- รีวิว เด็กใหม่ Girl From NoWhere ซีซั่น 2 -

เด็กใหม่ซีซั่นสองฉายค่ะ ส่วนตัวเราดูมาตั้งแต่ซีซั่นหนึ่ง ซีซั่นหนึ่งค่อนข้างชอบเลยทีเดียว มาซีซั่นสองก็เลยดูตั้งแต่วันแรก ต้องบอกว่าเนื้อหาค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับดูติดๆกันไม่ได้นะ อย่างตอนเราดู black mirror ดูติดกันแบบนี้คงรู้สึกไม่ไหว แต่แนนโน๊ะยังพอได้อยู่ค่ะ ก่อนจะเริ่มสารภาพว่าคาดหวังว่ากับซีซั่นสองค่อนข้างมาก ผู้กำกับเองก็เป็นค่อนข้างบิ้กเนมในวงการหนังไทยพอสมควร รีวิวนี้จะเขียนไปดูไป

ตอนที่ 1 Pregnant
ตอนนี้รู้สึกเป็นการเริ่มที่แผ่วอะ คือรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย มันไม่พีคเท่าที่คิด คาดหวังให้มัน weird กว่านี้ surreal กว่านี้ในแง่ของจังหวะ การกำกับภาพ หรือเสียง อันนี้รู้สึกว่ามันธรรมดาๆไปหมด ซีนที่ควรจะกดดันก็ไม่กดดัน ส่วนตัวเฉยๆกับตอนนี้ค่ะ ฟีลแอบคล้ายฟ้ามีตาเวอร์ชั่นแฟนตาซี มันเล่าค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่า ให้คนผู้กระทำรับรู้รสชาติของผลการกระทำของตัวเองบ้าง (ซึ่งก็คิดว่าตรงไปตรงมาเกินไปหน่อย) นักแสดงอย่างเจมี่เจมส์เองเราก็รู้สึกว่าไม่ได้โชว์ของอะไรมาก
บวกกับเรารู้สึกว่าคนทำ pro-life เหรอ มีความแบบเชิดชู motherhood เชิดชูคนที่ไม่ทำแท้ง และ เหมือน highlight การทำแท้งว่าเป็นการฆ่าอะ คือเข้าใจนะว่าคนทำหนังไม่ได้จะถกเถียงเรื่องการทำแท้ง แต่จะพูดเรื่องการทำชั่วได้ชั่วแบบตรงไปตรงมามากกว่า ซึ่งพอมันไม่ได้เป็นประเด็นหลักของเรื่อง ตัวหนังเองก็ไม่ได้ตั้งคำถามในเรื่องนี้ แต่เลือกที่บอกคนตามตรงเลยว่า การทำแท้งคือการฆ่านะ คนที่ไม่ทำแท้งคือคนที่ดีกว่าคนอื่นๆ 
ตอนจบขอเดา (บวกกับอินโทร) ว่าจะมีสิ่งที่คล้ายแนนโน๊ะอีกคนนึง จากฉากอินโทรจะมีฉากโบสีแดงลอยขึ้นมา แล้วแนนโน๊ะหันไปมอง คิดว่านั่นเป็นโบว์เดียวกับที่อยู่ในฉากสุดท้ายของอีพีแรก 

ตอนที่ 2 True Love
อีพีนี้ชอบภาพมาก กล้องดีมาก มีสีสันมาก ฉากที่แนนโน๊ะเล่าให้เพื่อนฟังที่นั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วกล้องหมุนรอบ เข้ากันมากๆ ถ่ายแบบลองเทคเยอะ ขยันมาก 55555 เหมือนได้กล้องมาใหม่เลยขอลองหน่อย บางฉากก็แอบรู้สึกว่าไม่จำเป็นกับการลองเทค แต่ส่วนตัวเราชอบดูลองเทคอยู่แล้ว เลยชอบค่ะ คิดว่าบลอกกิ้งก็ต้องแน่นมากด้วย
เลือกเสียงประกอบมาก็ดีมาก จังหวะที่เสียงขึ้นมา เราชอบมาก วิธีการเล่าก็มีความขี้เล่นกวนตีน มีความ surreal แบบไปสุด เป็นเอกลักษณ์มาก แอบคิดว่าครูปกครองมีแรงบันดาลใจมาจากนายกรัฐมนตรีปะ มีหลายคำพูดที่ทำให้นึกถึง เช่นฝ่าวิกฤต ขอเสนอตัวเป็นศูนย์รวมจิตใจ
แล้วเรื่องมันให้กลิ่น girl love ทันทีที่ฉากครูนฤมล กับครูลินดา ยืนประจันหน้ากันในห้องพักครูเลย (ฉากที่ครูนฤมลมาแจ้งเรื่องจะรวมโรงเรียน) คือฉากนั้นเป็นแค่ฉากยืนเฉยๆ แต่จากเคมีตัวละครมันฟุ้งมากจนเราเดาได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยอะ
ฉากย้อนอดีต ฤทัย ครูนฤมล เสือ ชอบการเหวี่ยงกล้องในฉากนี้มากกกกกกกกกกกก ดีมากกกกกก  
ฉากที่ดอกแดฟโฟดิลกับแจกันว่างเจอกัน คือรู้สึกว่ามันไม่พีคเท่าที่ควร แต่ฉากจูบคือเซอร์ไพรซ์อยู่หน่อยนึงนะ บวกกับเรารู้สึกว่าอีพีนี้สารที่จะสื่อแอบมีฟีลโดดจากอีพีที่เหลือนิดหน่อย
อีพีสองมีฉากน้องโบว์แดงจริงด้วย 

