รีวิวนิยายวาย ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขา : โร่วเปาปู้ชือโร่ว [SPOILER ALERT] เล่ม 1 เรื่องย่อหลังปก หลังจากฆ่าตัวตาย โม่หราน ราชันเหยียบเซียนแห่งโลกบำเพ็ญเพียร ที่ผู้คนกล่าวขานว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ก็กลับย้อนอดีตมาอยู่ในร่างตัวเอง ช่วงอายุสิบหกปี เป็นช่วงเวลาที่ความชั่วร้ายเลวทรามทั้งหมดในชีวิตเขายังไม่เกิดขึ้น และคนสมควรตายที่เขาแสนเกลียดชังผู้นั้นก็ยังอยู่ ฉู่หว่านหนิง ยังเป็นอาจารย์ของเขาเช่นเดิม เริ่มแรกที่ย้อนกลับมาเขายังโกรธแค้นอาจารย์อย่างมาก และพยายามหาทางเอาคืนทุกขณะ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่ายิ่งอยู่ไปยิ่งไม่เหมือนเมื่อก่อน กับฉู่หว่านหนิงผู้นี้ โม่หรานเกลียดชังเขานัก แต่นอกจากความเกลียดชังแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดมักระคนด้วยความรู้สึกซับซ้อนบางอย่าง คุยกันหลังอ่าน เอาล่ะ เรื่องที่ดังที่สุดในช่วงที่ผ่านมาก็คงไม่พ้นเรื่องนี้ล่ะมั้งคะ สารภาพเลยว่าเล่ม 1 เราเคยพยายามอ่านช่วงต้นๆไปเมื่อนานมากแล้ว สมัยเล่ม 1 ออกใหม่ๆเลย แล้วรู้สึกว่าโม่หรานแปลกมาก แบบ... เลย drop ไปก่อน คิดว่ามีเวลาแล้วจะมาตะลุยอ่านแบบจนจบไปเลย เดี๋ยว drop กลางคันอีก ช่วงนี้พอจะมีเวลา (เห็นได้จากการตะลุยกองดองยอดหญิง กระทั่งโอตสึ อิจิ ที่อยู่ใต้สุดของกองดองก็ยังขุดมาอ่าน) ก็เลยตัดสินใจว่าจะอ่านฮัสกี้ตั้งแต่ต้นจนจบแบบรวดเดียวแบบไม่แวะเรื่องอื่นเลยค่ะ ต้องบอกว่าเล่ม 1 นี้เราอ่านรอบนี้อ่านรวดเดียว จบตอนตีสี่ 555555 คือมีความติดพันอะ แล้วแบบชอบมากกกกกกก ชอบมากกว่าที่ตัวเองคิดมาก สงสัยคราวที่แล้ว drop เร็วไปหน่อยยังไม่ทันชอบ แต่คราวนี้ชอบละ ชอบวิธีการเล่าเรื่องของคนเขียน วิธีการสร้างคาแรกเตอร์ รู้สึกว่าเค้าเล่าเรื่องไม่เร็วนะ สเกลเรื่องของเล่ม 1 ก็ยังไม่ได้ใหญ่มาก โฟกัสกับความรู้สึกตัวละคร กับความสัมพันธ์ ซึ่งทำได้ดีมากกก มากจริงๆ มันแบบรู้สึกสงสารฉู่หว่านหนิงที่ต้องมาเจอโม่หราน ความรู้สึกซับซ้อนต่างๆของทั้งคู่ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก เราอ่านเล่ม 1 จบเรารู้เลยว่าเราจะชอบเรื่องนี้แน่นอน จริงๆเราค่อนข้างชอบพลอตแนวนี้อยู่แล้ว แต่ได้ยินมาว่าเนื้อเรื่องดราม่ามาก เลยอยากเอาไว้ช่วงหัวโล่งๆหน่อยค่อยมาอ่าน พอมาอ่านจริงๆก็รู้สึกว่าจะติดงอมแงมเหมือนกันนะคะ แล้วก็พออ่านจริงๆก็รู้สึกว่าแคสมาได้ดีมาก เราไม่ได้ชอบหลัวอวิ๋นซีเป็นพิเศษ แต่ก็คิดว่าเค้าเหมาะกับฉู่หว่านหนิงมากกก ส่วนเฉินเฟยอวี่ก็เหมาะเหมือนกัน E-book ที่ด้านล่างเลยค่ะ ;)
เล่ม 2 เรื่องย่อหลังปก โม่หรานพบว่าหลายเหตุการณ์ที่เคยประสบมาในชาติก่อน ไม่ใช่แค่ไม่เหมือนเดิม แต่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ก็ห่างไกล จากความชิงชังมากขึ้นทุกที ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง ยิ่งไม่รู้แล้วว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริง สิ่งไหนคือภาพลวง ซ้ำยังมีคนคิดปองร้ายอดีตจอมราชันอย่างเขาผู้ซึ่งไม่เคยพ่ายแพ้แก่ผู้ใด แต่ในชาตินี้กลับไม่มีกำลังมากพอจะต่อกรกับใคร การเดินทางตามหาเบาะแสบุคคลในเงามืดจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกต่างๆ ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปโดยที่เขาเองไม่ทันได้เอะใจ แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป... คุยกันหลังอ่าน เอาจริง คือมีความคิดว่าจะรีวิวทีละเล่ม เพราะว่ากลัวว่าถ้าอ่านจบไปแล้วแบบรวดเดียวแล้วจะลืมความรู้สึกตอนอ่านเล่มต้นๆไป แต่พออ่านเล่มสองจบก็รู้สึกว่าไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี 555555 ยังไงดี ก็คงเป็นโม่หร่านสมกับเป็นหมาโง่ ส่วนฉู่หว่านหนิงก็น่าสงสารมาก คนทั้งคู่รักกันมากนะ แบบฉู่หว่านหนิงรักโม่หรานมาก ส่วนโม่หร่านบอกไม่ถูกว่าเป็นความรักรึเปล่า คือรักแหละ แต่เป็นความรักแบบบิดๆเบี้ยวๆหน่อย รับความผิดหวังครั้งเดียวก็เข้าใจผิดไปตลอดกาล อ่านแล้วก็สงสารฉู่หว่านหนิงคือมีเรื่องให้เสียใจตลอดๆ ทั้งซีนที่เดินเข้าไปช่วยโม่หร่าน แต่สลับวิญญาณกับซือเม่ยทำให้โม่หร่านเข้าใจว่าซือเม่ยมา จริงๆเราคิดว่าตัวโม่หร่านเองก็รู้อยู่ลึกๆว่าตัวเองรักอาจารย์มาก แต่รับความจริงข้อนี้ไม่ได้แล้วก็ไม่อยากรับด้วย เพราะไม่งั้นจะเท่ากับว่าที่ตัวเองทำไปชาติที่แล้วคืออะไรล่ะ ช่วงเมืองหลินอานสนุกดี เศร้ามาก โศกนาฏกรรมสไตล์นิยายจีนที่แท้ทรู 555555 E-book ที่ด้านล่างเลยค่ะ ;)
