ตัวอย่าง
> ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป
วันแรกๆ ก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก
จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเอง จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฏฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น
คำถามครับ
1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง
2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ
ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนา ทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิด-ดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน
เขาใช้พุทโธนะ แล้วยังพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม อีก แล้วเป็นไง ติด ไม่รอด ไปต่อไม่ได้
ขาดวิธีแก้อารมณ์ วิธีก็คือ กำหนดตรงๆสภาวะ (ว่าในใจ) วงจรความคิดก็ขาด เมื่อวงจรขาด สภาวะนั่นนี่ก็ถูกตัดตอน กำหนดทุกๆขณะที่เป็นที่คิดนะ ตัวอย่างแรก รู้สึกจะอ้วก กำหนดเลย จะอ้วกหนอๆๆๆๆ (ว่าในใจ) กำหนดแล้วปล่อย ไปจับลมหายใจ หรือ พอง ยุบว่าไปใหม่ ปฏิบัติทำนองนี้แหละ
สังเกตพอเขาหลับตาภาวนาสภาวะหมุนจะอ้วก พอลืมตาก็หายไป หลับตาทำอีกสภาวะเกิดอีก ลืมตาก็ระงับไป นี่คือความต่างระหว่างหลับตาภาวนา กับ ลืมตาภาวนา นามธรรมมันละเอียด เพราะฉะนั้น จะแก้ปัญหาทุกขสภาวะต้องแก้ให้ถึงราก เราต้องกล้าเล่นกับสภาวะทุกอย่าง ดูตัวอย่าง หลับตาภาวนาสภาวะเกิดทนไม่ไหว ให้ลืมตาสังเกตได้ ลืมตามันสงบ ลองหลับตาภาวนาใหม่ เหวี่ยงหมุนจะอ้วกอีก แรงไม่ไหว ให้ลืมตา พอลืมตาหาย. เรารู้ล่ะ มันเป็นยังงี้นี่เอง จับทางได้แล้ว ทีนี้ให้หลับตาภาวนาเลย อ้วกเป็นอ้วกตายเป็นตายทีเดียว แต่ต้องกำหนดนะ ปฏิบัติทำนองนี้ในทุกๆสภาวะ ๆ จะแก้ทุกข์ได้ถึงรากเลย อะไรเกิดรู้เห็นหมด ทีนี้พอนึกรู้เท่านั้นแหละไม่ทันกำหนดด้วยซ้ำมันวูบดับเบย
อ่าน/ฟัง คิด พอนึกเห็นนึกอ้อได้ประมาณหนึ่ง ตัวอย่างที่ว่า เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนา ทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมีเกิด-ดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร
Create Date : 09 เมษายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 2 เมษายน 2567 13:24:53 น. |
Counter : 2375 Pageviews. |
|
|
|