ตัวอย่างที่ตรัสถึงขันธ์ ๕ ตามหลักไตรลักษณ์
"ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง (อนิจจัง) เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง...
"ภิกษุทั้งหลาย รูป ปัจจัยบีบคั้นคงสภาพอยู่มิได้ (ทุกข์) เวทนา... สัญญา...สังขารทั้งหลาย...วิญญาณ ปัจจัยบีบคั้นคงสภาพอยู่มิได้"...
"ภิกษุทั้งหลาย รูป ไม่เป็นตัวตน (อนัตตา) เวทนา... สัญญา...สังขารทั้งหลาย...วิญญาณ ไม่เป็นตัวตน อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหายติดแม้ในรูป....แม้ในเวทนา....แม้ในสัญญา....แม้ในสังขารทั้งหลาย....แม้ในวิญญาณ เมื่อหายติด (นิพพิทา) ย่อมคลายออก (วิราคะ) เพราะคลายออก ย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้น ย่อมมีญาณว่า หลุดพ้นแล้ว ย่อมรู้ชัดว่า สิ้นกำเนิด จบมรรคาชีวิตประเสริฐ (พรหมจรรย์) เสร็จกรณีย์ ไม่มีกิจอื่นอีกเพื่อภาวะเช่นนี้" (สํ.ข.17/39-41/27)
พอรู้เข้าใจเบญจขันธ์หรือบรรดาสังขาร ตามหลักไตรลักษณ์อย่างนี้ เห็นความจริงชัดแล้ว ก็ไม่เกิดเป็นอุปาทานขันธ์ขึ้นมา หรือเลิกเป็นอุปาทานขันธ์ แต่ตรงข้าม กลายเป็นหลุดพ้นอิสระ หมดปัญหา สว่างสดใส เบิกบาน ไม่เกิดมีทุกข์อีกต่อไป.
พุทธพจน์นั้นดุจดังแผนที่สำหรับโยคีผู้ปฏิบัติธรรม, ปฏิบัติกรรมฐาน, ภาวนา หรือในชื่ออื่นจากนี้ จะไปปฏิบัติกันยังไง จะทำกันอย่างไรที่เห็นๆพูดๆ (จบกิจบ้าง ข่อยบ่กลับมาเกิดอีกแล้วเด้อบ้าง) กัน จำต้องเดินทางทางจิตไปให้ถึงจุดยอดนี้
Create Date : 18 เมษายน 2566 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2566 13:52:50 น. |
|
0 comments
|
Counter : 306 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|