ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

โรแมนติกของคนจน

ตอนเย็น ผมเดินเล่นมาถึงสะพานลอย เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังแบกเด็กสาวคนหนึ่งเดินขึ้นสะพานลอย หน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ผมรีบเดินเข้าไปช่วยพยุงและถามเด็กหนุ่มว่า “ เธอป่วยใช่ไหมครับ ผมจะช่วยเรียกรถให้ไปส่งที่โรงพยาบาลนะครับ “
มาถึงกลางสะพานลอย เด็กสาวก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มรีบขอโทษผมเป็นการใหญ่
“ ขอโทษนะครับ ขอบคุณมากเลย พวกผมกำลังเล่นกันอยู่ครับ “
“ อะไรนะ ” ผมรู้สึกเขินปนโกรธนิด ๆ
เด็กสาวหัวเราะอยู่นานจึงจะหยุด บอกผมว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานรอบปีที่ 3 ของพวกเขา พวกเขาขอลางานมาเดินเที่ยวบนท้องถนน เขาไม่มีเงิน ฉันไม่ต้องการให้เขาซื้อของขวัญอะไรทั้งสิ้น แต่เขามีแรง จึงขอให้เขาแบกฉันขึ้นสะพานลอย เพิ่งจะแบกขึ้นลงสามรอบเท่านั้นก็เหนื่อยแล้ว อีกหน่อยหากครบรอบ 30 ปีแล้ว ฉันจะให้เขาแบก 30 รอบ ให้ตาเฒ่าเหนื่อยตายไปเลย.........” เด็กสาวคร่อมอยู่บนหลังของเจ้าหนุ่มนั่นหัวเราะเสียงดังขึ้นอีก
ที่ผ่านมาเข้าใจว่า ความโรแมนติกนั้นต้องมีดอกไม้ แสงเทียน และดนตรีเคล้าคลอ กลับไม่ยักจะรู้ว่าในโลกนี้ยังมีโรแมนติกอีกแบบหนึ่งคือโรแมนติกของคนจน
*** คนจนสุขใจก็คือสุขใจ อย่าได้ยึดเอามาตรฐานของผู้อื่นจึงจะ “ สุขใจ ”
*****




 

Create Date : 16 กันยายน 2553    
Last Update : 16 กันยายน 2553 9:17:46 น.
Counter : 414 Pageviews.  

ถอยเพื่อรุก

พ่อค้าอินเดียคนหนึ่งนำภาพวาด 3 ภาพของจิตกรมีชื่อไปเสนอขายในอเมริกา มีพ่อค้าภาพวาดอเมริกันคนหนึ่งสนใจในภาพวาด 3 ภาพนี้มาก จึงตัดสินใจว่าจะอย่างไรเสียต้องหาวิธีให้ได้ภาพ 3 ภาพนี้มา พ่อค้าอินเดียเสนอราคามาที่ 250 ดอลลาร์ น้อยกว่านี้ดอลเดียวก็ไม่ขาย พ่อค้าอเมริกันคนนี้ก็หาใช่พ่อค้าชั้นธรรมดาในวงการไม่ เขาก็ไม่คิดที่จะจ่ายเพิ่มแม้แต่ดอลเดียวเหมือนกัน จึงต่อรองราคากับพ่อค้าอินเดีย ถกราคากันจนสถานการณ์เริ่มตึงเครียด
