กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
พฤษภาคม 2566
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
10 พฤษภาคม 2566
space
space
space

จิตก็ต้องมีอาหารกิน


ปัญหามีว่า   450

   ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติธรรม  ในสายโคเอ็นก้าที่ พิษณุโลก หลักสูตร 10 วันเต็ม การพิจารณาวิปัสสนา ตามหลักสูตร เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และรู้สึกเหมือนกับว่าการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ครุอาจารย์แนะนำในหลักสูตร เมื่อปี 53 ที่ผ่านมา ผ่านมาหลายปีแล้ว กลับมาแรกๆก้อปฏิบัติวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงตลอด ช่วงหลังห่างไม่ได้ปฏิบัติอีก  มีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตเป็นไปตามเหตุและปัจจัย
แต่ดิฉันยังรู้สึกว่าเสียงที่รู้สึกได้ในจิตยังส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกับคนสวดมนต์หรือดนตรีอะไรแว่วๆอยู่ในจิตตลอดเวลา  เหมือนสัญญาณเตือนว่าให้กลับไปเส้นทางนี้  ไม่ทราบว่าเป็นการอุปาทานเองไปมั๊ย  เคยปรึกษาพี่ที่เป็นเสมือนญาติธรรมกัน  ท่านว่าเป็นสัญญาณความทรงจำเก่าจากอดีตชาติอย่าไปยึดติด   แต่ทุกครั้งที่จิตว่างๆจากการงานธุระหรือไม่มีเรื่องให้คิด  เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา  ขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ทั้งหลายในลานธรรมช่วยชี้แนะด้วยค่ะ.


235 สำนักไหนหรือใครก็ตามที่คิดจะตั้งตนเป็นผู้สอน หรือคิดจะเป็นอะไรก็ตาม    ๑. รู้วิธีสัมมาปฏิบัติ   ๒. รู้วิธีแก้อารมณ์

รู้แต่วิธีทำวิธีปฏิบัติ เช่น  พุทโธๆๆอย่างนี้น่ะ  พองหนอ ยุบหนอๆๆๆ อย่างนี้น่ะ หรือแม้สถานที่ที่ให้ดูเวทนาแล้วให้อุเบกขาเฉยๆ ก็ตาม  ไม่พอ  รู้เท่านี้ยังไม่พอ ที่จะพาผู้ปฏิบัติไปตลอดรอดฝั่ง (ร้อยทั้งร้อยเดี้ยงกลางทาง)  ต้องรู้วิธีแก้อารมณ์ที่เกิดขณะที่เขาปฏิบัติด้วย (ข้อนี้ผู้สอนเองต้องมีประสบการณ์ตรงและผ่านมาได้แล้ว)   

ที่ว่า

"แต่ทุกครั้งที่จิตว่างๆจากการงานธุระหรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา"

ตัวอย่างนี้ 451 บอกเราว่า   จิตต้องมีอารมณ์ให้มันคิด (พูดแบบบ้านๆว่า ต้องมีอาหารให้มันกิน พอเข้าใจนะ)   ไม่คิดเรื่องนี้  มันก็คิดเรื่องนั้น ไม่คิดเรื่องนั้น  มันก็คิดเรื่องโน้น   9  ตัวเองทำธุระการงานอยู่ มันก็คิดเรื่องงานเฉพาะหน้านั้น  พอเลิกจากงานประจำนั้น (ไม่มีอะไรจะคิด) เสียงนั่นนี่โน่น ก็โผล่มาเป็นอารมณ์เป็นอาหารมันอย่างว่า 

วิธีแก้อารมณ์ .... ว่างจากงานประจำ  เสียงผุดมา  กำหนดเลย  เสียงหนอๆๆๆๆ  (จับความรู้สึกคือเสียงนั้นเป็นอารมณ์กรรมฐานสะ เอามาเป็นประโยชน์สะ)  พอกำหนดเสียงหนอๆๆๆ สัก ๓-๔ ครั้ง  ปล่อย (ไม่จมแช่อยู่กับมัน)  ขณะนั้น   เราทำอะไรอยู่ล่ะ    สมมติ   กำลังรีดผ้า  ถูพื้น ฯลฯ ก็ดึงจิต คือ ความรู้สึกมาอยู่กับสิ่งที่ทำนั่นสะ ให้จิตรู้อยู่กับสิ่งที่ทำเดี๋ยวนั้นขณะนั้น    ก็แค่นี้

ต่อให้อีก  สมมุติ  เข้านอนแต่ยังไม่หลับ  จิตไม่มีอารมณ์ (อาหาร) ให้มันกิน  เสี่ยงผุดมาอีก กำหนด เสียงหนอๆๆๆ  กำหนดแล้วปล่อย (ไม่จมแช่อยู่กับมัน)  แล้วดึงจิตตามลมเข้า-ออกก็ได้  พอง-ยุบก็ได้ (แล้วแต่) นึกตามคลอๆเบาๆ  หรือจิตคลอๆท่านอนร่างกายรวมๆ  ไม่ต้องกำหนดอะไร  ปลงใจจะนอนหลับล่ะ จนมันหลับไป  https://www.facebook.com/watch?v=1314282716105251



นี่มิจฉาปฏิปทา 450

https://pantip.com/topic/41864658

 


Create Date : 10 พฤษภาคม 2566
Last Update : 11 พฤษภาคม 2566 6:54:22 น. 0 comments
Counter : 142 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

BlogGang Popular Award#19


 
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space