เล่ม 3 เรื่องย่อหลังปก คนที่ปองร้ายโม่หรานยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ดาบมั่วเตาที่อาบเลือดเนื้อเพื่อเขาเมื่อชาติก่อน แม้ปรากฏขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเรียกกลับมาอยู่ข้างกายได้ เพราะใครบางคนสะกดไว้ แต่เขาไม่มีเวลาตามหาว่าใคร เพราะมีเรื่องใหญ่ที่ต่างไปจากชาติที่แล้วแบบหน้ามือเป็นหลังมือเกิดขึ้น อีกทั้งเรื่องนี้ยังทำให้เขาได้ค้นพบความจริง ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าโดนเทียนเวิ่นฟาดกลางแสกหน้าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า แล้วเขาจะรับมือกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร คุยกันหลังอ่าน เล่มนี้น้ำตาแตก เตรียมทิชชู่กันเอาไว้เลยดีกว่าค่ะ เล่มนี้เศร้ามาก เพราะว่าฉู่หว่านหนิงตาย แล้วมันยังเป็นซีนแบบ โม่หร่านกลัวว่าซือเม่ยจะตายในเหตุการณ์นี้เหมือนในอดีต เลยปกป้องซือเม่ยแทบตาย สุดท้ายอาจารย์เป็นฝ่ายตาย ซ้ำยังได้มารู้ความจริงว่าตอนนั้นที่อาจารย์ไม่ช่วยซือเม่ยเป็นเพราะช่วยไม่ได้จริงๆ ฉากเซวียเหมิงตะโกนในโม่หร่านคือแบบเหมือนเปิดฉากการขยี้มากๆ ตอนเล่าว่าอาจารย์แบกโม่หร่านขึ้นบันไดสามพันขั้นมาตลอดทางจนตาย หรือตอนที่โม่หร่านนึกถึงฉู่หว่านหนิงในชาติที่แล้ว นึกถึงสิ่งที่ฉู่หว่านหนิงเคยโดนกระทำ (ส่วนตัวนะ เอาจริง สิ่งที่ฉู่หว่านหนิงถูกกระทำมามันมากเกินไป บทแบบนี้เหมือนบทของสามีเก่าใจอำมหิตในนิยายย้อนอดีตชายหญิงที่เคยฮิตๆกันช่วงก่อน ไม่ต้องพูดถึงว่าโม่หร่านยังอำมหิตเป็นพิเศษ แต่ในกรณีแบบนั้นตัวละครที่ทำถึงขั้นโม่หร่านไม่มีทางกลับมาเป็นพระเอกได้อีก เราแอบรู้สึกว่ามันมากเกินจะให้อภัย แบบอยากให้โม่หร่านได้กลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ รับรู้สิ่งที่ตัวเองเคยเข้าใจผิดทุกอย่าง แต่สุดท้ายไม่สามารถเอาอาจารย์กลับคืนมาได้) ฉากที่เราให้รางวัลเรียกน้ำตาที่สุดในเล่มคือ ฉากที่โม่หร่านใช้โคมไฟส่องวิญญาณหาวิญญาณของฉู่หว่านหนิง แล้วเจออาจารย์อยู่ในห้องครัวกำลังทำเกี๊ยว ได้รู้ความจริงว่าตลอดมาเป็นอาจารย์ที่ทำเกี๊ยวมาตลอด ฉากที่ลงไปในยมโลกก็สนุกดี น่าติดตามมากๆ มีประโยคที่เราคิดว่าหลายคนคงติดใจเหมือนกัน คือ ฉากที่หรงจิ่ว พูดถึงการกลับมาเกิดใหม่ของโม่หร่าน เอาจริงๆ เราคิดว่าคนที่กลับมาเกิดใหม่คงไม่ได้มีแค่นี้หรอก น่าจะมีมากกว่านี้แน่นอน E-book ที่ด้านล่างค่ะ
เล่ม 4 เรื่องย่อหลังปก ศิษย์สำนักหรูเฟิง เยี่ยวั่งซี บุรุษผู้นี้เครื่องหน้าเข้มชัดลึกล้ำ คิ้วกระบี่คมเข้ม ดวงตาทั้งคู่ราวกับอาบประกายดาว ใสกระจ่าง เฉียบคม เกล้าผมสวมครอบเกี้ยวหยกดำ ใบหน้าสีน้ำผึ้งหล่อเหลา มีชีวิตชีวา แม้รูปร่างมิได้สูงใหญ่กำยำ ทว่าท่วงท่าผึ่งผายสง่างามยิ่งกว่าสนเขียว ขาเรียวยาวตรงทั้งสองข้างที่อยู่ในกางเกงเข้ารูปสีดำดูเพรียวกระชับ ทรงพลังอย่างยิ่ง เยี่ยวั่งซีผู้นี้คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่คน คือวิญญูชนที่หนักแน่น คือเทพสงครามไร้พ่ายสูงส่งบริสุทธิ์ดุจต้นไผ่ แม้ยามนี้จะยังไร้ชื่อเสียง แต่ชาติก่อนเขาคือยอดฝีมืออันดับสองของโลกบำเพ็ญเพียรรองจากฉู่หว่านหนิง คุยกันหลังอ่าน เล่มคืออะไร 555555 ลมสงบก่อนพายุมาหรือไงกัน เล่มนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างหวานเลยทีเดียว ไม่ค่อยมีช่วงบีบหัวใจ บีบน้ำตาอะไรเท่าไหร่ เป็นช่วงตกหลุมรัก (จริงๆก็ตกมานานแล้วอะนะ) แต่คิดว่าเป็นช่วงที่ทั้งสองคนก็รู้ใจของตัวเองดีมากแล้วทั้งคู่ว่ารักอีกฝ่ายมาก เสียแต่ว่ายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็รักตัวเองเหมือนกันเท่านั้น ส่วนตัวเราคิดว่าในช่วงเวลาแบบนี้แหละที่หวานแหววที่สุด ที่มันจะมีโมเมนต์แบบชวนใจเต้น