.

สำนักข่าว PBS รายงานสถิติคนว่างงานในสหรัฐฯ ซึ่งลดลงจากประมาณ 8-10% ในช่วงก่อนท่านโอบามา (ประธานาธิบดี) ร่วมกับท่านเบอร์นันเก้ (ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ) ใช้นโยบายค่าเงินต่ำ และอัดฉีดเงิน (QE) ลงไป = 6.6%

สถิติสหรัฐฯ ตอนนี้คล้ายกับประเทศตะวันตกทั่วโลก คือ คนกลุ่มน้อยเก่งน้อยกว่าฝรั่ง หางานทำได้น้อยกว่าฝรั่ง ดังปรากฏเป็นสถิติคนว่างงานดังนี้ (คนว่างงานเฉลี่ย = 6.6%)

• คนผิวขาว (ฝรั่ง) = 5.7%
  
• คนผิวดำ (อาฟริกัน-อเมริกัน) = 12.1%
  

.

ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า คนผิวขาว (ฝรั่ง) ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายยุโรปกลาง-ยุโรปเหนือ + คนเอเชีย (โดยเฉพาะจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น) มักจะเรียนเก่ง หางานทำเก่งกว่าคนกลุ่มอื่นๆ ในสหรัฐฯ

รองลงไปเป็นคนฮิสแพนิค (hispanic) ที่อพยพจากเม็กซิโก-อเมริกากลาง-อเมริกาใต้ ซึ่งมีเชื้อสายยุโรปใต้

ฮัฟฟิงทัน โพสต์ รายงานผลการศึกษาจากสถาบันออกซฟอร์ด มาร์ติน สกูล อังกฤษ ที่ว่า ระบบการผลิต-บริการอัตโนมัติ (automation) มีแนวโน้มจะทำงานแทนคนได้เป็นส่วนใหญ่

โดยจะเข้าไปแทนแรงงาน "คน" ทั้งภาคอุตสาหกรรม และบริการ โดยอาจทำให้ตำแหน่งงานลดลง = ทำให้คนเสี่ยงตกงานเพิ่มขึ้นได้มากจนถึง = 47% ภายใน 20 ปีข้างหน้า (2557-2576)

.

อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ดี คือ สมัยก่อนมีการแบ่งคนทำงานเป็น 2 กลุ่ม ตามแบบอเมริกัน

สมัยก่อนคนอเมริกันชอบใส่เสื้อสีฟ้าหรือสีเข้ม + กางเกงสีอ่อน เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีเนื้อ ฯลฯ เพื่อให้แตกต่างจากคนอังกฤษที่ชอบใส่เสื้อสีขาวหรือสีอ่อน + กางเกงสีเข้ม เช่น สีน้ำเงินแก่ (กรมท่า), สีเทาเข้ม สีน้ำตาลเข้ม ฯลฯ

สมัยนั้นคนอเมริกันแบ่งคนทำงานตาม "สีเสื้อ" เป็น 2 พวก ได้แก่

• white collar = เสื้อขาว / คอปกเสื้อสีขาว > ทำงานออฟฟิซ สำนักงาน ใช้สมองมากหน่อย
  
• blue collar = เสื้อฟ้า / คอปกเสื้อสีฟ้า หรือน้ำเงิน > ทำงานในโรงงาน ไร่นา ฟาร์ม ใช้แรงมากหน่อย
  

.

วิธีสังเกตง่ายๆ คือ

• พวกเสื้อขาว มักจะทำงานบริการ เช่น ออฟฟิซ สำนักงาน ธนาคาร บัญชี ฯลฯ
  
• พวกเสื้อฟ้า มักจะทำงานอุตสาหกรรม (โรงงาน งานช่าง ฯลฯ) หรือเกษตร (ไร่ นา ฟาร์ม ฯลฯ)

บางที, การแยกกันที่สีกางเกงน่าจะง่ายกว่า คือ พวกใช้แรงงานมักจะใส่กางเกงหนา สีเข้ม เช่น กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ฯลฯ อะไรทำนองนี้

โชคดีที่ตอนนั้นยังไม่มีแรงงานประเภท "คอปกเสื้อสีเงิน (silver collar)" มากนัก

• silver collar = เสื้อเงิน เสื้อเหล็ก-โลหะ หุ่นยนต์​ เครื่องจักรกลอัตโนมัติ โปรแกรม-คอมพิวเตอร์
  

.

