กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
space
space
26 สิงหาคม 2567
space
space
space

นั่งสมาธิวันละ 40 นาที 4 เดือนแล้วไม่เกิดอะไรเลย


235 สงสัย ทำไม ทำไมถึงต้องเป็นเรา ?     450

- นั่งสมาธิวันละ 40 นาที มา 4 เดือน ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

- > คือคำว่าไม่เกิดอะไรขึ้นเลยไม่ได้หมายถึงว่าต้องเห็นนู้นเห็นนี่นะครับ อันนั้นไม่ต้องการ แค่ต้องการรู้สึกสงบ มั่นคง มีความสุข สุขุม มีเมตตาแค่นั้น  ประเภท เห็นพระ เห็นผี ถอดจิต ไปนู้นนี่ไม่ต้องการ

การนั่งผมจะสวด นะโม 3 จบ และนั่งสมาธิดูลมหายใจ เข้าพุทธ ออกโธ ทำแบบมีวันละ 40 นาที เป็นเวลา 4 เดือน นั่งทุกวัน  ไม่ได้จับเวลานะครับ  พอ 40 นาที จะปวดขาเป็นเองอัตโนมัติจะเลิกนั่งตอนนั้น

ไม่รู้สึกว่าเกิดอะไรเลย เหมือนไปนั่งหลับตาเฉยๆ  แสดงว่าผิดวิธีใช่ไหมครับ

นั่งสมาธิวันละ 40 นาที มา 4 เดือน ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย - Pantip




235  การปฏิบัติทางจิต  (ใช้คำพูดนี่บ้าง)  เบื้องต้นที่สุด พอภาวนาไปๆ บริกรรมไปๆ (ใช้คำไหนตามสะดวก)  พุทโธๆๆ  อย่างว่า  พองหนอ ยุบหนอๆ หรือจะไม่ใช้คำใดๆเลย ก็ได้อีก  (ตัวอย่างมี)  พอจิตเริ่มนิ่งๆสงบๆหน่อยคืออยู่กับกรรมฐาน  (ลมหายใจเข้า-ออก, ท้องพอง ท้องยุบ)  เอาแล้วๆ   เริ่มเห็นนั่นเห็นนี่  เห็นสภาวะนั่นนี่  เช่น  ลมหายใจหายไปบ้าง ตัวพองตัวลีบ ตัวโยกตัวสั่น เป็นต้น บ้าง  

นั่นคือคำตอบ   จขกท.  จิตยังฟุ้งเยอะ  มันยังไม่สงบนั่นเอง

ที่ว่า นั่งสมาธิวันละ ๔๐ นาที ๔ เดือนแล้ว  มันไม่ได้มากมายอะไรเลย  ติ๊ดเดียวเอง  ที่เหลือคนเรามักปล่อยจิตปล่อยใจไปตามเรื่องตามอารมณ์  เหมือนเอาเกลือเม็ดหนึ่งใส่ในแท้งค์น้ำ  แล้วเราตักน้ำมาดื่มทำไมมันไม่เค็มล่ะ      121

การฝึกจิตเขาต้องปรับเวลาขึ้นทีละน้อยๆ เช่น สมมติตอนแรกเริ่มที่ ๓๐ นาที ทำไปสัก ๒-๓ เดือน (อย่างน้อยวันละ ๕-๖ ชม.  ยามใช้ชีวิตประจำวันก็ใช้สิ่งที่ทำ ณ ขณะนั้นๆ เป็นอารมณ์ของจิต คือเป็นกรรมฐาน)  ก็ปรับขึ้นอีก ๑๐ นาที  เป็น ๔๐ นาที  ดังนี้เป็นต้น

135

235 สังเกตวิธีทำสมาธิตัวอย่างนี้  450


> นี่เป็นครั้งแรกของผมในเวปบอร์ดนี้ ถ้าอย่างไรขอความกรุณาด้วยนะครับ :)

 ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปฏิบัติธรรมจริงๆจังๆเลย จนกระทั่งไม่นานมานี้ วาสนาพาให้ได้พบกับพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งที่ญี่ปุ่นนี่ ทราบว่าท่านน่าจะมาโปรดสัตว์

ผมได้ถามท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ ท่านก็ไม่ตอบอะไร ยื่นหนังสือของท่านให้สามเล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางในอานาปานสติสูตร แล้วผมก็กราบลาท่านมา


หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ
หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ   (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้  ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔ (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถ ๔o วิธีแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)   แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือ ไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า   "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน  ทำไปทำไมนะ  มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย  ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก  อยู่กับตัวเองแท้ๆ  คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้ มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ คือปิติเกิดค้างอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้ว คิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ ตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


แต่หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือ ทำได้มากสุด ก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น  (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที) แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้

 


Create Date : 26 สิงหาคม 2567
Last Update : 11 มีนาคม 2568 18:54:40 น. 0 comments
Counter : 235 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space