บล็อกมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตีพิมพ์เรื่อง "ว่าที่เบาหวาน เพิ่มเสี่ยงสมองเสื่อม", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
ครูบาอาจารย์ท่านสรุปเรื่องโรคแทรกจากเบาหวานว่า
ส่วนใหญ่มักจะหนี 5 จุดไม่พ้นแห่งความเสี่ยงไม่พ้น
5 จุดที่ว่า ได้แก่ เบาหวานเพิ่มเสี่ยงโรคที่ "หัว-หัวใจ-ไต-ตา-ตีน (เท้า)"
- หัว > อัมพฤกษ์ อัมพาต สมองเสื่อม
- หัวใจ > หัวใจขาดเลือด หัวใจเสื่อม หัวใจวาย
- ไต > ไตเสื่อม ไตวาย
- ตา > ต้อกระจก ตาเสื่อม ตาบอด
- ตีน > ชา สูญเสียความรู้สึก เป็นแผลง่าย ติดเชื้อง่าย เพิ่มเสี่ยงถูกตัดนิ้ว-ตัดเท้า-ตัดขา
การศึกษาใหม่ (ตีพิมพ์ใน NEJM) พบว่า ความเสื่อมเหล่านี้อาจเกิดสะสมไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วง "ว่าที่เบาหวาน" หรือตอนก่อนเป็นเบาหวานแล้ว โดยพบว่า ภาวะก่อนเบาหวานเพิ่มเสี่ยงโรคสมองเสื่อม
ศ.ดร.เดวิด นาตาน จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่สูงอายุ (อายุเฉลี่ย 76 ปี) มากกว่า 2,000 คน
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงยิ่งมาก ยิ่งเสี่ยงสมองเสื่อมมาก
คนอเมริกัน 1/12 เป็นเบาหวาน = 12 คน จะพบคนเป็นเบาหวาน 1 คน = 8.33%
ภาพที่ 2: อาการโรคเบาหวาน
เบาหวานชนิดที่ 1 ส่วนใหญ่พบในเด็กผอม, คนไข้อาจมาด้วยอาการช็อค ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด
เบาหวานชนิดที่ 2 พบในผู้ใหญ่ หรือเด็กอ้วน, ส่วนใหญ่มีอาการไม่ชัดเจน และอาจตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองหาระดับน้ำตาลในเลือด หรือตรวจสุขภาพ
อาการที่อาจพบได้ (ดังภาพ) คือ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- ฉี่บ่อย น้ำหนักลด แผลหายช้า (เกิน 2 สัปดาห์)
- หิวบ่อย นกเขาไม่ขัน ตาพร่ามัว
- ตกขาว มือเท้าชาหรือเจ็บแปลบ หิวน้ำบ่อย
การตรวจหาเบาหวานนิยมให้อดอาหารและน้ำ 8 ชั่วโมง
ส่วนใหญ่จะให้อดอาหารและน้ำตั้งแต่ 24.00 นาฬิกา (เที่ยงคืน), เจาะเลือด 8.00 นาฬิกา (8 โมงเช้า)
คำแนะนำทั่วไป คือ
- ควรให้คนอื่นขับรถไปส่ง ใช้บริการขนส่งมวลชน
- ถ้าขับรถเอง, ให้ขับช้าๆ
- ระวังเป็นลม และควรมีคนอื่นเดินทางไปด้วย (ถ้าทำได้)
- ก่อนไป, ให้เตรียมน้ำกับอาหารเล็กน้อยไปด้วย
หลังเจาะเลือดแล้ว, ให้ดื่มน้ำ และกินอะไรทันที
เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ และโมโหหิว
อาการน้ำตาลในเลือดต่ำที่พบได้บ่อย คือ คิดอะไรได้ช้าลง หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อแตก หงุดหงิด โมโหหิว
ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง (fasting blood sugar / FBS) ปกติ = ต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (มก./ดล. หรือ มก.% (1 เดซิลิตร = 100 มิลลิลิตร = ประมาณ 1 ขีด = 1/10 กิโลกรัม)
ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารและน้ำ (FBS) ที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคเบาหวาน คือ
- 126 มก./ดล. ขึ้นไป 2 ครั้ง
- 200 มก./ดล. ขึ้นไป 1 ครั้ง (ไม่ว่าจะอดอาหารหรือไม่)
ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารและน้ำ (FBS) = 101-125 มก./ดล. = ภาวะก่อนเบาหวาน หรือ "ว่าที่" เบาหวาน = ใกล้จะเป็นเบาหวานแล้ว แต่ยังไม่เป็น (pre-diabetes)
ปีนี้ (2556) คนอเมริกัน 26 ล้านคนเป็นเบาหวาน
และมีคนที่เป็นภาวะก่อนเบาหวาน หรือว่าที่เบาหวานเกือบ 80 ล้านคน = 3.08 เท่า = 3 เท่า
