บิซเนส อินไซเดอร์ ตีพิมพ์เรื่อง Honeybees are right 'handed' , ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
.
การศึกษาใหม่จากอิตาลี (ตีพิมพ์ใน Scientific Reports, June 27, 2013) ทำโดยการตัดหนวด หรือเสาอากาศ (attenna) 1 ข้าง ทำให้ผึ้งเหลือหนวดข้างเดียว คือ ข้างขวา หรือข้างซ้าย
แล้วให้ผึ้งมีโอกาสพบปะกัน แตะหนวดสื่อสารกัน พบว่า ผึ้งมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคน
.
ผึ้งส่วนใหญ่ถนัดขวาคล้ายๆ กับคน
ปกติจะสื่อสารโดยการนำหนวดขวามาแตะกัน
.
ผึ้งที่ถูกตัดหนวดซ้าย ใช้หนวดขวาสื่อสารกันได้เร็ว และมีความสัมพันธ์กันในด้านดีเป็นส่วนใหญ่
เวลาผึ้งอารมณ์ดี จะทำการ "แลบลิ้น (extending tongue / proboscis)" เข้าหากัน
.
ผึ้งที่ถูกตัดหนวดขวา ใช้หนวดซ้ายสื่อสารกันได้ช้าลง และมีความสัมพันะ์กันในด้านดีน้อยลง ด้านร้ายมากขึ้น
แทนที่จะ "แลบลิ้น" เข้าหากัน (คล้ายๆ คนเรายิ้มเข้าหากัน)
.
.
ผึ้งจะทำตัวงอเป็นรูปตัว "ซี / C-shaped" มากขึ้น
เวลาผึ้งงอตัวเป็นรูปซี จะหันเหล็กใน (stingers) และขากรรไกรล่าง (mandibles) ไปทางผึ้งอีกตัวหนึ่ง
.
ลักษณะเช่นนี้คล้ายกับการกำหมัด เตรียมต่อสู้ของคน
ความแตกต่างนี้จะรุนแรงขึ้น ถ้ามีการติดต่อสื่อสารกับผึ้งต่างรัง (another colony)
.
ปกติผึ้งมักจะก้าวร้าว (behave aggressively) กับผึ้งต่างรังมากกว่าผึ้งรังเดียวกัน
ลักษณะเช่นนี้คงจะคล้ายกับสุนัข (หมา) ที่ก้าวร้าวกับสุนัขต่างฝูงมากกว่าฝูงเดียวกัน
.
ความต่างกันอยู่ที่ว่า เมื่อเกิดเครียด หรือหงุดหงิดจากการรับรู้ว่า มีผึ้งต่างรังเข้ามาใกล้ๆ จะก้าวร้าวมากขึ้นคล้ายๆ กัน
ผึ้งที่มีหนวดขวาข้างเดียวแยกแยะ "เขา-เรา" ได้ว่า ผึ้งตัวที่อยู่ใกล้ๆ เป็นผึ้งรังเดียวกัน หรือผึ้งต่างรัง
.
.
เลือกตีผึ้งต่างรังได้ ไม่ทำร้ายผึ้งรังเดียวกัน
ผึ้งที่มีหนวดซ้ายข้างเดียวแยกแยะ "เขา-เรา" ไม่ได้
.
พอเครียดขึ้นมาก็ซัดมั่ว โจมตีมั่วไปหมด ตีทั้งผึ้งต่างรัง และผึ้งรังเดียวกัน
ปกติผึ้งมีเซลล์ประสาทในสมองประมาณ 960,000 เซลล์ น้อยกว่าคนที่มีประมาณ 86,000 ล้านเซลล์ = ต่างกัน 89.58 เท่า
.
ผึ้งมีความสามารถในการจำหน้าคน สร้างรัง เต้นรำเพื่อบอกผึ้งตัวอื่นให้ไปหาแหล่งอาหารได้
การศึกษาใหม่พบว่า สมองผึ้งน่าจะมีความไม่สมมาตร หรือซ้ายไม่เท่ากับขวา (brain asymmetry / function lateralization) คือ ส่วนใหญ่ถนัดขวา
.
การศึกษา 20 ปีที่ผ่านมาพบว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และปลาส่วนใหญ่ถนัดขวา
การศึกษาใหม่พบว่า ผึ้งถนัดขวา ทำให้พอจะเดาได้ว่า แมลงส่วนใหญ่น่าจะถนัดขวาเช่นกัน
.
.