พวกเครื่องจักร เครื่องยนต์​ กลไกอัตโนมัติ คอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกรวมๆ กันว่า เป็นพวกคอปกสีเงิน กำลังจะเข้ามาแทนที่แรงงาน ทั้งพวกเสื้อขาว และเสื้อฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เช่น

• หุ่นยนต์ > มาแทนแรงงานในโรงงาน
  
• เครื่องฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงินอัตโนมัติ (ATM ฯลฯ) > มาแทนพนักงานธนาคาร แบงก์
  

ถ้ามองซีกร้านค้าจะพบอะไรทำนองนี้ (ร้านค้า-เครือข่ายที่มีฐานข้อมูลดี ระบบขนส่งสินค้า-บริการดีมักจะได้เปรียบ)

• ร้านค้าสมัยใหม่ > มาแทนที่ร้านของชำ
  
• ร้านค้าออนไลน์ > แย่งส่วนแบ่งร้านค้าทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ
  

.

ปัญหาที่พบไปทั่วโลกตอนนี้ คือ ภาวะว่างงาน ซึ่งถ้าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง จะเกิดความปั่นป่วนไปทั่ว โดยเฉพาะคนกลุ่มน้อย และคนอายุน้อย จะหางานทำยากขึ้นเรื่อยๆ

ประเทศตะวันตกหลายแห่งมีอัตราว่างงานมากถึง 10%

ประเทศโลกอาหรับหลายแห่งมีอัตราว่างงานมากถึง 20-30%

ปัญหาคนว่างงานจะมีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าพบร่วมกับปัญหาต่อไปนี้

• (1). เงินเฟ้อ > โดยเฉพาะประเทศที่ต้องนำเข้า "ของ 2 อย่างคู่กัน" = พลังงาน (น้ำมัน แก๊ส ฯลฯ) + อาหาร
  
• (2). ลูกดก > มีสัดส่วนคนอายุน้อยสูง + ตกงานสูง
  

.

สำนักข่าวบิสเนซ อินไซเดอร์ รายงานว่า 10 วิชาชีพ "ขาขึ้น" ที่มีแนวโน้มจะอยู่รอด ปลอดภัย และทำเงินได้มากในโลกอนาคต และเจ้าหุ่นยนต์-คอมพิวเตอร์ จะยังมาแทนที่ไม่ได้ อย่างน้อยในช่วงปี 2010-2016/2553-2559 หรือนานกว่านั้นไปอีก 10-20 ปีข้างหน้าได้แก่ (up = ขาขึ้น เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละหรือ %)

.

(1). Mental health counselor = จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักจิตบำบัด พยาบาลจิตเวช ผู้ช่วยพยาบาลจิตเวช ที่ปรึกษาทางใจ > up 30%

โลกอนาคตเป็นโลกที่คนเราดูเหมือนจะ "เหงา" มากขึ้น เป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น มีโรคสมองเสื่อม-อัลไซเมอร์มากขึ้น ทำให้ความต้องการ "ที่ปรึกษาทางใจ" มากขึ้น

และแม้ยังไม่ป่วย...​ อาชีพที่ทำให้คนอื่นเหงาน้อยลง มีความสุขมากขึ้นก็บูมขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การท่องเที่ยว สปา นวดแผนไทย สอนโยคะ ฯลฯ

เจ้าของร้านนวดแผนไทยท่านหนึ่งเล่าว่า ตอนนี้พวกมดๆ หมอๆ (หมอนวดแผนไทย) ต้องจ้างกันอย่างต่ำ 15,000 บาท/เดือน, ขนาดนั้นยังหายาก เพราะนักท่องเที่ยวนิยมกันมาก

.

(2). Forensic science technician = เทคนิเชียน เทคนิคการแพทย์สาขานิติเวช > up 31%

นิติเวช หรือวิทยาศาสตร์ที่ช่วยในการพิสูจน์คดีความต่างๆ เช่น ตรวจหารหัสพันธุกรรม (DNA), รวมทั้งการตรวจเอกซเรย์ ทั้งแบบทั่วไป และการนำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) มาช่วยชันสูตรศพ โตขึ้นเร็วทั่วโลก 

.

(3). Financial analyst = นักวิเคราะห์การเงิน-ลงทุน > up 34%

.

(4). Dental hygienist = นักสุขภาพ-สาธารณสุขช่องปาก-อนามัยช่องปาก, ผู้ช่วยทันตแพทย์ > up 30%

ประเทศตะวันตก มีหลักการว่า คนทุกคนน่าจะได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากทุกปี รวมทั้งการขูดหินปูน รักษาโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน หรือถ้าเป็นเบาหวานอยู่แล้ว...​ มักจะคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี 

นักอนามัยช่องปากในสหรัฐฯ มีหน้าที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมด้วย เช่น ให้คำแนะนำในการฉีดวัคซีน ทำแผล ดูแลโรคเรื้อรัง (เช่น ถ้าเป็นความดันเลือดสูง เบาหวาน จะดูแลสุขภาพอย่างไร จะกินยา-ฉีดยาอย่างไร ฯลฯ)

.

(5). Skin care specialist = หมอผิวหนัง เทคนิเชียน ช่างดูแลผิวพรรณ > up 34%

.

