นิตยสารการ์ตูนญี่ปุ่น ของจีน 看动漫
ต่อจาก Blog ที่แล้วที่นำนิตยสารการ์ตูนญี่ปุ่น ของจีนมาให้ดู คราวนี้มาดูอีกเล่ม เหตุมันเกิดเมื่อนิตยสาร 东西动漫社 ฉบับที่ 36 เกิดการแบ่งตัวเป็น 2 เล่ม และฉบับที่ 37 จัดพิมพ์เหมือนฉบับขายควบ จึงเป็นที่มาของนิตยสารการ์ตูนยี่ห้อนี้
ทำไมต้องอ่านหลายๆ เล่ม การที่ผมเลือกซื้อหลายๆ เล่ม ส่วนหนึ่งเพื่ออ่านเนื้อหา และอีกส่วนหนึ่งเพื่อเปรียบเทียบว่า เล่มไหนดีกว่ากัน ซึ่งเล่มนี้เป็นนิตยสารการ์ตูนญี่ปุ่นประเภทเดียวกับฉบับที่แล้ว คือ กล่าวถึงการ์ตูนทุกชนิด ไม่ได้เจาะจงลงไปว่าเป็นการ์ตูนประเภทไหน
"หน้าปกนิตยสารการ์ตูน 看动漫"
ชื่อนิตยสาร : 看动漫 ชนิดของนิตยสาร : นิตยสารรายเดือน จำนวนหน้า : 80 หน้า ราคา : 15.- หยวน (ประมาณ 75.- บาท)
การจัดพิมพ์เป็นแบบ 4 สีทั้งเล่ม
เล่มที่เอามาให้ดูวันนี้เป็นเล่ม 5 (2008/10) โดยซื้อมาราคา 15.- หยวน ก็จะได้ของมาดังรูป คือ นิตยสาร 1 เล่ม, โปสเตอร์ขนาดยาวประมาณ A4 2 แผ่นมาต่อกัน 1 แผ่น, แบบสอบถามความคิดเห็น 1 แผ่น, DVD 2 แผ่นและ การ์ตูนแต่เขียนเป็นนิยาย (Light Novel)
ของแถมที่แถมมาแต่ละฉบับจะไม่เหมือนกัน
ปัจจุบันนิตยสารยี่ห้อนี้มีออกมา 2 รูปแบบ คือ แบบพิเศษ (หรูหรา) กับแบบพิเศษกว่า (หรูหรากว่า) ซึ่งเนื้อหาในเล่มก็ไม่ต่างกัน ต่างกันก็แค่ของแถม โดยแบบพิเศษกว่าจะมี DVD เพิ่มมาให้อีก 1 แผ่น บางครั้งจะมีของแถมพิเศษแถมมาให้ด้วย และราคาก็จะเพิ่มขึ้น กลายเป็น 19.8.- หยวน
DVD ที่แถมมาเนื้อหาข้างในค่อนข้างเยอะ เช่น สอนภาษาญี่ปุ่น การ์ตูนใหม่ที่ฉายที่ญี่ปุ่น การ์ตูนแนะนำ มิวสิควีดีโอ หนัง (การ์ตูน) ที่ฉายในโรงหนัง ส่วนอีกแผ่นเป็นการ์ตูน 1 เรื่อง
"เปิดมาหน้าแรกๆ ก็ไม่ต่างกับนิตยสารฉบับอื่น คือ ข่าวมาก่อน"
คอลัมน์นี้ที่เห็นได้ชัดคือ มี Event เกี่ยวกับการ์ตูนด้วย โดยในฉบับนี้ เค้าจัดงานกันที่เมือง เซี้ยงไฮ้ (ไม่มาจัดที่คุนหมิงบ้างน้า)
"ข่าวเกี่ยวกับการ์ตูน"
หลายๆ คนเห็นภาพอาจรู้สึกว่าไม่ใหม่เท่าไหร่ แต่อย่าลืมนี่มันฉบับ 2008/10 และฉบับนี้ว่าจำหน่ายเดือนกันยายน ดังนั้นข่าวที่เค้าเอามาลงต้องบอกเลยว่าใหม่ไล่ญี่ปุ่นเลย
"จากนั้นก็จะเป็นการ์ตูนใหม่ พอเดาออกมั้ยว่าใครวาดเรื่องนี้"
"คอลัมน์นี้แนะนำการ์ตูนที่กำลังเป็นที่สนใจ"
ในฉบับนี้เค้าแนะนำเรื่อง Soul Eater ซึ่งเขียนได้ละเอียดดีครับ ไม่อู้ใส่ภาพเยอะ อาจเป็นเพราะตัวอักษรจีนในเล่มนี้มันตัวเล็กด้วย ทำให้รู้สึกได้ว่า เนื้อหาค่อนข้างมาก
"บทความเกี่ยวกับการ์ตูน ฉบับนี้พูดเรื่อง เงือก"
ในส่วนนี้เป็นการวิเคราะห์ โดยฉบับนี้เรื่อง เงือก ว่าทำไมถึงนิยม เรื่องที่เอาเงือกมาใช้เป็นตัวละครมีเรื่องไหนบ้าง โดยทั่วไปบทความประเภทนี้ โดยทั่วไปผมจะอ่านหลังๆ เลย นอกจากว่ามันดูน่าสนใจผมถึงจะรีบอ่าน
"ในส่วนนี้เป็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์เนื้อเรื่อง และการกระทำของตัวละครในเรื่อง"
"บทความเกี่ยวกับยมฑูตในการ์ตูน และของจริง"
นอกจากจะมีการวิเคราะห์เรื่องในการ์ตูนแล้ว นิตยสารฉบับนี้ยังมีการพูดถึงเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูน เช่น ยมฑูต ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า มีการ์ตูนหลายเรื่องนิยมใช้ยมทูต มาเป็นตัวเอกในเรื่อง
"ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่แนะนำเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น และสอนภาษาญี่ปุ่น"
ในแต่ละฉบับก็จะต่างกันไปสำหรับคอลัมน์นี้ เช่นเทศกาลต่างๆ ของกินของใช้ในญี่ปุ่น ส่วนมากจะเป็นของที่เราเห็นจากการ์ตูน แล้วเค้าก็เอามาเขียนเป็นบทความว่ามันมีอยู่จริง และของจริงเป็นอย่างไร แตกต่างจากในการ์ตูนหรือไม่อย่างไร โดยในฉบับนี้พูดถึงงานวัด
"จัดลำดับตัวละครยอดนิยม"
"โมเดลครับ โมเดล"
"ช่วงตอบจดหมาย"
คอลัมน์ที่จะขาดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารประเภทใด ซึ่งของจีนทำออกมาได้ดีคือ พยายามตอบจริงๆ ตามที่ผู้เขียนถามมา และไม่ตอบกวนตีน หรือตอบเพื่อความสะใจของผู้ตอบ
"看动漫"
จุดแข็งของนิตยสารการ์ตูนของจีน ทุกยี่ห้อที่เห็นได้ชัดอีกอย่างนึงคือ เวลาในการวางจำหน่าย เค้าบอกวันไหนวางแผงวันนั้นจริงๆ ซึ่งในจุดนี้ นิตยสารการ์ตูนของไทยบางฉบับทำไม่ได้ จึงทำผู้อ่านเกิดความเบื่อหน่าย
นิตยสารการ์ตูนญี่ปุ่นของจีน ยี่ห้อนี้ของแถมค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าคุณเล่น PSP จะยิ่งคุ้ม เพราะเค้าแถมเกมมาด้วย ไม่ต้องไปเสียเวลาโหลด แต่เนื่องจากบทความจำพวกวิเคราะห์เยอะ อาจทำให้ผู้อ่านเกิดความเบื่อหน่ายได้ ถ้าถามว่าดีกว่าของไทยมั้ย 15.- หยวน ราคาแบบนี้ ของแถมเยอะแบบนี้ คุณภาพแบบนี้ ขอตอบว่า "ดีกว่าเยอะครับ"
แต่อาจมีคนถามว่า ทำไมเล่มที่เอามารีวิวเก่าจัง เพราะผมไม่ค่อยถูกใจนิตยสารยี่ห้อนี่เท่าไหร่เนื่องจากบทความวิเคราะห์เยอะเกินไป ถึงจะของแถมเยอะ ราคาถูกกว่า แต่เนื้อหาไม่ถูกใจ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2560 13:32:22 น. |
|
22 comments
|
Counter : 4216 Pageviews. |
|
|
|
เจิมซะ
แวะมาทักทายกันในวันศุกร์ มีความสุขกับวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เด้อ
อ๋อ เหล่านี้เองที่หล่อหลอมเด็กวัยรุ่นจีนในยุคใหม่
ป.ล. ลาเต้น่าสนใจกว่ากาแฟดำตั้งเยอะนะ