ทันใดนั้น พ่อค้าอินเดียโกรธขึ้งขึ้นมาหยิบภาพวาดมาภาพหนึ่งแล้วเดินออกไปข้างนอก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จุดไฟเผาภาพวาดนั้นเสีย พ่อค้าอเมริกันเห็นภาพวาดถูกเผาทิ้งก็ให้รู้สึกเจ็บใจ เขาถามพ่อค้าอินเดียอย่างระมัดระวังว่าภาพที่เหลือ 2 ภาพนั้นจะขายเท่าไหร่ ไม่คาดว่าครั้งนี้พ่อค้าอินเดียบอกราคาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวว่าต่ำกว่า 250 ดอลลาร์ ไม่ขายเด็ดขาด น้อยลงไปหนึ่งภาพยังจะเรียกราคา 250 ดอลลาร์ พ่อค้าอเมริกันรู้สึกไม่ยุติธรรมจึงขอให้ลดราคาลงมาอีก แต่พ่อค้าอินเดียไม่สนใจเขา แสดงความโกรธโดยการเผาภาพวาดอีกภาพหนึ่ง ครั้งนี้ พ่อค้าอเมริกันตกใจหน้าซีด ได้แต่ขอร้องพ่อค้าอินเดียว่าอย่าเผาภาพสุดท้ายที่เหลือเลย เพราะตนเองชอบภาพนี้มากจริง ๆ จากนั้น เขาก็ถามอีกว่าภาพสุดท้ายนี้ราคาเท่าไหร่ คาดไม่ถึงว่าพ่อค้าอินเดียออกปากเรียกราคาถึง 500 ดอลลาร์
ครั้งนี้พ่อค้าอเมริกันร้อนรนมาก ได้แต่สกดกลั้นความโกรธถามว่า “ ราคาภาพเดียวจะสูงกว่าราคา 3 ภาพ ได้อย่างไร อย่างนี้ไม่ใช่จงใจกลั่นแกล้งกันหรือ ” พ่อค้าอินเดียตอบว่า “ ภาพวาด 3 ภาพนี้วาดโดยผีมือจิตกรผู้มีชื่อเสียง เดิมทีมี 3 ภาพ ก็ยังสามารถนำมาวิจารณ์เปรียบเทียบราคากัน ขณะนี้ เหลือเพียงภาพเดียวแล้ว จึงพูดได้ว่าเป็นของหายากที่ประเมินค่ามิได้ ราคาของมันจึงสูงกว่าตอนที่มันอยู่ครบทั้ง 3 ภาพ อีกมาก ฉะนั้น ขอบอกคุณว่าถ้าหากคุณอยากจะซื้อภาพวาดนี้จริง ๆ อย่างต่ำต้องจ่าย 500 ดอลลาร์ ”
พ่อค้าอเมริกันทำหน้าเศร้าจนด้วยปัญญา สุดท้ายตกลงซื้อขายกันด้วยราคานี้
*** มีนักสะสมสแตมป์คนหนึ่งเขามีสแตมป์ล้ำค่าหาได้ยากอยู่ 2 ดวง ราคาสมควรอยู่ที่ สองแสนห้าหมื่นดอลลาร์ หลังจากนั้นเขาได้ทำลายสแตมป์ต่อหน้าผู้คนไปหนึ่งดวง มีคนรีบเสนอให้ราคา หนึ่งล้านดอลลาร์
สำหรับสแตมป์ดวงที่เหลือทันที อย่างที่กล่าวกันว่า ของหายากย่อมมีค่า การสะสมผลงานศิลปะนั้นอย่าซื้อของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เด็ดขาด ใครจะรู้ว่าเขายังจะวาดผลงานออกมาอีกมากน้อยเท่าไหร่
*****