(6). Computer software engineer = วิศวกร-นักคอมพิวเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียน-ปรับปรุง-ดูแลโปรแกรม > up 28%

.

(7). Database administrator = แอดมิน ผู้ดูแลฐานข้อมูล-ระบบคอมพิวเตอร์ > up 29%

(8). Veterinarian = สัตวแพทย์ เทคนิเชียน-เทคนิคการแพทย์-ผู้ชำนาญการดูแลสัตว์ > up 28%

ช่วงปี 2556 เป็นช่วงแรกที่ยอดขายอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้เคียง และทำท่าจะแซงอาหารเด็ก

คลินิกสัตวแพทย์ ร้านเสริมสวยสัตว์เลี้ยง (เช่น ตัดขน แต่งขนสุนัข ฯลฯ) อยู่ในขาขึ้นทั่วโลก

เพราะคนเลี้ยงสัตว์แก้เหงากันมากขึ้นทั่วโลก

.

(9). Performance makeup artist = เทคนิเชียน-ช่างแต่งหน้า > up 40%

.

(10). Personal and home care aide = ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยเหลือคนไข้ ผู้ดูแลคนไข้-คนป่วยที่บ้าน > up 51%

สัดส่วนคนสูงอายุ, คนที่มีโรคเรื้อรัง (่เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ ฯลฯ) เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้ความต้องการบุคลากรสุขภาพเพิ่มขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญพยากรณ์ว่า อาชีพพยาบาลจะขาดแคลนมากขึ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพยาบาลส่วนใหญ่เกิดในช่วงเบบี้บูม คือ ปี 1946-1964/2489-2507 ทยอยกันเกษียณ

baby boom; baby = เด็ก; boom = การเพิ่มอย่างเร็ว ระเบิด; รวม = ช่วงที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นเร็ว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

คนยุคเบบี้บูม มีอายุในช่วง 50-68 ปี (ในปีนี้ = 2014/2557) และจะทยอยเกษียณงานเป็นส่วนใหญ่ อย่างช้าใน 10 ปี

.

ถ้าเรานำ 10 สาขาวิชาชีพมารวมกลุ่มใหม่ จะได้กลุ่มอาชีพอย่างนี้

(1). สายพยาบาล-หมอฟัน-หมอ / วิทยาศาสตร์สุขภาพ = [ 1, 2, 4, 5, 8, 9, 10 ]

ในจำนวนนี้,​ มีส่วนที่อาจแยกไปเป็นข้อย่อย คือ การดูแลผิวหนัง-ผิวพรรณ ข้อ = [ 5, 9 ]

(2). สายการเงิน-ลงทุน = [ 3 ]

(3). สายคอมพิวเตอร์-ซอฟท์แวร์ = [ 6, 7 ]

.

ตรงนี้บอกเป็นนัยว่า รัฐบาลที่ "มองการไกล" หรือ "มองไปในอนาคต" น่าจะลงทุนด้านการศึกษาสุขภาพ-วิทยาศาสตร์สุขภาพให้มากขึ้น

รัฐบาลที่ (น่าจะ) ดี,​ ควรเพิ่มการผลิตสาขาขาดแคลน หรือสาขาที่จบมาแล้วมีงานทำเพิ่มขึ้น

สาขาที่รัฐบาลน่าจะเพิ่มการผลิตสาขาขาดแคลน

คือ หมอฟัน พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล นักสาธารณสุขช่องปาก-นักอนามัยช่องปาก-ผู้ช่วยหมอฟัน หมอฝังเข็ม นักบิน นักบัญชี วิศวกร-สถาปนิกสาขาขาดแคลน อาชีวะหลายสาขา หมอ

.

น่าจะปรับเปลี่ยนหลักสูตรพลศึกษาใหม่...

เน้นอะไร

• (1). วิทยาศาสตร์อาหาร > เน้นอาหารป้องกันโรค อาหารสุขภาพ
  
• (2). ทำอาหารไทย 
• (3). วิทยาศาสตร์ออกกำลัง > ออกกำลังแบบไหน ป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ฯลฯ
• (4). วิทยาศาสตร์การกีฬา > ให้เด็กไทยรู้ว่า ออกกำลังแบบไหน ดีกับกีฬาอะไร
  

.

ถึงตรงนี้...​ ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

.

Thank Huffingtonpost.co.uk > //www.huffingtonpost.co.uk/2014/01/17/rise-of-the-machines-economist_n_4616931.html

Thank source by Huffingtonpost > //www.oxfordmartin.ox.ac.uk/downloads/academic/The_Future_of_Employment.pdf

Thank Businessinsider.com > //www.businessinsider.com/top-10-recession-proof-jobs-2011-9-2011-9?op=1

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2557 10:40:26 น.		0 comments
Counter : 15983 Pageviews.
Share Tweet