ตอนที่ 3 Minnie and the Four Bodies
ก่อนอื่นเลย ชอบความเฌอแตม ชญานุช 55555555
ตอนนี้เป็นตอนที่คิดว่าเบสมาจากข่าวใช่มั้ยนะ คิดว่าใครๆที่ดูก็ต้องคิดถึงข่าวนั้น 
ตอนนี้มีวิธีการถ่ายที่ต่างไปจากตอนสองโดยสิ้นเชิง มีความ thriller/horror ที่จริงๆก็เป็นแนวถนัดของหนังไทยเลย แล้วก็มีความ Gore
จัดแสงสวยมากกกกับเกรดสีสวยมากก choice การเลือกเพลง classic ที่มาประกอบก็ดีมาก โดยเฉพาะฉากที่มินนี่ท่องบทที่ทนายร่างไว้ให้ หรือฉากที่ครอบครัวมินนี่เดินออกจากบ้านตอนนัดอ่านคำพิพากษา เลือกเพลงดีมาก หรือจะเป็นการผิวปากลอนดอนบริดจ์อิสฟอลลิ่งดาวน์ก็เข้ามากจริงๆ
แพทริเซียเองก็เหมาะกับบทมาก คิดว่าแสดงดีกว่าเวลาแสดงละครเยอะมาก
แต่เรามีความรู้สึกว่าตอนนี้ค่อนข้าง typical แบบไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าจังหวะความสยองขวัญซึ่งก็เป็นแบบทั่วๆไปของหนังไทยแนวสยองขวัญด้วย ปมก็ค่อนข้างธรรมดา พลอตไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย
ตอนนี้เปิดตัวสาวโบว์แดงแล้ว ก็คือยูริ มีความรู้สึกว่ายูริหน้าตาไม่เหมือนที่คิดไว้ คืออย่างแนนโน๊ะ จะมีความไม่แบบดูไม่เหมือนมนุษย์อะ (โดยหน้าตานะ) แต่ยูริมีความเป็นมนุษย์มากกว่า


ตอนที่ 4 Yuri
ตอนนี้เป็นตอนที่เล่าที่มาของยูริ ฉากยูริเคี้ยวข้าวมันไก่คือดีมากกกกก แสดงดีมากกก 
ตอนนี้รู้สึกโคลสอัพหน้าแนนโน๊ะเยอะมาก จนแทบจะเห็นทุกรูขุมขนของหน้าคิตตี้แล้ว แล้วตอนนี้จัดแสงแบบดิบๆอะ แบบไม่ค่อยเมตตาต่อผิวหน้านักแสดงเท่าไหร่ ตอนนี้แอบนึกถึงตอนนึงในซีแรกเลยอะ 
อ้ออ...มิน่าล่ะ ตอนในทีเซอร์มันถึงทำเหมือนว่ายูริเกิดมาจากเลือดของแนนโน๊ะ แล้วมันเกิดมาจากเลือดของแนนโน๊ะจริงๆ แบบที่แนนโน๊ะไม่รู้ด้วย ไม่งั้นตอนเจอกันคงไม่พูดว่าเซอร์ไพรซ์อะ ส่วนที่รู้สึกว่ายูริมีความเป็นมนุษย์มากกว่า ก็เพราะยูริเป็นมนุษย์จริงๆ แต่โดยพลอตค่อนข้างเฉยๆนะ

