กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
เมษายน 2564
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
21 เมษายน 2564
space
space
space

ทำสมาธิแล้วเกิดสภาวะทางกาย


     ลิงค์ด้านล่างนั้น มีตัวอย่างเจริญสมาธิ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม ทำกรรมฐาน เจริญภาวนา ฯลฯ ในทุกประเด็น คำพูด คคห. 8  จขกท.ว่า  เนื่องจาก  คคห. 7 ว่า


ดู ความคิดเห็นที่ 8

     ดูเหมือนกับว่าอาการทางจิตเกิดได้จากการทำสมาธิ  (ไม่ถูกวิธี?)

     แล้วอาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่า มีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว  จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้นเหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น

     ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ  แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป  ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ ....

     (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง  เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ   ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ   แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิแล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร )


https://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/10/Y9785609/Y9785609.html


235  ไม่ได้ผิดวิธีอะไรเลย   ถ้าจะพูดควรพูดใหม่ว่า  เขาทำถูกวิธีซ้ำ  แต่ผู้แนะนำ (กับตัวผู้ทำ) ไม่เข้าใจชีวิตด้านสภาวะที่ร่างกายแสดงออก  เพราะเป็นอาการที่เกิดจากปีติแล้วก็มีสมาธิ (แรง) ร่วมด้วย ดูอาการปีติหัวข้อธรรมุทธัจจ์


ให้ดูตัวอย่างหนึ่ง  450

     ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วัน ละสาม ชม. แรกๆ ก็จะบริกรรม ดูลม  (เรียนทำสมาธิจากเวปต่างๆ และคลิปที่ยูทูป อยู่ต่างประเทศคะ) จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้

     จนเมื่อวานนี้ และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ให้นิ่งดูเฉยๆ  ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ

     ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อให้เห็นการเกิดดับ  (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่)  ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ   ขอรบกวนให้คำปรึกษาด้วยนะคะ....อยู่ต่างประเทศจะไปวัดขอคำปรึกษา จากพระไม่ได้เลย



  235 ถ้าเห็นอาการเกิดดับๆๆ จริง สภาวะทุกๆอย่างจะหายไปหมดไป (ใช้คำนี้ ไม่รู้จะใช้คำไหน)  เข้าสู่สภาวะปกติ (เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง)  เพราะผู้ปฏิบัติรู้เหตุเข้าใจเหตุหมดแล้ว  เมื่อรู้เหตุผลก็ดับ  แต่ถ้ายังไม่เข้าใจเหตุ (แต่พูดเกิดดับเอาเอง) ผลก็ไม่หยุดหมุนให้ 

    ไม่ฝืน ไม่ต้านสภาวธรรม   แต่ให้กำหนดจิต (ว่าในใจ)  ทุกๆขณะ ที่ประสบสภาวะ  ตัวกำหนดรู้คือที่ว่าในใจตามที่มันเป็นนั่นแหละ  เป็นตัวเปลี่ยนตัวตัดวงจรความคิด (องค์ธรรม เช่น สติสัมปชัญญะก็เกิดด้วย)  ผู้ปฏิบัติกำหนดเรียนรู้สภาวะไป กำหนดรู้มัน  แต่ไม่ฝืนไม่ต้านมัน  ไม่กลัว หมดเวลาที่ตั้งใจไว้ สมมติ 30 นาที  ลุกเดินจงกรมระยะต่ำๆ ระยะที่ ๑ ซึ่งก็ช่วยลดสภาวะสมาธิที่แรงกับปีติได้  (นั่งเท่าใดจงกรมเท่านั้น เดินมากกว่าหน่อยก็ไม่เป็นไร)    



ให้ดูสภาวะปีติหน่อย

ธัมมุทธัจจ์-วิปัสสนูปกิเลส   (เกิดในขณะอุทยัพพยญาณอย่างอ่อน - ตรุณวิปัสสนา)

๑. โอภาส   เห็นแสงสว่าง แสงสี ต่างๆ

๒. ปีติ ๕ อย่าง   (ปีติจะเกิด)   ดังนี้
     1. ขุททกาปีติ   มีลักษณะดังนี้
     1.1 เยือกเย็น   ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว
     1.2 ร่างกาย มึน ตึง หนัก
     1.3 น้ำตาไหลพราก
     1.4 ปรากฏเป็นสีขาวต่างๆ

๒. ขณิกาปีติ   มีลักษณะดังนี้
     2.1 เป็นประกายดังฟ้าแลบ
     2.2 ร่างกายแข็ง หัวใจสั่น
     2.3 แสบร้อนตามเนื้อตามตัว
     2.4 คันยุบยิบ เหมือนแมลงไต่ตามตัว

๓. โอกกันติกาปีติ   มีลักษณะดังนี้
     3.1 ร่างกายไหวโยก โคลงแคลง บางครั้งสั่นระรัว
     3.2 สะบัดหน้า สะบัดมือ สะบัดเท้า
     3.3 น้ำลายสอในปาก คลื่นไส้ อาเจียน
     3.4 มีอาการคล้ายๆละลอกคลื่นซัด
     3.5 ปรากฏมีสีม่วงอ่อน สีเหลืองอ่อน

๔. อุเพงคาปีติ  มีลักษณะดังนี้
     4.1 มีอาการคล้ายๆกายสูงขึ้น ตัวเบา ตัวลอย
     4.2 คันยุบยิบ เหมือนมีตัวไร ตอมไต่ตามหน้าตา
     4.3 ท้องเสีย ลงท้อง
     4.4 สัปหงกไปข้างบ้าง ข้างหลังบ้าง
     4.5 หัวหมุนไปมา
     4.6 กัดฟันบ้าง อ้าปากบ้าง หุบปากบ้าง
     4.7 กายงุ้มไปข้างหลังบ้าง ข้างๆบ้าง
     4.8 กายกระตุก ยกแขน ยกขา
     4.9 ปรากฏสีไข่มุก สีนุ่น

๕. ผรณาปีติ   มีลักษณะดังนี้
     5.1 ร่างกายเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว
     5.2 ซึมๆไม่อยากลืมตา ไม่อยากเคลื่อนไหว
     5.3 ปรากฏเป็นสีคราม สีเขียว สีบงกด

 


Create Date : 21 เมษายน 2564
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2566 23:13:31 น. 0 comments
Counter : 1950 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space