั้งหนักทั้งเหนื่อย เงินเดือนก็ต่ำ หนุ่มอังกฤษไม่รู้สึกใยดีจากไปทันที แต่หนุ่มยิวกลับดีใจมากที่ได้งานทำ
สองปีต่อมา ทั้งคู่พบกันบนท้องถนน หนุ่มยิวได้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่หนุ่มอังกฤษยังคงเดินหางานทำอยู่
ต่อเรื่องนี้หนุ่มอังกฤษไม่อาจเข้าใจได้ พูดว่า “ คนที่ไม่เอาไหนเช่นคุณทำไมจึง “ รุ่ง ” ได้เร็วถึงเพียงนี้ ”
หนุ่มยิวตอบว่า “ เพราะว่าผมไม่ได้เป็นเหมือนผู้ดีอย่างคุณที่เดินก้าวข้ามเหรียญเหรียญหนึ่งไปโดยไม่ใยดี แม้แต่เหรียญหนึ่งเหรียญคุณยังไม่ต้องการ แล้วจะร่ำรวยได้อย่างไร ”
หนุ่มอังกฤษไม่ใช่ไม่ต้องการเงิน แต่ในสายตาของเขาจ้องแต่เงินก้อนใหญ่หาใช่เงินก้อนเล็ก เพราะฉะนั้นเงินของเขามักจะต้องรอในวันต่อไป และนี่ก็คือคำตอบของปัญหา
*** ไม่มีเงินก้อนเล็กแล้วไฉนจะมีเงินก้อนใหญ่ ในเมื่อคุณไม่รู้จักถนอมรักเงิน เงินก็จะไม่มีวันมาหาคุณดอก
*****




 

Create Date : 24 มีนาคม 2554    
Last Update : 24 มีนาคม 2554 8:22:12 น.
Counter : 485 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.