.
.
.
ภาพที่ 1: ขนาด 1 ดริ๊งค์ (drink) = เท่าไร
- เบียร์แบบจืดจาง 12 ออนซ์ = 360 มิลลิลิตร (ซีซี)
- ไวน์ 5 ออนซ์ = 150 มิลลิลิตร (ซีซี)
- เหล้า 1.5 ออนซ์ = 45 มิลลิลิตร (ซีซี)
คำเตือนในสหรัฐฯ คือ
- ผู้ชายตัวใหญ่ตัวโต (ฝรั่ง / ชาวตะวันตก) ไม่ควรดื่มเกิน 2 ดริ๊งค์/วัน
- ผู้หญิงฝรั่ง ไม่ควรดื่มเกิน 1 ดริ๊งค์/วัน
คนไทยส่วนใหญ่มีโครงสร้างเล็กกว่าฝรั่ง (ไม่ค่อยโตเกินผู้หญิงฝรั่ง) ทำให้ขนาดดื่มที่เป็นขีดจำกัดน่าจะต่ำกว่าฝรั่ง
.
.
ภาพที่ 2: ขนาด 1 ดริ๊งค์ = เบียร์แบบจืดจาง 1 กระป๋องเล็ก, ไวน์ (12%) 150 มิลลิลิตร
.
.
ภาพที่ 3: ขนาด 1 ดริ๊งค์ = เหล้า (40%) 45 มิลลิลิตร
.
การศึกษาใหม่พบว่า ขนาดของแก้วทำให้คนเราเมา หรืออ้วนจากการดื่มหนักขึ้นดังนี้
.
(1). แก้วอ้วน > มากกว่าแก้วผอม = 11.9%
.
(2). การเทเหล้าใส่แก้วไว้ในมือ > มากกว่าแก้ววางบนโต๊ะ = 12.2%
.
(3). เหล้าสีขาว หรือใส ไม่มีสี > มากกว่าสี = 9.2%
.
เช่น คนเรามีแนวโน้มจะเทไวน์ขาวลงแก้วมากกว่าไวน์แดง ฯลฯ
.
การศึกษาใหม่จากมหาวิทยาลัยไอโอวา สเตท, และ ม.คอร์เนวล์ ทำในกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาที่เป็นนักดื่ม 73 คน
.
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การเลือกแก้วทรงผอมแทนอ้วน, วางแก้วบนโต๊ะแทนถือไว้ในมือ, และเลือกแก้วที่มีสีไม่เหมือนเหล้า อาจช่วยป้องกันการดื่มหนักได้ประมาณ 12%
.
แนวคิดเรื่องนี้ อาจนำไปใช้ในโปรแกรมป้องกันน้ำหนักเกิน หรือลดความอ้วนได้เ่ช่นกัน คือ
.
(1). เลือกแก้วใส่เครื่องดื่มผอมแทนแก้วอ้วน
.
ถ้าต้องการลดอ้วนจริงๆ ให้ฝึกดื่มเฉพาะน้ำเปล่ากับชาเจือจาง
.
(2). เลือกจานใบเล็กแทนชามใบใหญ่
.
.
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำให้ฝึกเคี้ยวช้าๆ 10-30 ครั้ง/คำ ซึ่งจะทำได้ง่ายขึ้น ถ้าเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ขนมปังขาวเป็นโฮลวีท หรือขนมปังเติมรำ
อาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำให้นับคำข้าวต่อมื้อไปเลย
มื้อหนึ่งไม่เกิน 80 คำก่อน หลังจากนั้นให้ลดลงทีละ 5 คำ
ทำให้อาหารแต่ละมื้อลดลงทีละน้อย... จาก 80 > 75 > 70 > 65 > 60 คำ/มื้อ
.
การนับคำข้าวต่อมื้อ จะได้ผลดีขึ้น ถ้าฝึกเดินเร็ว นับเป็นก้าวต่อนาทีให้เร็วขึ้น
วิธีนับไม่ยาก คือ ให้นับจำนวนก้าวใน 30 วินาที หรือ 1/2 นาที
แล้วคูณ 2 จะได้จำนวนก้าวใน 1 นาที
หรือถ้านับแบบนี้ยาก, อาจนับเต็มๆ ไปเลย 1 นาทีว่า เดินได้กี่ก้าว
.
ใส่รองเท้าวิ่ง หรือรองเท้าแตะที่ใส่เดินเร็วง่าย
เช่น รองเท้าแอดด้าหัวโต ฯลฯ จะช่วยให้เดินได้เร็วขึ้น
เพิ่มความเร็วจาก 60 > 65 > 70 > 75 > 80 > 85 > 90 > 95 > 100 ก้าว/นาที
จุดที่ดีที่สุด คือ เดินเร็วให้ได้ 100 ก้าว/นาที ขึ้นไป
.
ดีรองลงไป คงจะเป็น 80-90 ก้าว/นาที ขึ้นไป
การเดินสะสมเวลาให้ได้ 40 นาที/วัน
ใน 40 นาทีนี้, ขอให้มีช่วงเดินเร็วเต็มที่อย่างน้อย 1 ช่วง 10 นาทีขึ้นไป
และเดินขึ้นบันได หรือเดินขึ้นลงเนินตามโอกาส สะสมเวลาให้ได้ 4 นาที/วัน ขึ้นไป
.
.
การควบคุมอาหาร + ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ + ไม่นั่งนานเกิน 1 ชั่วโมง/ครั้ง เป็นหลักประกันสุขภาพชั้นดีที่คนส่วนใหญ่ทำได้ทุกวัน หรือแทบทุกวัน
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.