คนส่วนใหญ่ = 90% ถนัดขวา
การศึกษาเร็วๆ นี้ ทำในคนถนัดขวา พบว่า เวลาคนเราพิมพ์ตัวอักษรที่ใช้มือขวา (เช่น คำ 'pill' = เม็ดยา ฯลฯ) มักจะมีความสุขมากกว่าพิมพ์ตัวอักษรที่ใช้มือซ้าย (เช่น คำ 'ax' = ขวาน ฯลฯ)
.
กลไกที่เป็นไปได้ คือ ตัวอักษรที่พิมพ์ด้วยมือซ้ายพิมพ์ยากกว่าตัวอักษรที่พิมพ์ด้วยมือขวา
เรื่องนี้ทำให้นักการตลาดมีแนวโน้มจะหา "ชื่อการค้า (trade name)" ที่พิมพ์ด้วยมือขวามากขึ้น, พิมพ์ด้วยมือซ้ายน้อยลง
.
เรื่องที่สำคัญจากการศึกษานี้ คือ การสื่อสาร ทักทายที่มีประสิทธิภาพสูง มีแนวโน้มจะทำให้มิตรภาพดีกว่าการสื่อสาร ทักทายที่มีประสิทธิภาพต่ำ
จากเรื่องนี้ จะพบว่า ผึ้งที่มีหนวดขวาข้างเดียวมีแนวโน้มจะ "มองโลกในแง่ดี (แลบลิ้นเข้าหา)" อีกฝ่ายหนึ่งมากกว่าผึ้งที่มีหนวดข้างซ้ายข้างเดียว (หันเหล็กในเตรียมแทง หรือขากรรไกรเตรียมกัด)
.
ปรากฏการณ์นี้พบในคนเราคล้ายๆ กัน
เช่น เวลาคุยโทรศัพท์... ถ้าเสียงชัดใสดีมักจะทำให้คนอารมณ์ดีมากกว่าเสียงพร่า เบลอ หรือขาดๆ หายๆ
.
.
เช่น เวลาใช้อินเตอร์เน็ต... ถ้าลื่นไหลดีมักจะทำให้คนอารมณ์ดีมากกว่าเน็ตหลุด เน็ตฝืด เน็ตเต่า (ช้าแบบเต่า)
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านวิเคราะห์ว่า ความสำเร็จของท่านประธานาธิบดีโอบามา ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ทีมงานพิเศษตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
.
ทีมนี้วางแผนวิเคราะห์รูปแบบการสื่อสารออนไลน์ เช่น ทวิตเตอร์ ฯลฯ ของคนรุ่นใหม่ และคนชายขอบ หรือคนด้อยโอกาส (marginalized groups) เช่น คนจน คนผิวดำ คนฮิสปานิคที่อพยพจากเม็กซิโก-อเมริกากลาง-อเมริกาใต้ คนชอบเพศเดียวกัน ฯลฯ
ทีมสื่อสารจะทำสื่อสารออนไลน์ให้ดูเป็นกันเอง เป็นส่วนตัว และเน้นสิทธิเสมอภาคตามสไตล์พรรคดีโมแครต เช่น จะปฏิรูประบบรักษาพยาบาล (อาจได้ไอเดียจากไทย) ฯลฯ
.
คนที่ได้รับข้อความบางท่าน เช่น คำเตือนให้ไปลงคะแนนเสียง คำขอบคุณหลังได้รับการเลือกตั้ง ฯลฯ เล่าว่า รู้สึกเป็นกันเอง... ราวกับเป็นเพื่อนกับโอบามา
ไม่ว่าท่านจะถนัดขวาหรือซ้าย... ขอให้ฝึกสื่อสารกับคนรอบข้างอย่างชัดเจน แบบผึ้งที่มีหนวดข้างขวา และทำให้ดีกว่าผึ้ง เพราะคนเรามีเซลล์สมองมากกว่าผึ้งมากถึง 89.58 เท่า = เกือบ 90 เท่า
.
.
ผึ้งถึงจะเก่งอย่างไร ก็คงจะพูดคำ "ขอบคุณ-ขอบใจ-ขอโทษ" ไม่เป็นแบบที่คุณครูภาษาไทยสอน
3 คำนี้เป็นคำที่ท่านว่า ถ้ารู้จักกล่าวให้พอดีแล้ว จะได้เมตตาหรือกรุณากันมากขึ้น มีเวรภัยต่อกันน้อยลง
.
ลองกล่าว 3 คำนี้กับตัวเรา และคนรอบข้างให้ได้วันละ 1 ครั้ง
และค่อยๆ เพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร
.
หลังจากนั้น... ให้กล่าวกับคนไกลออกไปให้ได้วันละ 1 ครั้ง
และค่อยๆ เพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร
.
มิตรภาพจะดีขึ้นได้ในระยะยาว
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