 

Create Date : 15 กันยายน 2553    
Last Update : 15 กันยายน 2553 8:37:04 น.
Counter : 432 Pageviews.  

รองเท้าสองข้างที่เหมือนกัน

หลายปีก่อน มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเดินทางไปท่องเที่ยวที่อเมริกา เตร่ไปที่แผนกรองเท้าในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้านทางเข้ามีรองเท้าอยู่กองหนึ่ง ติดเครื่องหมายไว้ว่า “ ราคาพิเศษเหนือชั้น เพียงจ่ายแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ใส่กลับบ้านได้เลย “ แวบหนึ่งเธอมองเห็นรองเท้าสีแดงคู่หนึ่ง หยิบขึ้นมาดู แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ารองเท้าที่เดิมราคา 70 ดอลลาร์ แต่จ่ายเพียง 7 ดอลลาร์เท่านั้น เธอลองใส่ดูแล้วรู้สึกว่าหนังนุ่มคุณภาพดี ช่างสวยสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ เธอดีใจจนระงับไว้ไม่อยู่ ที่น่ารักกว่านั้นก็คือ ชุดสีแดงที่เธอสวมอยู่ดูเหมือนกับตั้งใจตัดมาเพื่อให้เข้าชุดกับรองเท้าเลยทีเดียว
เธอกอดรองเท้าแนบอก แล้วกวักมือเรียกพนักงานสาวมา พนักงานเดินยิ้มเข้ามา “ สวัสดีค่ะ คุณชอบรองเท้าคู่นี้หรือคะ พอดีเข้ากับชุดของคุณเลย ” พูดพรางยื่นมือออกมาว่า “ ขออนุญาติให้ดิฉันดูอีกทีได้ไหมคะ ” เพื่อนของฉันยื่นรองเท้าให้เธอ อดรู้สึกกังวลไม่ได้จึงถามว่า “ มีปัญหาอะไรไหมคะ ราคาถูกต้องหรือเปล่าคะ “ พนักงานสาวรีบปลอบใจว่า “ ไม่ ไม่ อย่ากังวลใจ ดิฉันเพียงแต่จะดูให้แน่ใจอีกสักครั้งว่าใช่รองเท้าสองข้างนั้นหรือไม่ อือ ใช่จริง ๆ ด้วย ”
“ อะไรกันรองเท้าสองข้าง นี่มันคู่หนึ่งชัด ๆ ”
พนักงานสาวผู้ใสซื่อพูดว่า “ ในเมื่อคุณถูกใจมันมาก และก็ตัดสินใจที่จะซื้อแล้ว ดิฉันจะต้องอธิบายให้ชัดเจนเสียก่อน พูดความจริงให้คุณได้รับทราบ เชิญมานั่งที่ข้าง ๆ นี่ก่อน ” เธอเดินนำเพื่อนของฉันมานั่งลงตรงมุมเงียบที่คนไม่แออัด เพื่อจะได้ไม่ถูกรบกวน พิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ
พนักงานสาวพูดว่า “ ขออภัยอย่างยิ่ง ดิฉันต้องให้คุณเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่รองเท้าคู่หนึ่ง แต่เป็นหนังชนิดเดียวกัน ขนาดเดียวกัน แบบก็เดียวกันแต่คนละข้างกัน คุณเปรียบเทียบให้ละเอียดดูแล้ว ถึงแม้สีเกือบจะเหมือนกัน แต่ว่า ยังเพี้ยนกันเล็กน้อย พวกเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าก่อนหน้านั้นเวลาขายพนักงานอาจจะหยิบให้ลูกค้าผิดไป หยิบไปคนละข้าง ฉะนั้นจึงเหลือข้างซ้ายข้างขวาที่เข้ากันเป็นคู่หนึ่งพอดี พวกเราไม่อาจหลอกลวงลูกค้า คุณกลับไปแล้วทราบทีหลังจะได้ไม่เสียใจมาโทษเราทีหลัง ถ้าตอนนี้คุณทราบแล้วไม่ต้องการ คุณสามารถเลือกคู่อื่นได้ ” คำพูดที่จริงใจเช่นนี้ มีหรือจะไม่ทำให้คนใจอ่อน อีกอย่าง ใส่ “ รองเท้าสองข้าง ” ก็ไม่ได้ยืนตรงก้าวเดินทีเดียวพร้อมกัน หรือมีใครจะก้มลงดูเปรียบเทียบสีของรองเท้า ยิ่งคิดก็ยิ่งถูกใจ นอกจากจะตัดสินใจซื้อ “ รองเท้าสองข้าง ” นั้นแล้ว ยังซื้อรองเท้าอีกหนึ่งคู่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เวลาผ่านไปหลายปี รองเท้าคู่นั้นก็ยังเป็นรองเท้าคู่โปรดของเธอ ทุกครั้งที่มีเพื่อนชมว่าสีรองเท้าสวย เพื่อนฉันคนนี้ก็จะเล่านิทานที่ประทับใจคนเรื่องนี้อย่างไม่รู้จักเบื่อ มีโรคหนึ่งที่ติดมาด้วยก็คือ ทุกครั้งที่เธอไปนิวยอร์คจะเหมือนคนติดมอร์ฟีน จะต้องหาเวลา “ กลับไป ” ห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นหอบรองเท้ากลับมาสองสามคู่
*** ไม่หลอกลวงผู้อื่นเพื่อเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า แต่เป็นการปฎิบัติต่อด้วยความจริงใจ จึงจะชนะใจคนได้ และได้รับการปฎืบัตืตอบอย่างจริงใจ

*****




 

Create Date : 14 กันยายน 2553    
Last Update : 14 กันยายน 2553 8:23:00 น.
Counter : 456 Pageviews.  