แต่ของโม่หร่านและฉู่หว่านหนิงค่อนข้างไปทางเบื้องล่างนิดหน่อย โม่หร่านเหมือนคิดเรื่องเพศทุกสองบรรทัด ส่วนตัวนับถือคนเขียนมากๆที่เขียนอย่างเปิดเผยขนาดนี้ ไม่มีเขียมเลย แล้วทำได้ดีมากๆด้วยล่ะ ช่วงที่ทั้งสองคนไปทำนาคือแบบ โอ้ยยย อะไรกันเนี่ย หวานแหววมากเวอร์ แล้วมันยังมีโมเม้นแบบลื่นในห้องน้ำ นอนข้างกันแค่กำแพงคั่นได้ยินเสียงตอนกลางคืน บลาๆ คือแต่ละโมเม้นช่าง... หวานเอยเตยหอม ในเล่มนี้เราชอบซีนที่ฉู่หว่านหนิงอ่านจดหมายที่โม่หร่านเขียนมาตลอดห้าปี รู้สึกว่าวิธีการเล่าซีนนี้เหมือนภาพยนตร์มาก เหมือนสตอรี่บอร์ดอะ แทบจะมีซีนมีรูปภาพขึ้นมาเลย ช่วงท้ายเปิดซีนหนานกงซื่อกับเยี่ยวั่งซี แอบคิดว่าหรือคู่นี้จะ bad ending แต่ส่วนตัวคิดว่าหนานกงซื่อไม่ใช่คนเลวร้าย ถ้าสองคนนี้เปิดใจกันได้ก็ไม่น่าจะ BE แต่ไม่รู้แอบคิดว่าจะ BE เป็นฟีลลิ่งๆๆ E-book ที่ด้านล่างค่ะ
เล่ม 5 เรื่องย่อหลังปก หนานกงซื่อ บุตรชายคนเดียวของเจ้าสำนักหรูเฟิง หน้าตาหล่อเหลา แววตาโอหังฉายความเย่อหยิ่งอยู่หลายส่วน มีความไม่เป็นมิตรและขี้ฉุนเฉียว ทว่าเขาหน้าตาดีอย่างยิ่ง ความไม่เป็นมิตรนี้จึงมิได้ทำให้เขาน่ากลัว เพียงทำให้เขาดูพยศขึ้นเท่านั้น ทว่าถึงจะมีนิสัยพยศ แต่ยังคงเป็นวิญญูชนเที่ยงตรง หนานกงซื่อเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ เหมือนม้าป่าบนทุ่งหญ้า เหมือนหมาป่าเดียวดายที่ทำตามใจตนเอง พยศและกร้าวกระด้าง มีสัตว์ประจำกายคือหมาป่าปีศาจสีขาวปลอด สูงเท่าคนสามคน นัยน์ตาแดงก่ำดุจโลหิต ขนมันวาวดุจเส้นไหม เขี้ยวแหลมคมวาววับยาวเท่าแขนชายฉกรรจ์ชื่อ "เหน่าไป๋จิน" คุยกันหลังอ่าน 555555555555 ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี เล่มนี้อ่านด้วยฟีลจิกหมอนมาก แบบทุบเตียงดังอั่กๆ ความจริงต้องบอกตามตรงว่าเราอ่านหนังสือนิยายมาค่อนข้างพอสมควร หลังๆไม่ค่อยมีฟีลลิ่งแบบนี้แล้ว ไม่ค่อยอินอะไรแบบมากๆแบบนั้นอีก ซึ่งจริงๆก็เป็นความรู้สึกที่เราอยากกลับไปมากๆเลย แต่เรื่องนี้ทำได้ 5555555 เล่มนี้เปิดมาด้วยความวุ่นวายของสำนักหรูเฟิง ที่โม่หร่านมีส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้น และความลับของสำนักหรูเฟิงที่แม้แต่ชาติที่แล้วก็ไม่ถูกเปิดเผยออกมา ตัวหนานกงซวี่ เราแอบสงสัยมาตั้งแต่ต้นๆแล้วว่า ตัวตนของชายบ้าที่กินส้มนั้นต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น แล้วก็ค่อนข้างรู้สึกสงสารด้วย จากการตั้งชื่อเยี่ยวั่งซี การเลี้ยงดูเยี่ยวั่งซี และรักคนคนนี้แบบลูกบุญธรรมด้วยใจจริงๆ ชนิดที่ตายแทนได้ สามารถลงมือฆ่าใครก็ได้เพื่อลูกบุญธรรมก็ทำให้เราค่อนข้างนับถือพอสมควร และสตอรี่ไลน์ของหนานกงซื่อกับเยี่ยวังซีก็ค่อนข้างเซอร์ไพรซ์ แบบเอาจริงเดาไม่ถูกเลยว่า คุณชายเยี่ยจะเป็นผู้หญิง แบบ... ตอนแรกยังคิดว่าะจะเป็นเยี่ยวั่งซี x หนานกงซื่อด้วยซ้ำ นี่เดาโพสิชั่นผิดไม่พอ เดาผิดแบบพลิกหลายตลบเลยทีเดียว ในส่วนของ love line เล่มนี้จะไม่พูดได้ยังไง เล่มห้ามันช่าง...!!!!! อ่านไปแล้วอยากตะโกนแบบอ๊ากกกก 5555555555 จิกหมอนแบบ literally เลยล่ะ ตามที่เคยพูดเรารู้สึกว่าคนเขียนกล้ามาก แบบว่าการบรรยายหรือการดำเนินเรื่องของเค้ามันค่อนข้างแบบเน้นเรื่องนี้มาก แบบไม่เขียมอะ มันลามก หยาบโลนแบบไม่ปิดบัง แบบมัน dirty อะ ซึ่งเราชอบนะ ไม่ค่อยเจอเรื่องไหนที่เป็นแบบนี้ ตัวละครทั้งสองตัว ทั้งพระนายคือหมกมุ่นมาก พอไฟติดคือกระโจนเข้าหากันแบบไม่ยั้งจริงๆ นับถือๆ แล้วก็ช่วงที่ยังไม่ physically กันจริงๆ ก็รู้สึกว่าการจินตนาการใดๆ หรือการแบบลังเลไม่กล้าเข้าหาแต่คิดอยู่ตลอด จุดนี้เราว่าทำได้ดีมากกกกกกก ชอบมากกก E-book ที่ด้านล่างเลยค่ะ