ตอนที่ 5 SOTUS
คนที่แสดงเป็นรุ่นพี่คือเหมาะกับบทมากกก อยากรู้ว่าตอนนี้ต่างชาติดูแล้วจะคิดว่าเพลงข่มขืนนั่นมันเวอร์ไปปะ แต่จริงๆเนื้อหามันก็อารมณ์เหมือนกับมะหมี่ขูดมะหร้าวปะ การตัดเข้าฉากเต้นของสองคนนี้คือแบบ...ก็ดีมั้ง 55555
ตอนนี้บิ้วฉากของตอนตีด้วยไม้เบสบอลขึ้นมากเลย แต่มันแอบรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมัน surreal แต่มันแบบไม่ค่อยทำให้ buy อะ ไม่รู้ทำไม แต่ถ้าในแง่ที่เนื้อเรื่องทำให้รู้สึกอึดอัดนี่ก็ทำได้สำเร็จนะ แต่โดยพลอตนี่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ตั้งแต่ดูมา ไม่ชอบตอนนี้ที่สุดเลย คือรู้สึกว่าพลอตมันไม่ค่อยสมเหตุสมผล คือจะลงโทษเคที่เป็นรุ่นพี่แบบนี้เหรอ ซึ่งสิ่งที่เคเป็น มันก็เป็นผลพวงมาจากระบบแบบนี้ใช่มั้ยอะ แล้วสิ่งที่แนนโน๊ะให้ทำมันไม่ได้แก้ปัญหาอะไร เป็นการทำตัวเป็นรุ่นพี่ไม่ดีต่อไปอะนะ (คือโอเค มันไม่ได้จะแก้ปัญหาแต่แรกแล้วอะนะ มันแค่จะเอาคืนกลับไปในสิ่งที่เคยทำไว้กับคนอื่น) 


ตอนที่ 6  Liberation
ตอนที่หกเป็นตอนที่ชอบที่สุดตอนนึงของซีซั่นนี้ 
ตอนนี้ชอบตอนที่เดินเข้ารั้วโรงเรียนแล้วภาพเปลี่ยนสัดส่วนอะ เป็นภาพทีวีแบบเก่า แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นขาวดำอะ คือแม้กระทั่งมุมกล้องหรือวิธีการตัดภาพ แอคติ้ง หรือเสียง ก็ยังมีกลิ่นของหนังเก่าขาวดำด้วยอะ ดีมากเลย โดยเฉพาะเสียง ดีมากเลยค่ะ
เรื่องสีนี้ คิดว่าสีคือสัญลักษณ์ของการแหกกฎ อย่างผอเอง ก็เป็นคนที่แหกกฏกว่าใคร เลยมีเสื้อสีชอคกิ้งพิงค์
คือซีนที่แนนโน๊ะคุยกับมิเอะที่โรงอาหาร คนอื่นที่ไม่ใช่สองคนนี้ ไม่มีใครขยับเลย (หรือขยับน้อยมาก) ชื่อของครูก็ครูเอ ครูบี คือเน้นความไม่มีชีวิตชีวา ความแข็งทื่อในทุกๆมิติจริงๆ 
ซีน riot ตั้งแต่ฉากที่ยูริผลักแนนโน๊ะลงมาที่เสาธง แล้วต่อจากนั้น คือดีมากกก สวยมากกกกกก ปังงง
ตอนยูริเป็นคนคุม riot เราก็คิดแล้วว่าเดี๋ยวต้องมีประเด็นที่โจมตีฝ่าย riot แน่ๆเลย แล้วก็มีจริงๆ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นประเด็นที่ว่าฝ่ายนักเรียนถูกยูริปั่นหัวสร้างภาพบิดเบือนขึ้นมา (อารมณ์ประมาณม็อบถูกนักการเมืองเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายปั่นหัว) แต่ปรากฏว่าเป็นการเล่นประเด็นว่าคนที่ไม่เข้าร่วมจะถูกมองว่า ignorant ต่อให้ไม่เห็นด้วยก็ต้องเข้าร่วม (แต่สุดท้ายเมื่อเปิดประตูทุกคนก็ออกไปจากที่นี่ ต่อให้เป็นพวก ignorant ที่ไม่เห็นด้วยกับ riot ก็ตาม)
แต่สุดท้ายใครถือปืน คนนั้นก็ถืออำนาจ และตัวคนถือปืนเองก็คิดว่า การมีปืนเป็น ultimate power
ตอนที่ 6 เป็นตอนที่คิดว่าดีที่สุดใน season นี้เลย ดีมาก จำลองสังคมเผด็จการในประเทศลงมาในซีรีส์หนึ่งตอนได้อย่างดีมาก แล้วเป็นการเล่าแบบเหนือจริง ที่คนดู buy อะ
ชอบตอนจบมาก ที่นี่โรงเรียนก็เหมือนเป็นโลกเผด็จการใบเล็ก ข้างนอกนั่นก็เป็นโลกเผด็จการใบใหญ่ (แต่ในอีกแง่นึงมันก็เหมือนตั้งคำถามปะว่าถ้าอย่างนั้นเราออกไปทำไม เพื่อไปเจอกับกะลาใบที่ใหญ่กว่าเหรอ)

ตอนที่ 7 JennyX
เคมีเจนกับแนนโน๊ะดีมาก
ประเด็นของตอนนี้คือการกระทำของแนนโน๊ะ เท่ากับจะบอกเจนผิดรึเปล่า แล้วสิ่งที่พ่อกับแม่ทำถูกต้องแล้ว ควรจะอยู่กับพ่อแม่มากกว่าจะมีความรู้สึกของตัวเอง ความคิดของตัวเอง ทั้งๆที่การที่เจนไม่มีความสุขมันเป็นเรื่องจริงนะ (ถ้าประเด็นหลักของแนนโน๊ะคือ การทำชั่วได้ชั่ว แล้วแรกเริ่มเดิมที เจนผิดอะไร แนนโน๊ะถึงเข้าไปหาเจน อันนี้สงสัยว่า แนนโน๊ะเข้าไปหาเจนในตอนแรก คิดจะทำอะไร)
ก็ชอบการตั้งคำถามกับการกระทำของแนนโน๊ะนะ ว่าแนนโน๊ะอาศัยอะไรมาตัดสินคนอื่นว่าถูกหรือผิด แล้วการกระทำครั้งนี้มันเป็นการตอบโต้ยูริ มากกว่าจะลงโทษคนที่ทำผิด
(ชอบความเซอร์เรียลของการกดโกรธ กดหัวใจ กดไลค์นะ มีความประชดประชันดี)

ตอนที่ 8 The Judgement
ตอนนี้ก็เป็นการตั้งคำถามต่อเนื่องมาจากตอนเจ็ด (หรือจริงๆจะบอกว่าความไม่สมเหตุสมผลในทั้งซีซั่นเป็นเพราะจะมาตั้งคำถามในตอนนี้เหรอ?)
ตอนนี้เราค่อนข้างชอบพลอตนะ ชอบการตั้งคำถามนี้
ญารินดาเล่นดีมากอีพีนี้ ชอบทิศทางของพลอตมาก โดยเฉพาะตอนที่ญารินดาจับมือลูกตัวเองแทงแนนโน๊ะ ฉากนี้เลือกเพลงดีมากกกกกกกก เป็นฉากแรกที่แนนโน๊ะร้องไห้จริงๆด้วยมั้ยนะ อาจจะเป็นฉากแรกที่รู้สึกเจ็บด้วยละมั้ง 


โอเค ดูมาจนจบซีซั่น ขอพูดรวมๆว่า เราค่อนข้างชอบซีซั่นแรกมากกว่ามาก ซีซั่นสองก็มีส่วนที่ชอบ แต่ถ้าจะให้พูดก็คือไม่ได้ถูกใจเท่าที่ควร ประเด็นของแต่ละตอนเองเราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันโดดเด่นขนาดนั้น ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับอย่างให้คนดูรู้สึกสะใจรึเปล่า หรืออยากจะให้รู้สึกอึดอัดเฉยๆ คือสิ่งที่แนนโน๊ะทำมันก็ไม่ได้เป็นความถูกต้องอะไร มันเหมือนเป็นการกระทำกลับไปเฉยๆมากกว่า ไม่ได้จะชูประเด็นอะไรเป็นพิเศษอะ
ถ้าพลอตเราชอบตอนที่หกมากที่สุด ตอนที่สองก็ดี แต่รู้สึกว่าตัวประเด็นมันไม่แน่นขนาดนั้น ตอนที่แปดก็ใช้ได้ ส่วนที่เหลือเราอยู่ระหว่างไม่ชอบถึงกลางๆ 
แต่ในส่วนของโปรดักชั่นต้องชมว่าดีมาก ยิ่งเทียบกับมาตรฐานหนังไทยแล้วก็ดีจริงๆ มีหลายตอนที่กล้าเล่นมาก อย่างสีและสไตล์ตอนที่หก หรือกล้องตอนที่สอง รู้สึกว่าผู้กำกับคงสนุกมากในการทำเรื่องนี้ 
ส่วนที่ดีที่สุดและเราชอบที่สุด ต้องยกให้ Intro และงานอาร์ตอย่างโปสเตอร์ค่ะ

ปล. เราไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้มีจุดประสงค์เพื่อ empower ผู้หญิงนะ เราไม่รู้ว่าผกกมีจุดประสงค์ยังไง แต่เราคิดว่าแนนโน๊ะแค่บังเอิญมีรูปร่างหน้าตาเป็นผู้หญิงเฉยๆ มันไม่ได้จะนำเสนออะไรเพื่อผู้หญิงเป็นพิเศษ แล้วมันก็ยังดูออกว่าหนังมันทำโดยผู้ชายด้วย 5555555



Create Date : 07 พฤษภาคม 2564
Last Update : 8 พฤษภาคม 2564 19:07:50 น.
Counter : 1850 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

marina_rain
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



ติดต่อทางอีเมลได้ที่ wasineechann@gmail.com
พฤษภาคม 2564

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog