กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
เมษายน 2564
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
9 เมษายน 2564
space
space
space

เขาใช้พุทโธ



ตัวอย่าง 450


  > ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

     วันแรกๆ ก็ไม่เป็นอะไร  พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น  เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก  จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้  แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

     จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเอง  จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย  เวทนา  จิต  ธรรม  คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ  หายใจตอนแรกก็ยาว    ก็ตามไปซักพัก  เริ่มพิจารณาตามสติปัฏฐาน   คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย   ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา  ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ   จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง  ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา  ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

       1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี   ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

       2. จุดมุ่งหมายจริงๆ   คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ     

     ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ  พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว  เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา     เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนา  ทำให้เราเข้าใจว่า  ทุกอย่างมีเกิด-ดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด   แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร  หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง   จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ   หลังสึกออกมาทุกวันนี้     เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน   แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง    ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน 



235 เขาใช้พุทโธนะ 451 แล้วยังพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม อีก แล้วเป็นไง  11  ติด  ไม่รอด  ไปต่อไม่ได้ 


235 ขาดวิธีแก้อารมณ์   วิธีก็คือ กำหนดตรงๆสภาวะ  (ว่าในใจ)  วงจรความคิดก็ขาด  เมื่อวงจรขาด  สภาวะนั่นนี่ก็ถูกตัดตอน   กำหนดทุกๆขณะที่เป็นที่คิดนะ    ตัวอย่างแรก  รู้สึกจะอ้วก  กำหนดเลย  จะอ้วกหนอๆๆๆๆ (ว่าในใจ)  กำหนดแล้วปล่อย  ไปจับลมหายใจ หรือ พอง ยุบว่าไปใหม่  ปฏิบัติทำนองนี้แหละ

    
235 สังเกตพอเขาหลับตาภาวนาสภาวะหมุนจะอ้วก พอลืมตาก็หายไป หลับตาทำอีกสภาวะเกิดอีก ลืมตาก็ระงับไป นี่คือความต่างระหว่างหลับตาภาวนา กับ ลืมตาภาวนา นามธรรมมันละเอียด เพราะฉะนั้น จะแก้ปัญหาทุกขสภาวะต้องแก้ให้ถึงราก เราต้องกล้าเล่นกับสภาวะทุกอย่าง ดูตัวอย่าง หลับตาภาวนาสภาวะเกิดทนไม่ไหว  ให้ลืมตาสังเกตได้  ลืมตามันสงบ ลองหลับตาภาวนาใหม่  เหวี่ยงหมุนจะอ้วกอีก  แรงไม่ไหว  ให้ลืมตา พอลืมตาหาย.   เรารู้ล่ะ  มันเป็นยังงี้นี่เอง จับทางได้แล้ว   ทีนี้ให้หลับตาภาวนาเลย   อ้วกเป็นอ้วกตายเป็นตายทีเดียว   แต่ต้องกำหนดนะ  ปฏิบัติทำนองนี้ในทุกๆสภาวะ ๆ  จะแก้ทุกข์ได้ถึงรากเลย  อะไรเกิดรู้เห็นหมด  ทีนี้พอนึกรู้เท่านั้นแหละไม่ทันกำหนดด้วยซ้ำมันวูบดับเบย 

 
 
235 อ่าน/ฟัง คิด พอนึกเห็นนึกอ้อได้ประมาณหนึ่ง  



ตัวอย่างที่ว่า   450

235 เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา  เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนา   ทำให้เราเข้าใจว่า  ทุกอย่างมีเกิด-ดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด  แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร 

121
 



Create Date : 09 เมษายน 2564
Last Update : 2 เมษายน 2567 13:24:53 น. 0 comments
Counter : 2372 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space