เล่ม 6 เรื่องย่อหลังปก เหมยหานเสวี่ย ศิษย์พี่ใหญ่ของวังท่าเสวี่ยแห่งคุนหลุน หนุ่มหน้าขาวที่อาศัยรูปโฉมกินข้าว เขามีผมยาวสีทองอ่อน นัยน์ตาดุจหยกเขียว เครื่องหน้าลึกล้ำคมคาย สวมชุดไหมสีขาว หน้าผากประดับตุ้มรูปหยดวารี เหนือสาบเสื้อเห็นลำคอเรียวระหงราวกับบุปผาที่ปักอยู่ในแจกันกระเบื้องเคลือบ เนื่องจากคุนหลุนอากาศหนาวเย็น นอกจากชุดขาวแล้วยังคลุมทับด้วยเสื้อขนจิ้งจอก ยิ่งขับเน้นให้ดูหรูหราสง่างาม คิ้วตาของเขาเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของเกล็ดหิมะ ทั้งใสกระจ่างบริสุทธิ์ ทั้งหยิ่งทะนง ว่ากันว่าคนผู้นี้ผีเข้าผีออก ประเดี๋ยวก็จริงจังอย่างที่สุด ประเดี๋ยวก็เจ้าเล่ห์แสนกลจนชวนให้สับสน เซวียเหมิงรู้สึกว่าคนผู้นี้ท่าจะสติสตังไม่ดีจริงๆ พบเจอเขากี่ครั้ง หากมิใช่อ่อนนุ่มนิ่มเหมือนสตรี ก็เย็นชาเหมือนก้อนหิน ครั้งก่อนเจอเขาที่สำนักหรูเฟิง เขายังพูดจาแฝงนัยเหน็บแนมตนอยู่เลย วันนี้กลับพลิกหน้าเหมือน “เจ้าตบแก้มซ้ายข้า ข้าหันแก้มขวาให้ตบอีก” เซวียเหมิงชักจะเหลืออดแล้ว แต่เหมยหานเสวี่ยแค่ยิ้มเล็กน้อย นิ้วมือเรียวขาวนิ้วหนึ่งแตะริมฝีปาก ท่าทางเหมือนเดรัจฉานสวมเสื้อผ้า คนทรามในคราบผู้ดีเอ่ยยิ้มหัวเบาๆ “เจ้านี่ช่างร้อนแรงนัก” คุยกันหลังอ่าน เล่มหกนี้เป็นเล่มที่เราคิดว่าเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย อัดแน่นมาก เหมือนพาคนอ่านขึ้นรถไฟเหาะแห่งอารมณ์ คือเป็นเพราะว่าเล่มนี้ต่อจากท้ายเล่มห้า ซึ่งเป็นช่วงที่ฉู่หว่านหนิงกับโม่หร่านเริ่มมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว สองคนนี้เหมือนสุดมาก เหมือนใช้สัญชาตญาณนำชีวิต เหมือนฟืนแห้ง สะเก็ดไฟนิดหน่อย ก็ลุกฮืออ ฉากเอนซีเล่มนี้จัดเต็ม ถึงจะยังไม่ถึงขนาด penetrate แต่ว่าก็ถือว่า kinky แบบสุดๆ แล้วก็มีความลามกแบบบ้านๆ แบบเปิดเผย (ซึ่งเป็นจุดที่เราชอบนะ รู้สึกว่าเป็นวิธีการบรรยายที่หาได้ยากในนิยายแนวนี้) เล่มนี้ไปเขาหวงซาน แล้วก็ไปที่สุสานบรรพชนของสำนักหรูเฟิง ในเล่มนี้คือเห็นได้ชัดเจนเลยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเลียนแบบวิธีการของโม่หร่านเมื่อชาติที่แล้ว ถึงขั้นที่ต้องรู้รายละเอียดเลยทีเดียว (ความจริงเราถูกสปอยล์เรื่องตัวตนคนร้ายมานิดหน่อย ไม่นิดหน่อยหรอก ก็ major spoiler เลยแหละ แต่ยังไม่แน่ใจว่าทำได้ยังไง) ทุกครั้งที่ย้อนอดีตชาติที่แล้วต้องมีฉากที่โม่หร่านพูดจาแย่ๆ สุนัขไม่รับประทานกับฉู่หว่านหนิง โดยเฉพาะหลังจากที่ซือเม่ยตายแล้ว คือรู้สึกว่าแบบมันเป็นการทำร้ายกันแบบทำยังไงก็ได้ให้เจ็บที่สุด หรือแม้กระทั่ง sex ของโม่หร่านกับฉู่หว่านหนิงในชาติที่แล้วก็เป็นแบบกึ่งๆ revenge sex มั้ย คือเป็นการทำสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าต่ำกับฉู่หว่านหนิง ลากฉู่หว่านหนิงที่สูงส่งลงมาอยู่ใต้ตัวเองแบบนี้ ฉากที่เราชอบที่สุดในเล่มนี้ และต้องบอกว่าต้องติดหนึ่งในฉากที่ชอบที่สุดของเรื่องด้วยแน่ๆ คือฉากของหนานกงฉางอิง จริงๆแล้วฉากการขึ้นสุสานบรรพชนของสำนักหรูเฟิงทำได้ดีมากทุกซีน แต่ซีนนี้คือดีมาก สมบูรณ์แบบ ถ้าเป็นการ์ตูนโชเน็น ก็คือ ฉากนี้ได้หน้าคู่ แล้วเตรียมตัดให้อ่านต่อเล่มต่อไปเลยอะไรแบบนี้ ฉากหนานกงฉางอิงเป็นฉากที่พิสูจน์ให้โม่หร่านรู้ว่าวิญญูชนยังมีอยู่จริง สิ่งที่ตัวเองเคยคิดเมื่อชาติที่แล้วมันไม่จริง ตอนที่หนานกงฉางอิงพูดว่า "ซือเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องตำหนิตนเอง" คือเราน้ำตาร่วงเลย (นี่เขียนอยู่ก็แอบน้ำตาซึมอีกรอบ) คือตัวละครแบบหนานกงซื่อ เป็นคุณชายมาตลอดชีวิต ใช้ชีวิตอย่างเย่อหยิ่ง ผยองมาตลอด ซ้ำยังมีฝีมือจริงๆ แต่จริงๆเป็นคนที่มองโลกอย่างไร้เดียงสา แล้วก็บริสุทธิ์มากคนหนึ่ง วันนี้ต้องมาถูกคนทั้งโลกมองอย่างเหยียดหยาม สูญเสียสำนัก สูญเสียบิดา แล้วก็ยังมารู้อดีตเน่าเฟะของครอบครัว ความจริงเราน้ำตาซึมตั้งแต่ตอนที่หนานกงซือพูดแบบไม่มีเสียงกับเจียงซีแล้ว คือดูก็รู้ว่านั่นคือการลาตายแล้วฝากให้เจียงซีทำอะไรสักอย่าง ซึ่งก็คงเกี่ยวกับเยี่ยวั่งซี ตอนแรกคิดว่านี่คือ death flag แบบร้องนำไปก่อนแล้วจริง จนมาร้องไห้ตอนหนานกงฉางอิง ฉากที่หนานกงฉางอิงจำได้ พูดปลอบใจหนานกงซื่อ แล้วพูดถึงสำนักหรูเฟิงเราแบบร้องแบบร้องอะ "ชั่วชีวิตฉางอิง หนานกงเซียนจ่าง ทั้งยามอยู่และหลังตาย ล้วนเป็นวีรบุรุษ" ปล.เล่มนี้เหมยหานเสวี่ยขึ้นปก แต่บทน้อยนะ 55555 แอบคิดว่าควรจะเป็นปกหนานกงซื่อด้วยซ้ำ ปล.2 ชอบเจียงซีค่ะ /พับไมค์ E-book เชิญด้านล่างค่ะ ;)
เล่ม 7 เรื่องย่อหลังปก ซือเม่ย ซือหมิงจิ้ง ตลอดมาล้วนเป็นคนอ่อนโยน ความประพฤติสมบูรณ์แบบ และอยู่ในโอวาท เขาเหมือนปุยหิมะที่เพิ่งตกลงมา ขาวบริสุทธิ์ไร้มลทิน ด้วยเหตุนี้ เมื่อบนพื้นหิมะมีฝุ่นธุลีตกต้องเพียงเล็กน้อย ดอกเหมยแย้มบานครึ่งดอกแม้สักกิ่ง ก็ล้วนสะดุดตาจนน่าพะวง เขาเติบใหญ่ขึ้นมาเหมือนดอกถานฮวาที่ผลิบานในราตรีอันยาวนาน กลีบเลี้ยงเขียวชอุ่มไม่อาจปิดซ่อนสีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ภายใน กรุ่นกลิ่นหอมขจรขจาย แผ่ราศีบดบังทุกสรรพสิ่งรอบด้าน บุรุษผู้นี้รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวดุจหยกน้ำแข็ง นัยน์ตาดอกท้อท่วมท้นด้วยความรู้สึก แวววาวอ่อนละมุนดุจธารวสันต์ ดูแล้วช่างอ่อนโยนนัก เกรงว่าต่อให้บันดาลโทสะขึ้นมาก็คงนุ่มนวลไปหมด แนวโค้งของสันจมูกเนียนลื่นอ่อนโยน มากไปกว่านี้สักส่วนก็จะคมเข้มเกินไป น้อยไปกว่านี้สักส่วนก็จืดจางเกินไป ริมฝีปากแดงอิ่มเต็มดุจผลอิงเถาพราวน้ำค้าง คำพูดที่เอ่ยออกมาล้วนหวานละมุน ความผิดของเขาก็ดี ความลังเลของเขาก็ช่าง ความเห็นแก่ตัวเพียงเล็กน้อยบางครั้งบางคราวของเขา ล้วนชัดเจนจนเห็นได้ชัด ทั้งยากจะลืมเลือน เดิมเขาเองก็เป็นคนธรรมดา มิใช่รูปสลักหิน มิใช่ภาพวาดบนม้วนผ้าไหม เขาเองก็มีความเห็นแก่ตัว แต่ไม่เคยมีใครเข้าใจเขาอย่างถ่องแท้ คุยกันหลังอ่าน (อ่านถึงหน้าที่ 84 แล้วมาเขียนก่อน) ขอบันทึกไว้นิดนึง ยังอ่านไม่จบ แต่ประทับใจมาก กลัวว่าเดี๋ยวตอนอ่านจบเล่มความรู้สึกตรงนี้มันจะจางไปแล้ว เราชอบสวีซวงหลินกับหลัวเฟิงหวามาก คือมันเป็นเหมือนภาพสะท้อนของโม่หร่าน ฉู่หว่านหนิง อันที่จริงความคับแค้นของสวีซวงหลินยังรู้สึกว่าเป็นเหตุเป็นผลกว่าโม่หร่านอีก เราชอบเนื้อเรื่องช่วงนี้มาก สวีซวงหลินวางแผนพันหมื่น แต่เรื่องกลับหลุดออกจากมือไปทุกทีๆ มองหลัวเฟิงหวาต่ำเกินไป ไม่คิดว่าหลัวเฟิงหวาจะยอมเสียสละตัวเองเพื่อหนานกงหลิ่ว มองหนานกงหลิ่วสูงเกินไป ไม่คิดว่าหนานกงหลิ่วจะกล้าฆ่าหลัวเฟิงหวา สุดท้ายเลยสูญเสียหลัวเฟิงหวาที่รักมากๆไป (อันที่จริงในหนังสือไม่ได้บอกอะนะว่ารักแบบไหน เราคิดว่าตัวสวีซวงหลินเองก็คงไม่เคยสำรวจตัวเองอย่างจริงจังหรอกว่ารักแบบไหน แต่ก็รักมากนั่นแหละ) สวีซวงหลินใช้ทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อแก้แค้นและเอาอาจารย์กลับมา สู้บอกว่าเอาอาจารย์กลับมา บอกว่าเอาชีวิตที่เคยเป็นสุขสมัยวัยเยาว์กลับมาดีกว่า รู้สึกเซอร์ไพรซ์ที่มาจนถึงจุดนี้ สวีซวงหลินก็ยังรักหนานกงหลิ่วอะ พี่ชายที่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง พี่ชายที่ฆ่าอาจารย์ที่ตัวเองรัก พี่ชายที่ไม่เอาไหน หนานกงหลิ่วเป็นตัวละครที่แย่ที่สุดในเรื่องตัวหนึ่งเลย สมกับที่แม่ของหนานกงซื่อเคยพูดไว้จริงๆ ช่วงต้นเล่มเจ็ดเราอ่านช้ามากกก เพราะมันแบบเข้มข้นมาก บีบน้ำตาทุกบรรทัด คือตั้งแต่ฉากที่หนานกงซื่อเจอแม่อีกครั้งแล้วพุ่งเข้าไปท่องหนังสือเรียนที่ท่องไม่จบให้แม่ฟัง ฉากที่แม่บอกว่าต้องมีสกุลหนานกงคนหนึ่งตายในบ่อ เราก็คิดแล้วว่าหนานกงซื่อฆ่าพ่อตัวเองไม่ลงแน่ คนที่ตายต้องเป็นหนานกงซื่อแล้วก็ใช่จริงๆ ถัดมาขยี้แบบเละเทะด้วย flashback หนานกงซวี่ หลิวเฟิงหวา และ หนานกงหลิ่ว จริงๆอยากให้หลัวเฟิงหวามีความสุขอะ เป็นตัวละครที่มีจิตใจดีที่ไม่เคยทำผิดอะไรเลย แต่มาอยู่ในวังวนน้ำลึกของสำนึกหรูเฟิง มาอยู่ตรงกลางระหว่างพี่น้องคู่นี้ คนแบบหลัวเฟิงหวาสมควรได้รับความสุขในชีวิต เสียดายเยี่ยวั่งซีกับหนานกงซื่อน่าจะมีความสุขกันให้มากกว่านี้อีกหน่อย มีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ (อ่านจบเล่ม 7 แล้ว มารีวิวต่อตรงนี้) -> ต้องบอกว่าอ่านจบเล่มเจ็ดแล้วแบบ "..." ไม่รู้จะพูดว่าอะไร จริงๆเราเดาถูกหลายอย่างเลย แต่ที่เดาได้ค่อนข้างถูกเป็นเพราะเราได้สปอยล์เรื่องซือเม่ยกับ love interest ของซือเม่ยมาก่อนหน้านี้แล้ว เลยทำให้คิดได้ว่าชาติที่แล้วซือเม่ยตายปลอม แล้วก็ฉู่หว่านหนิ่งตอนก่อนตายต้องพยายามช่วยโม่หร่านแน่ แล้วก็ที่เราเคยพูดไปเมื่อบรรทัดก่อนๆว่าเรารู้สึกว่าความแค้นของโม่หร่านมันไม่สมเหตุสมผล แม้กระทั่งความแค้นของสวีซวงหลินยังสมเหตุสมผลกว่า ตอนนั้นเราก็คิดเอาไว้แล้วว่า