เมื่อประสบกับสภาวะใดๆก็ตาม ผู้ปฏิบัติต้องกำหนดรู้ตามที่มันเป็นของมัน ไม่ฝืนไม่ต้านมัน ไม่ตายหรอกยังหายใจอยู่นั่นแหละ แต่ว่าลมหายใจละเอียดยิบจนเราเองรู้ไม่ถึงมัน
ตัวอย่าง
ผมฝึกนั่งสมาธิมาได้เกือบ 2 เดือนแล้วครับ แรกๆก็จับลมหายใจ คู่ กับ พุทโธ แต่ตอนนี้จับลมหายใจอย่างเดียวแล้ว พอถึงจุดหนึ่ง ลมหายใจค่อยๆหายจนเหมือนไม่หายใจ ความรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนขาดอากาศหายใจ ผมก็ต้องพยายามหายใจตลอดเลยครับ เป็นแบบนี้ตลอด ไปต่อไม่ได้ ควรทำไงครับ หรือผมคิดไปเอง ขอความรู้หน่อยครับจะเอาไปปรับแก้
อีกตัวอย่างหนึ่ง
ลมหายใจหาย อึดอัดทนไม่ไหว ไปต่อไม่ได้ ไม่รู้วิธี กรุณาช่วยให้คำแนะนำด้วยเถอะครับ
ประเด็นที่พบ
การนั่งครั้งหลังๆมานี้ เกิดสภาวะคล้ายๆเดิม ตลอดเกือบทุกครั้ง คือ มือหายไปจากความรู้สึก ไม่รู้สึกว่ามีมืออยู่ (รู้ว่ามี แต่รู้สึกว่าไม่มี ผมอธิบายไม่ถูก เชื่อว่าท่านผู้รู้คงเข้าใจผม) ก้นและต้นขาที่นั่งทับพื้นยังรู้สึกว่ามีอยู่ หลังที่นั่งพิงเก้าอี้ก็รู้สึกว่ายังมีอยู่ คือสรุปว่ามือหายทั้งสองข้าง อย่างอื่นที่เหลือยังรู้สึกถึงได้ อยู่ครบยังไม่หาย มีอาการตัวพองๆยุบๆบ้างแต่ก็ไม่บ่อย มีอาการหายเกือบทั้งตัวบ้างแต่น้อยมาก แต่ที่แน่ๆคือ มือทั้งสองข้างหายทุกครั้ง, ทุกครั้งจริงๆครับ นั่งแป๊บเดียวก็หายแล้ว และหายไปจากความรู้สึกตลอดเวลาที่ยังนั่งอยู่
ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนลมหายไป เหมือนไม่ได้หายใจ ในครั้งแรกๆที่เจอสภาวะนี้ ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ตะลีตะลานรีบควานหาลม แล้วก็กลับมาหายใจแบบปกติ, แต่ในครั้งหลังๆ ผมจะพยายามทนอยู่กับสภาวะนี้ ซึ่งผมจะอึดอัดมาก และในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว จนต้องบังคับให้ตัวเองหายใจด้วยการสูดยาว จึงจะกลับมารู้สึกว่าผมหายใจแล้ว ผมจึงเริ่มรู้ลมใหม่ .. แล้วลมก็แผ่ว .. แล้วลมก็หาย .. แล้วผมก็ทน .. แล้วผมก็ทนไม่ไหว .. แล้วผมก็สูดลม .. แล้วผมก็รู้ลม .. แล้วลมก็แผ่ว .. ฯลฯ วนรอบอยู่อย่างนี้ ซ้ำรอบอยู่อย่างนี้
เห็นการวนของสภาวะ + ความปรุงแต่งของคนไหม
ถามหาวิธี วิธีก็คือรู้ตามที่มันเป็น แค่นี้แหละวิธี ก็ธรรมชาติธรรมดามันเป็นยังงั้น เราจะไปฝืนมันได้ยังไง ฝนตก แดดออก ฟ้าผ่า เราห้ามมันได้ไหม หยุดตกเถอะฝนฉันเหงา ฟ้าอย่าผ่าเลยกูตกใจ แดดอย่าออกเลยหนูร้อน (เด๋วนู๋ม่ายฉะบาย) เราห้ามได้ไหม ก็ไม่ได้ ธรรมชาติมันเป็นยังงั้น มันก็เป็นยังงั้น วิธีของคนก็ต้องรู้ตามที่มันเป็น นี่ล่ะนี่แหละธรรมชาติของชีวิต แต่คนไปคิดว่ามันเป็นเรา ทำไมถึงต้องเป็นเรา (เลยปรุงใหญ่ เช่น พยายามหายใจ เป็นต้น) ทำไปทำมาคนเลยกลายเป็นทุกข์เพราะธรรมชาติที่ไม่เป็นไปตามความปรารถนาของเรา ขั้นนี้แหละท่านว่าเป็นทุกขอริยสัจจ์ที่เป็นผลิตผลจากตัณหา (วิภวตัณหา) พูดแค่นี้ คนมีพื้นฐาน ร้องอ๋อ พอเห็นนิโรธล่ะ
เมื่อเกิดสภาวะ เช่นมือ เป็นต้น หายจากความรู้สึกไป จิตเลยเคว้งไม่รู้จะยึดอะไร วิธีตอนนี้ให้จับอารมณ์อะไรก็ได้ที่ชัดในขณะนั้น เช่น ตรงก้นกบที่กระทบพื้น เป็นต้น จับตรงนั้นภาวนาไป รู้หนอๆๆๆ ไป (อยู่กับปัจจุบันธรรม) เดี๋ยวสภาวะมันก็คืน (เพราะมันเกิดมันดับตามสภาพของมัน) เมื่อสภาวะคืนแล้ว เราก็ภาวนากรรมฐานต่อไป ใช้ลมหายใจ ก็ว่าไป ใช้พอง-ยุบก็ว่าไป นี่คือวิธีเดินหน้า ไม่ติดคากับมัน.
- สภาวะ, สภาพ ความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเอง, ธรรมดา
- สภาวธรรม หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย
- สภาวทุกข์ ทุกข์ที่เป็นเองตามคติแห่งธรรมดา ได้แก่ ทุกข์ประจำสังขาร คือ ชาติ ชรา มรณะ
Create Date : 22 เมษายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2566 12:32:40 น. |
Counter : 600 Pageviews. |
|
|
|