ให้ดูหลายๆวิธี ทีนี้ให้ดูที่ไม่ใช้คำภาวนาอย่างใด ดูลมหายใจเข้า - ออก กับ ดูเวทนาทางกายที่เกิด แล้วทำใจอุเบกขา
เขาเป็นยังไง ดู
> ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรมและให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา
คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา 10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน
ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และกรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก
ระยะหลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ดูแล้วสงสาร ตย. ไม่ใช้คำภาวนาใดๆ อย่างที่บอก คำบริกรรมภาวนา ไม่ใช่สาระ ใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ ที่สำคัญพอจิตสงบๆหน่อยสภาวธรรมนั่นนี่โน่นปรากฎ ไม่รู้จะเอายังไงดี ติดตัน ไปต่อก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้
เจ้าสำนักใดๆ จะรู้แค่ว่า ไปนะไปทำยังงี้ๆนะ พุทโธๆนะ ลมหายใจสั้นก็รู้ ลมหายใจยาวก็รู้นะ ยังยังไม่พอ ไปเจอะคนทำจริงๆภาวนาตามนั้นจริงๆเข้าแล้วสภาวะปรากฎ เจ้าสำนักเองแก้อารมณ์กรรมฐานให้เขาไม่ได้ เสียเลย เจ้าสำนักเสียหาย คนทำเสียคน
อีกรายหนึ่ง
> ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติธรรม ในสายโคเอ็นก้าที่ พิษณุโลก หลักสูตร 10 วันเต็ม การพิจารณาวิปัสสนา ตามหลักสูตร เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และรู้สึกเหมือนกับว่าการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ครุอาจารย์แนะนำในหลักสูตร เมื่อปี 53 ที่ผ่านมา ผ่านมาหลายปีแล้ว กลับมาแรกๆก้อปฏิบัติวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงตลอด
ช่วงหลังห่างไม่ได้ปฏิบัติอีก มีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตเป็นไปตามเหตุและปัจจัย
แต่ดิฉันยังรู้สึกว่าเสียงที่รู้สึกได้ในจิตยังส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกับคนสวดมนต์หรือดนตรีอะไรแว่วๆอยู่ในจิตตลอดเวลา เหมือนสัญญาณเตือนว่าให้กลับไปเส้นทางนี้ ไม่ทราบว่าเป็นการอุปาทานเองไปมั๊ย เคยปรึกษาพี่ที่เป็นเสมือนญาติธรรมกัน ท่านว่าเป็นสัญญาณความทรงจำเก่าจากอดีตชาติอย่าไปยึดติด
แต่ทุกครั้งที่จิตว่างๆจากการงานธุระ หรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา ขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ทั้งหลายในลานธรรมช่วยชี้แนะด้วยค่ะ.
ข้อความที่ขีดเส้นใต้ "ทุกครั้งที่จิตว่างๆจากการงานธุระ หรือ ไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา" จิตมีรูปวิเคราะห์ว่า อารมฺมณํ จินฺเตตีติ จิตฺตํ ธรรมชาติใด ย่อมคิดซึ่งอารมณ์ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า จิต. หมายความว่า หน้าที่ของจิตคือคิดนั่นคิดนี่ บลาๆ คิดอารมณ์นี้อารมณ์นั้น ในเมื่อไม่มีอารมณ์ใหม่ คืออารมณ์เฉพาะหน้าให้มันคิด มันก็คิดอารมณ์เด่นๆแรงๆที่อยู่ในใจ (ธรรมารมณ์) ดังว่านั่นแล
วิธีแก้ ก็คือเอาตัวความคิดนั่นแหละมาเป็นอาหารของสติเสีย (จิตตานุปัสสนา) คือ กำหนดตัวมันเอง คิดหนอๆๆๆๆ (ตัดตอนตัดวงจรความคิด) คิดหนอๆๆๆๆ กำหนดตามนั้นแล้วปล่อย รู้แล้วปล่อย รู้แล้ววาง (ใช้คำไหนก็ได้) กำหนดปล่อย คิดหนอๆๆ กำหนดแล้ววาง พอจิตมันเปลี่ยนเรื่องนี้ มันก็โน้มน้อมไปคิดเรื่องอื่น ๆ อีก (เกิด-ดับๆๆ) ก็บอกแล้ว หน้าที่ของจิต คือ คิดอารมณ์ (อารมณ์นั่นอารมณ์นี่ ดีชั่วแล้วแต่ ซึ่งเสมือนอาหารของจิตมัน) วันใดจับมันได้ไล่มันทัน สนุก
ฝึกมาจากสำนักนั้นอีกรายหนึ่ง เล่าละเอียดจนเห็นจุดสลบ
https://pantip.com/topic/41864658
อีกราย
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=10-02-2023&group=5&gblog=60
Create Date : 12 เมษายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2567 16:37:34 น. |
Counter : 1421 Pageviews. |
|
|
|