ทั้งสองชาติสิ่งที่เหมือนกันคือการล่มสลายของสำนักหรูเฟิง แต่ก็ไม่คิดว่าจริงๆแล้วโม่หร่านจะเป็นคนสกุลหนานกง ต้องบอกว่าเล่ม 7 นี้ในช่วงครึ่งหลังขมวดปมจนแน่น จนเรามองไม่เห็นเท่าไหร่แล้วว่ามันจะจบดีได้ยังไง ไม่ว่าโม่หร่านในชาติไหนก็เคยทำผิดทั้งนั้น แต่คิดว่าคนอ่านอย่างเราๆคงจะต้องเชื่อใจฉู่หว่านหนิง ว่าอาจารย์จะต้องช่วยโม่หร่านได้แน่ และต่อให้คนทั้งโลกไม่อยู่ข้างโม่หร่านแต่อาจารย์ก็คงจะอยู่ (ละมั้ง) เราคิดว่าบางทีในอนาคตฉู่หว่านหนิงน่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าจะเลือกโลกใบนี้หรือจะเลือกโม่หร่าน ซึ่งขอเดาไว้ก่อนเลยว่าเลือกโลก ในใจฉู่หว่านหนิงไม่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว เสียสละโม่หร่านได้เพื่อประชาชีแน่นอน เล่มนี้หักมุมแล้วหักมุมอีก เสียดายนิดหน่อยที่ดันรู้ major spoiler มาก่อน แต่ก็ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องหักมุมอีกหลายอย่างที่เซอร์ไพรซ์ คนเขียนเก่งมากเลย แล้วก็คิดๆดูแล้วในช่วงเล่มแรกๆ ซือเม่ยเห็นโม่หร่านแล้วน่าจะอยากอ้วกแตกแต่ต้องทำเป็นเก้อเขินแม่นางน้อย ก่อนถึงเล่ม 8 รู้สึกอยากพักมากเลย 55555555555 เราอ่านมาเจ็ดเล่มติดต่อกันรู้สึกว่าสมองตันไปหมดแล้วค่ะ แต่สนพค่อนข้างเลือดเย็นในการตัดแบบ cliff hanger มาก ตัดแบบนี้มาสองเล่มละนะ 5555555 ปล.รีวิวเรื่องนี้ยาวมากแน่นอน อันที่จริงมันก็ไม่เชิงเป็นรีวิว เป็นการพูดพ่นฝอยของเราหลังอ่านมากกว่า เรื่องไหนพูดเยอะก็แปลว่าชอบมาก ไม่ก็ ไม่ชอบเลย 555555 เรื่องนี้เป็นประเภทแรกค่ะ E-book ที่ด้านล่าง
เล่ม 8 เรื่องย่อหลังปก ศิษย์คนที่หนึ่ง...เซวียเหมิง เซวียจื่อหมิง “อาจารย์ตั้งใจจะรับหนานกงซื่อเป็นศิษย์จริงๆหรือ” เรื่องนี้อัดอั้นตันใจเซวียเหมิงมาสักพักแล้วเช่นกัน “เช่นนั้น...เช่นนั้นเขาไม่กลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของข้าหรอกหรือ” “...เจ้าเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ?” “อืม” เซวียเหมิงเอามือถูชายเสื้ออย่างกระดากอาย “เมื่อก่อนข้าเป็นคนแรก เช่นนั้นหากนับเขา ข้าก็จะไม่ใช่...” ศิษย์คนที่สอง...ซือเม่ย ซือหมิงจิ้ง “อาจารย์” “ความจริงข้าคิดว่าเรื่องนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว... ข้ากำลังคิดว่า ในเมื่อโม่หรานสามารถเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง สามารถเปลี่ยนไปจากเดิมได้ ข้ากำลังคิดว่า หากทุกอย่างสามารถย้อนกลับไปได้ ข้าจะเลือกต่างจากเดิมเพราะความคิดที่เปลี่ยนไปหรือไม่” ศิษย์คนที่สาม...โม่หราน โม่เวยอวี่ “อาจารย์...เหตุใดไม่ตำหนิข้า...เหตุใดยังช่วยข้า...” “ข้าสกปรกเช่นนี้...จะทำให้ท่านแปดเปื้อนไปด้วย...” “แต่ข้าก็กลัวว่าท่านจะไม่ต้องการข้าแล้ว... หากแม้แต่ท่านก็ไม่ต้องการข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าควรไปที่ใดจริงๆ...” คุยกันหลังอ่าน หลังจากอ่านเล่ม 8 จบคือน้ำตานอง ไม่รุ้จะพูดถึงเรื่องอะไรก่อน พูดถึงเซวียเหมิงก่อนแล้วกัน ประทับใจครอบครัวเซวียนะ ถึงจะแอบเป็น plot line ที่เดาได้ แบบเจียงซีมีฉากกับเซวียเหมิงค่อนข้างบ่อย เราเองค่อนข้างชอบเจียงซีอยู่แล้ว เลยค่อนข้างสังเกตคาแรกเตอร์นี้ แล้วก็คนอ่านก็ต้องมองออกอยู่แล้วว่าเจียงซีกับฮูหยินของเซวียเจิ้งยงต้องมีอดีตร่วมกันแน่ ที่ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ...และคำนำของเล่ม 9 อะ บอกว่าเล่มนี้จะเผยชาติกำเนิดของเซวียเหมิง คือ แทบไม่ต้องพลิกหน้ากระดาษก็รู้แล้วว่าเป็นเจียงซีแน่ แอบสปอยนะเนี่ยคำนำอะ อย่างไรก็ตามประทับใจเซวียเจิ้งยงมากกกก หวังซูฉิงอยู่กินกับเซวียเจิ้งยงมาเป็นสิบๆปี เราคิดว่าต้องรักแหละ "เจ้าอยู่กับข้า ชาตินี้จะทำให้เจ้ามีหน้ามีตา ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะไม่มีวันได้รับความอัปยศอดสูแม้แต่น้อย" สงสารเซวียเหมิง อยู่แบบมีความสุข แบบไร้เดียงสา เย่อหยิ่งมาตลอดชีวิต ต้องมารู้ความลับของชาติกำเนิดตัวเอง พ่อแม่ตายต่อหน้า ศิษย์น้อง อาจารย์ คนที่เคยอยู่ด้วยกันไปคนละทิศละทางหมดแล้ว ส่วนเรื่องของพระนาย โม่หร่านและฉู่หว่านหนิง แบบโอ้ยยยยย