เข้าใจ

เจ้าของร้านแห่งหนึ่งติดประกาศโฆษณาที่หน้าร้านว่า “ ขายลูกสุนัข ” เห็นได้ชัดว่าข่าวนี้ดึงดูดเด็ก ๆ ได้ดีทีเดียว
เด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งปรากฎตัวหน้าป้ายโฆษณา “ ลูกสุนัขขายเท่าไหร่ครับ ” เขาถาม
“ ราคาไม่เท่ากัน 30 ถึง 50 ดอลลาร์ ”
เด็กชายล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเศษธนบัตรออกมา “ ผมมี 2 ดอลลาร์ 37 เซ็นต์ ขออนุญาติให้ผมดูพวกมันหน่อยได้ไหมครับ ”
เจ้าของร้านยิ้ม ๆ ผิวปากส่งเสียง สตรีผู้ดูแลสุนัขวิ่งออกมา ข้างหลังเธอตามติดมาด้วยลูกสุนัขขนปุกปุยหลายตัว ในจำนวนนั้นมีตัวหนึ่งถูกทิ้งท้ายเสียไกล เด็กน้อยคนนี้สังเกตุได้ทันทีว่าลูกสุนัขตัวที่รั้งท้ายนั้นเดินกะเผลก ๆ
“ สุนัขตัวนั้นมีอะไรผิดปกติไหมครับ ”
เจ้าของร้านอธิบายว่า “ ลูกสุนัขตัวนั้นไม่มีกระดูกสะโพก เพราะฉะนั้นมันจึงเดินกะเผลก ๆ “
เด็กชายพูดว่า “ ผมจะซื้อลูกสุนัขตัวนั้นนั่นแหละ ”
เจ้าของร้านพูดว่า “ หนูไม่ต้องจ่ายเงิน ถ้าหากหนูชอบมันจริง ๆ ฉันก็ยกมันให้หนู ”
เด็กชายโกรธมาก เขาถลึงตาจ้องเจ้าของร้าน “ ผมไม่ต้องการให้คุณยกมันให้ผม สุนัขตัวนั้นควรจะมีราคาค่าตัวเท่ากับสุนัขตัวอื่น ๆ ผมจะจ่ายคุณเต็มราคา ตอนนี้ผมจ่ายให้ 2.37 ดอล ก่อน หลังจากนั้นจะจ่ายให้เดือนละ 50 เซ็นต์ทุกเดือน จนกว่าจะครบ
เจ้าของร้านเกลี้ยกล่อมเขาว่า “ หนูไม่จำเป็นต้องซื้อสุนัขตัวนี้จริง ๆ มันไม่สามารถกระโดดเล่นกับหนูเหมือนสุนัขตัวอื่น ๆ ได้เลย ”
เมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ เด็กชายก้มตัวลง ดึงขากางเกงขึ้นมา โผล่ให้เห็นขาที่ผิดรูปผิดร่างอย่างมากของเขา ขาข้างซ้ายของเขาเป๋ อาศัยแท่งโลหะประคองเอาไว้
เขามองเจ้าของร้านและพูดเสียงค่อย ๆ ว่า “ อีอ ผมเองก็เดินได้ไม่ดี สุนัขตัวนั้นต้องการคนที่เข้าใจมัน “
*** ผู้ที่อ่อนแอต้องการความเห็นใจ และต้องการความเข้าใจยิ่งกว่า

*****




 

Create Date : 13 กันยายน 2553    
Last Update : 13 กันยายน 2553 8:27:59 น.
Counter : 346 Pageviews.  

ไม่มีคำว่าสาย

ชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นกำลังเปิดรับสมัครนักเรียนคอร์สใหม่ มีหญิงชราคนหนึ่งมาสมัครเรียน
“ มาสมัครให้ลูกหรือคะ ” พนักงานทะเบียนสาวถาม
“ ไม่ สมัครให้ตัวเอง ” หญิงชราตอบ
พนักงานสาวงงงัน
หญิงชราอธิบายว่า “ ลูกชายฉันไปได้สะใภ้ชาวญี่ปุ่นมา เวลาพวกเขากลับมาบ้านชอบพูดอะไรก็ไม่รู้กีรีกูรู ฉันฟังไม่ออกรู้สึกร้อนใจ ฉันอยากจะสื่อสารกับพวกเขา ”
“ ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่คะ ” พนักงานสาวถาม
“ 68 ”
“ คุณอยากฟังให้เข้าใจในคำพูดของพวกเขา อย่างน้อยต้องใช้เวลา 2 ปี แต่หลังจาก 2 ปีคุณก็อายุ 70 แล้ว ”
หญิงชราหัวเราะคิกคิกแล้วถามว่า “ สาวน้อย เธอคิดว่าถ้าฉันไม่เรียน หลังจาก 2 ปี แล้วฉันจะเหลือ 66 หรือไง ”
เหตุการณ์มักจะเป็นเช่นนี้ พวกเรามักจะเข้าใจว่าเริ่มต้นสายไป จึงละทิ้งเสีย หารู้ไม่ว่าขอเพียงเริ่มต้นก็จะไม่มีคำว่าสาย ปีหน้าเราเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี ไม่ว่าเราจะนอนอยู่หรือเดินอยู่ แต่ปีหน้าเราก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีอยู่ดี แต่มีบางคนได้รับดอกผล แต่บางคนยังว่างเปล่าเหมือนเดิม ข้อแตกต่างอยู่ที่คุณได้เริ่มต้นหรือยัง คนแก่จะเรียนหรือไม่เรียน หลังจากสองปีแล้วก็ 70 เหมือนกัน ความแตกต่างคือ คนหนึ่งสามารถสนทนาอย่างมีความสุขกับลูกสะใภ้ อีกคนเหมือนหุ่นกระบอกที่นั่งเซ่อ ๆ อยู่ข้าง ๆ
*** มีการเริ่มต้นแล้ว ก็มีหวังที่จะสำเร็จ ไม่มีการเริ่มต้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จอย่างแน่นอน
*****




 

Create Date : 12 กันยายน 2553    
Last Update : 12 กันยายน 2553 6:57:24 น.
Counter : 381 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.