ข่าวดี คือ ถ้าตรวจคัดกรองเบาหวานเป็นประจำ ทุก 6-12 เดือน หรือทุกปี จะทำให้เรารู้ว่า เราเป็นพวก "ว่าที่" เบาหวานหรือไม่
คนที่เป็น "ว่าที่" เบาหวาน และใช้ชีวิตแบบเดิมๆ มีโอกาสเป็นเบาหวานใน 10 ปี ประมาณ 40-50%
ถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดีๆ จะลดเสี่ยงได้ 58% ถ้า... [ diabetes ]; [ NIH ]
(1). น้ำหนักเกิน แล้วลดน้ำหนักได้ 7%
(2). ออกกำลังอย่างต่ำ = เดินเร็ว(มาก) 30 นาที 5 ครั้ง/สัปดาห์
(3). ปรับเปลี่ยนอาหาร
เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง เปลี่ยนขนมปังขาวเป็นโฮลวีท (เติมรำ), เพิ่มผัก ผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองกาก), ถั่ว, ลดอาหารทอด, ลดน้ำตาล
เช่น เปลี่ยนกาแฟซื้อ (กาแฟเย็นซื้อ 1 แก้ว = น้ำตาล 6-10 ช้อนชา)
การศึกษาใหม่พบว่า การเบรคบ่อยๆ ไม่นั่งนาน เช่น เดินให้เร็วมากๆ 1 นาที 40 วินาที = 100 วินาที ทุกๆ 30 นาที = 1/2 ชั่วโมง มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
การเดินช้าๆ สบายๆ แบบที่โบราณเรียกว่า "เดินย่อยอาหาร" 10-15 นาที หลังอาหารก็ช่วยได้เช่นกัน
เคล็ดไม่ลับ คือ ถ้าต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีจริงๆ ควรเดินหลังอาหารทุกมื้อ ทั้งมื้อใหญ่ และมื้อเล็ก
เช่น ถ้ากินข้าว 3 มื้อใหญ่ + อาหารว่าง 1 มื้อ > ควรเดินหลังอาหาร 4 ยก (ไม่ใช่ 3 ยก)
สมาคมโรคหัวใจอเมริกาแนะนำให้จำกัดปริมาณน้ำตาลไว้ดังนี้ (1 ช้อนชา = 4 กรัม)
(1). ผู้หญิงฝรั่ง > ไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน = น้ำตาล 24 กรัม/วัน
(2). ผู้ชายฝรั่ง > ไม่เกิน 9 ช้อนชา/วัน = น้ำตาล 36 กรัม/วัน
คนเอเชีย รวมทั้งคนไทย ส่วนใหญ่มีโครงสร้างเล็กกว่าฝรั่ง
โครงสร้างหลัก (กระดูก-เอ็น-กล้ามเนื้อ) ผู้ชายไทยส่วนใหญ่ไม่เกินขนาดผู้หญิงฝรั่ง
คนไทยที่ตัวหนัก... ส่วนใหญ่จะหนักไขมัน มากกว่าหนักโครงสร้างหลัก (กระดูก-เอ็น-กล้ามเนื้อ)
คนไทยจึงควรจำกัดน้ำตาลไว้ที่ไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน
คุณป้านักขายกาแฟมืออาชีพบอกว่า กาแฟเย็นที่ขายส่วนใหญ่จะเติมน้ำเชื่อม ทำให้ขายได้เร็ว ไม่ต้องเสียเวลาคน (ทำให้น้ำตาลละลาย)
ขนาดที่ใช้ทั่วไป คือ
- 6 ช้อนชา - ถ้าชอบหวานน้อย
- 8 ช้่อนชา - ถ้าชอบหวานมาก
นี่ยังไม่นับนมข้นหวาน ซึ่งใช้ 1-2 ช้อนโต๊ะขึ้นไปอีกต่างหาก
การกินกาแฟชงเอง น่าจะปลอดภัยกว่ากาแฟซื้อ
เพราะถ้าชงเอง คงจะใส่น้ำตาลกันไม่เกิน 1-3 ช้อนชา/ถ้วย
หรือถ้าใช้น้ำตาลผสมน้ำตาลเทียม เช่น ไลท์ชูการ์ (มีน้ำตาลจริง 1/2 + น้ำตาลเทียม 1/2) ฯลฯ จะทำให้ได้รับน้ำตาลน้อยกว่านั้น
.
การป้องกันเบาหวานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิต
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า ภาวะก่อนเบาหวานเพิ่มเสี่ยงโรคหลายอย่าง รวมทั้งโรคหัวใจ
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
Thank Harvard Health Blog > Above-normal blood sugar linked to dementia. Posted August 07, 2013, 5:19 pm. Heidi Godman, Executive Editor, Harvard Health Letter.
ส่วนตัวก็มีกรรมพันธ์เบาหวานตามประสาคนจีน ก็พยายามระวังอาหารแล้ว ออกกำลังกาย คุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน แต่ก็มีบางครั้งที่เผลอตามใจปากซะเยอะ ช่วงก่อนก็ทานกาแฟปั่นบางครั้งใส่วิปตลอดเลยค่ะ (แต่ใส่แล้วมันอร่อยจริงๆนะ)
ตอนนี้ไม่เอาล่ะ จะพยายามระวังปากตัวเองให้มากขึ้นนะคะ