น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ขอร้อง รันทดอะไรขนาดนี้ เล่มนี้จัดเต็มทั้งอดีตของโม่หร่านที่สุดรันทด แบบรันทดจริงๆ โม่หร่านจะเกลียดโลกใบนี้ก็เป็นที่เข้าใจได้ ที่วางเพลิงฆ่าคนก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ก็แอบมีฟีลหลุดๆตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหมือนกันนะ ฉากที่โม่หร่านตายในอ้อมกอดฉู่หว่านหนิงเศร้ามากกกกกกกกกกกก "ข้าเชื่อฟังเจ้า ข้าจะนอน แต่ว่าพรุ่งนี้ พอข้าเรียกเจ้า เจ้าต้องลืมตาตื่นขึ้นมานะ ห้ามนอนขึ้เซา" รวมถึงเบื้องหลังการถูกกู่บุปผาฝังอยู่ในตัวด้วย มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าว่าแต่ฉู่หว่านหนิ่งให้อภัยโม่หร่าน คนอ่านก็ให้อภัยโม่หร่านเหมือนกัน เหนื่อยมาก การอ่านเล่มแปดเป็นการอ่านที่เหนื่อยมาก คนเขียนไร้ความเมตตาสุดๆ ร้องไห้อย่างต่อเนื่อง ความจริงเราเหนื่อยตั้งแต่เล่มเจ็ดแล้วแต่ก็ยังไปต่อไม่ได้พักเลย ก็เล่มหน้าเป็นเล่มจบของตอนหลักแล้ว หวังว่า...หวังว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่จะสามารถไขว่คว้าความสุขให้ตัวเองได้ ปล.ตอนแรกกะว่าจะพูดรวมๆตอนอ่านจบ แต่ขอพูดตรงนี้นิดนึงแล้วกัน ว่านิยายเรื่องนี้ดีมากจริงๆ ดีมาก แบบดีมากๆ วางพลอตมาดี ผูกมาดี คลายได้อย่างดี ตรงไหนควรขยี้ก็ไร้เมตตา ตรงไหนชวนเขินก็เขินทุบโต๊ะ เป็นแบบ experience ที่ควรค่า เหมือนเป็นการเดินทางอันยาวไกลที่มีสีสันมากๆครั้งนึงเลย E-book ที่ด้านล่างค่ะ
เล่ม 9 เรื่องย่อหลังปก "ข้าอยากกางร่มให้อาจารย์ตลอดชีวิต" ฉู่หว่านหนิง "เจ้าพูดอีกรอบ" "อาจารย์ ข้าอยากกางร่มให้ท่านชั่วชีวิต" "ชั่วชีวิต?" "ชั่วชีวิต" "...ข้าอาจเดินเร็วมาก ไม่ได้สนใจเจ้า" "ไม่เป็นไร ข้าจะไล่ตาม" "ข้าอาจยืนเฉยๆ ไม่อยากเดินแล้ว" "ข้าจะยืนเป็นเพื่อนอาจารย์" "เช่นนั้นหากข้าเดินไม่ไหวแล้วเล่า" "ข้าจะอุ้มท่านเดิน" ฉู่หว่านหนิง "..." โม่หรานชะงัก รู้สึกเหมือนไม่มีความเคารพยำเกรง ทั้งยังไม่สุภาพ ดังนั้นจึงเบิกตากว้าง โบกมืออย่างลุกลี้ลุกลน "ข้าแบกท่านเดิน" "ใครให้เจ้าแบก" โม่หรานอ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไร เขาเอ่ยเสียงเบา "เช่นนั้นข้าก็ไม่เดินเหมือนกัน" "..." "หากท่านอยากตากฝน ข้าก็จะตากเป็นเพื่อนท่าน" คุยกันหลังอ่าน ก็เรื่องหลักจบที่เล่ม 9 นะคะ ที่หน้า 332 ก็เรียกว่าเกือบเต็มเล่ม 9 เลยทีเดียว ก็มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในเล่ม 9 ฉากช่วงไคลแมกซ์ก็อลังการดี ส่วนตัวเราถูกสปอยเรื่องแรงจูงใจของซือเม่ยมาก่อนแล้ว ก็เลยไม่ค่อยเซอร์ไพรซ์ในจุดนี้เท่าไหร่ แต่เซอร์ไพรซ์ในเรื่องของโม่หร่านที่ก็เป็นเบาะคนงามคนหนึ่งเหมือนกัน อ่านที่ซือเม่ยพูดแล้วก็สงสารซือเม่ยจริงๆ มันเป็นแบบโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรมีใครพบเจอ ซือเม่ยเองก็อยากจะพาคนอื่นๆออกไปจากที่นี่ ไม่อยากให้มีใครต้องเผชิญชะตากรรมแบบแม่ตัวเองอีก หรือตอนที่ซือเม่ยนึกถึงอาจารย์ เราคิดว่าตอนนั้นอาจจะเป็นตอนที่ซือเม่ยเริ่มชอบอาจารย์หรืออาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ซือเม่ยชอบอาจารย์เลยก็ได้ คือตอนที่ฉู่หว่านหนิงตอบว่าเบาะคนงามเป็นคน เรายังรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ตามออกมาด้วยเลย ซือเม่ยชอบอาจารย์ก็จริง แต่อาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตซือเม่ย ชอบก็ส่วนชอบ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เผ่าเบาะคนงามต่างหาก ต่างกันกับโม่หร่านที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาจารย์ แต่ช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องนี้ถึงเราจะบอกว่าอลังการ แต่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ รู้สึกว่ายังทำสู้ไคลแมกซ์ช่วงสำนักหรูเฟิงไม่ได้เลย อันนี้รู้สึกว่ามันค่อนข้างแบบกระจัดกระจายพอสมควร บวกกับเราไม่ค่อยชอบซีนพลังมิตรภาพเท่าไหร่ (ถึงจะเป็นพลังมิตรภาพที่หวดมาด้วยแส้ของท่าเซียนจวินก็ตาม) แล้วก็อย่างที่เราคาดเอาไว้ว่ามันต้องมีฉากที่ทำให้ฉู่หว่านหนิงต้องเลือกระหว่างโม่หร่านกับโลก ซึ่งฉู่หว่านหนิงไม่ทำให้เราผิดหวัง เลือกฆ่าโม่หร่านจริงๆ 55555 ช่วงท้ายก็ไม่เกินความคาดหมาย ตั้งแต่เก็บร่างของโม่หร่านเอาไว้แล้วว่าต้องมีวันที่โม่หร่านจะฟื้นขึ้นมาอีกแน่นอนค่ะ สุดท้ายสงสารเยี่ยวั่งซีมากกกกก รู้สึกว่าคู่นี้สมควรได้มีความสุขกันให้มากกว่านี้อีกหน่อย (พูดรอบสองแล้ว 5555) ตอนพิเศษของเล่มนี้มีสองตอน ตอนแรกเป็นตอนที่โม่หร่านกับฉู่หว่านหนิงอาศัยอยู่ในป่า แบบว่าปลีกวิเวกอะไรทำนองนั้น เป็นเรื่องราวหลังจากที่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลง เอนซีจัดเต็ม 5555555 ก็สนุกดี 55555555555 ตอนสองเป็น เอ่อ...โลกบำเพ็ญเซียน AU ปัจจุบัน ตอนนี้ยังบอกไม่ถูกว่าชอบมั้ย งงๆ แต่ก็ดีใจที่เห็นคนที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตใหม่นะ E-book ที่ด้านล่างเลยค่ะ
เล่ม 10 เรื่องย่อหลังปก “หว่านหนิง” “...” โม่หรานยิ้ม สิ่งที่เอ่อท้นในดวงตาดำแซมประกายม่วง คือความรักลึกซึ้งที่หมักบ่มมาสองชาติ ยามนี้เผยออกมาท่ามกลางธารดาราอันเจิดจรัส “สุขสันต์วันเกิด มีสุขตลอดไป” โม่หรานรู้ว่าเขาจะเอ่ยคำพูดนี้กับฉู่หว่านหนิงไปจนชั่วชีวิต กระทั่งเส้นผมดุจหิมะโปรย คิ้วดุจย้อมเกล็ดน้ำค้าง เขาก็จะปกป้องไฟกองนี้ของเขาไว้ให้ดี ครั้งนั้นเสียใจที่เข้าใจท่านเมื่อสาย ชีวิตที่เหลือขอปกป้องท่านให้สงบสุขตราบชั่วนิรันดร์ . “ขอบคุณเจ้า โม่หราน” ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ ไม่ว่าเป็นบุคลิกใด ดวงจิตดวงใด ล้วนขอบคุณเจ้า ขอบคุณที่เจ้ายังอยู่ ขอบคุณที่เจ้ามอบวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตให้ข้า แต่ก่อนข้ามีอาจารย์ แต่การฉลองวันเกิดตอนนั้นมิได้เกิดจากความจริงใจ แต่ก่อนเจ้ามีมารดา ทว่าชีวิตลำเค็ญยิ่งนัก แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ไม่มีกิน บัดนี้ทุกอย่างล้วนผ่านไปแล้ว ข้าเองก็จะจดจำวันที่เจ้าเกิดเอาไว้ วันนั้นข้ายังอยู่ในวัด ยังไม่รู้ว่าธุลีแดงเป็นเช่นไร ทั้งไม่รู้ว่าในโลกนี้จะมีคนที่ปกป้องข้าไปจนชั่วชีวิต แต่ทุกปีจากนี้ไป ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ นับจากนี้ ล้วนอยู่เป็นเพื่อนเจ้า คุยกันหลังอ่าน ก็เล่ม 10 เป็นตอนพิเศษล้วน แอบคิดว่าตอนพิเศษมีฟีลตัดมู้ดนิดนึง แล้วก็มีตอนหวานระหว่างพระนายน้อยกว่าที่คิด แอบเน้นเซวียเหมิง ก็น่ารักๆดีค่ะ เหมือนเป็นฟีล parody ของเรื่องหลักเลย แอบคิดว่าฝาแฝดเหมยที่อยู่กับเซวียเหมิงมาทั้งสองชาตินี่ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นหรือว่าให้ไปคิดเอง 55555 ดูแฝดพี่น่าจะชอบมากกว่าแฝดน้อง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ หรือแฝดน้องกับเจียงซี?? 555555555 E-book เล่ม 10 ที่ด้านล่างเลยค่ะ
รวมๆสำหรับเรื่องนี้เราค่อนข้างชอบมาก คิดว่าเป็น top 3 ของนิยายวายจีนของเราแน่นอนค่ะ แบบว่ามันคุ้มค่าในการอ่าน experience ในการเดินทางตั้งแต่เล่ม 1 ถึง เล่ม 10 คือดีมาก เอาจริงเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ก็คุ้มค่า เสียใจเสียดายสำหรับคนที่ตายไปแล้ว เสียดายอยากให้เยี่ยวั่งซีกับหนานกงซื่อได้อยู่ด้วยกันอีกสักนิด อยากให้สวีซวงหลินได้อาจารย์กลับมา อยากให้ฟูเหรินและประมุขเซวียยังอยู่ ไปจนถึงอยากให้ซือเม่ยกับพี่สาวได้เห็นเผ่าคนงามกลับบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ดีใจที่ยังอยู่แล้วก็อยากให้ตัวละครเหล่านั้นมีชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป ทั้งโม่หร่านทั้งฉู่หว่านหนิงสมควรได้รับความรักแล้วก็ความสุขมากๆจริงๆ ก็อ่านมาสิบเล่ม รู้สึกผูกพันกับตัวละครมาก ชอบเกือบทุกตัวละคร มีที่ไม่ชอบจริงๆอย่างหนานกงหลิ่ว หรือ ประมุขสำนักนึงที่นิสัยไม่ดีอะ จำชื่อไม่ได้แล้ว 55555 ตอนนี้รู้สึกใจหายที่มาถึงตอนจบ ช่วงเล่ม 7,8,9 คือพีคมาก เราเสียน้ำตาอย่างต่อเนื่อง ก็สุดท้ายอย่างจะบอกว่า เรื่องนี้ดีจริงๆค่ะ! |
marina_rain
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?] ติดต่อทางอีเมลได้ที่ wasineechann@gmail.com All Blog
Link |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |