วิธีป้องกันอาการคันในหู
. ภาพ: แผนที่สีผิวหนังคนบนโลก ตีพิมพ์ในปี 1920/2463 [ wikipedia ] - สีแดง > ผิวขาว ฝรั่ง หรือคอร์เคเชียน (Caucasian)
- สีเหลือง > ผิวเหลือง
- สีน้ำตาล > ผิวคล้ำแบบแขกอินเดีย-ปากีสถาน-บังคลาเทศ
- สีเทา > ผิวดำแบบอาฟริกา
- สีส้ม > ผิวเหลืองคล้ำแบบอินเดียนแดง
การศึกษาใหม่พบว่า คนบนโลกแบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ๆ = พวกขี้หูเปียก กับพวกขี้หูแห้ง . ภาพ: การศึกษารหัสพันธุกรรม (DNA) พบว่า คนเกาหลีมีขี้หูแห้งมากที่สุด - กลิ่นอ่อนที่สุด, ตรงข้ามกับคนผิวดำจากอาฟริกาที่มีขี้หูเปียกที่สุด - กลิ่นแรงที่สุด [ gbhealthwatch ] - แถบสีเทาแสดงพันธุกรรมขี้หูแบบเอเชีย (แห้ง - กลิ่นไม่แรง) = คนกลุ่มใหญ่
- แถบสีดำแสดงพันธุกรรมขี้หูแบบคนนอกเอเชีย (เปียก - กลิ่นแรง) = คนกลุ่มน้อย
. ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คนที่มีขี้หูเปียก = สีเข้ม + เหนียว = มักจะมีกลิ่นตัวแรง อาจต้องใช้ยาลดกลิ่นที่รักแร้ . ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ ต่อมผลิตขี้หูมีความสัมพันธ์กับต่อมน้ำนม คนเอเชียในจีน เกาหลี ญี่ปุ่น มองโกล อาเซียน (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) มักจะมีขี้หูแห้งด้วย มะเร็งเต้านมต่ำกว่าฝรั่ง หรือคนเชื้อสายอาฟริกันด้วย . ทั้งนี้และทั้งนั้น... ถ้าไม่ดื่ม (แอลกอฮอล์) หนัก, ควบคุมน้ำหนักไว้ ไม่ให้น้ำหนักเกิน ไม่อ้วน และไม่อ้วนลงพุง, จะช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมได้ดีขึ้น . ภาพ: กายวิภาคของหูชั้นนอก - ชั้นกลาง - ชั้นใน - หูชั้นนอก > สีเขียว = รูหู แก้วหู
- หูชั้นกลาง > สีแดง = โพรงหูชั้นกลาง กระดูกรูป "ฆ้อน-ทั่ง-โกลน", ท่อระบายน้ำยูสเทเชียน ระบายน้ำ หรือสารคัดหลั่งในหูชั้นกลางไปออกที่โพรงด้านหลังจมูก
- หูชั้นใน > สีม่วง = อวัยวะรับเสียง รูปก้นหอย + อวัยวะรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหว-ทรงตัว รูปครึ่งวงกลม 3 วง
. คนที่เป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ คัดจมูก อาจมีเยื่อบุในโพรงด้านหลังจมูกบวม > ทำให้ท่อระบายน้ำยูสเทเชียนอุดตัน เกิดน้ำคั่งในหูชั้นกลาง หูอื้อ ถ้าน้ำหรือหนองที่คั่งนาน เช่น กรณีเป็นหูชั้นกลางอักเสบจากแบคทีเรีย ฯลฯ > อาจเกิดแก้วหูทะลุได้ . สำนักข่าว BBC ตีพิมพ์เรื่อง '5 ความรู้เรื่อง'ขี้หู', และสำนักข่าว Huffingtonpost ตีพิมพ์เรื่อง '6 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับขี้หู', ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง โดยขอยุบเป็น 4 ข้อครับ . (1). การเดินทางของขี้หู . เซลล์ในรูหู (หูชั้นนอก) เป็นกลุ่มเซลล์ผิวหนัง ลอกหลุดได้ และจะค่อยๆ ถูกผลักออกจากรูหู จากด้านในไปด้านนอกช้าๆ โดยกว่าจะเดินทางไปถึงที่หมาย และหลุดออกจากรูหู = 2-3 สัปดาห์ ต่อมเหงื่อ (sweat glands) ในรูหู (หูชั้นนอก) ทำหน้าที่พิเศษ คือ จะเปลี่ยนสภาพไป เพื่อผลิตขี้ผึ้ง หรือแว็กซ์ (wax) ขี้ผึ้งหรือแว็กซ์ จะรวมตัวกับเศษเซลล์ผิวหนังที่ลอกหลุดตามธรรมชาติ กลายเป็น "ขี้หู" อีกต่อหนึ่ง การเคลื่อนไหวของขากรรไกร เช่น พูดคุย ดื่มน้ำ เคี้ยวอาหาร กลืนอาหาร ฯลฯ มีส่วนช่วยให้ขี้หูเดินทางไปสู่โลกภายนอกได้เร็วขึ้น . ศาสตราจารย์เซด (Prof Saeed) กล่าวว่า ขี้หูบอกความเป็นหนุ่ม หรือเป็นแก่ได้ คือ (ก). ขี้หูมักจะมีสีคล้ำขึ้นตามอายุ ยิ่งแก่ยิ่งเข้ม(สีเข้มขึ้น) (ข). ขนในรูหูจะยาวขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะในผู้ชาย ทำให้ผู้ชาย สว.(สูงวัย) บางคนมีขี้หูตกค้างมากขึ้น เนื่องจากขนที่ยาวขึ้น ทำให้ขี้หูเดินทางได้ช้าลง . (2). ขี้หูช่วยป้องกันเชื้อโรค . ขี้หู (ear wax) ประกอบด้วยน้ำมันขี้หู (waxy oils), เศษเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และสารอีกหลายอย่างปนกัน ภายในรูหู, มีต่อม 1,000-2,000 ต่อมที่ช่วยผลิตสารที่ช่วยป้องกันเชื้อโรค (anti-microbial peptides), ต่อมไขมันที่อยู่ติดกับเซลล์ขนหลั่งน้ำมัน โคเลสเตอรอล และสารกลุ่มแอลกอฮอล์ (squalene) การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ขี้หูของผู้หญิง-ผู้ชาย, เด็ก-คนสูงอายุ ไม่ต่างกันเท่าไร . (3). ขี้หูบ่งบอกสายพันธุ์หรือ DNA . สถาบันโมเนวล์ (Monell) จากฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ ค้นพบว่า คนบนโลกแบ่งชนชั้นตามขี้หูได้เป็น 2 พวกใหญ่ๆ พวกหนึ่งเป็นคนเอเชีย (Asian), อีกพวกหนึ่งเป็นคนที่ไม่ใช่เอเชีย (non-Asian) ความต่างกันอยู่ที่รหัสพันธุกรรม หรือ DNA ทำให้โลกเรามีขี้หู 2 ประเภท คือ แบบเปียก (wet) + แบบแห้ง (dry) - คนหมู่มากในโลก = พวก "ขี้หูเปียก"
- ชนกลุ่มน้อย = พวก "ขี้หูแห้ง" > พบมากในเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี)
. พวกขี้หูแห้ง พบมากในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี พวกนี้มีดีพิเศษ คือ "เต่า (กลิ่นรักแร้ = underarm body odour) ไม่แรง" . การศึกษาจากสหรัฐฯ วิจัยกลุ่มตัวอย่างคนผิวขาว (ฝรั่ง) + คนเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) พบว่า ขี้หูมีสารอินทรีย์ที่ระเหยง่าย ทำให้เกิดกลิ่น 12 กลุ่มด้วยกัน ในจำนวนนี้ (12 กลุ่ม), ขี้หูของคนคอร์เคเชียน (Caucasian = เชื้อสายฝรั่ง) มีระดับสารทำให้เกิดกลิ่นมากกว่าคนเอเชีย = 11/12 รายการ = ขี้หูฝรั่งมี "กลิ่นแรงกว่า" . (4). ขี้หูบอกมลภาวะ หรืออากาศเสีย (pollution) ได้ . การศึกษาในปลาวาฬสีฟ้า (blue whale) พบว่า ขี้หูของมันไม่ได้ถูกขับออกไปแบบคน ทว่า... จะมีการสะสมไว้เป็นวงปี คล้ายๆ "วงปี" ของต้นไม้ (tree rings) วงปีของต้นไม้ เกิดจากการโตเร็วในช่วงฤดูฝน, โตช้าในช่วงแล้งน้ำ ขี้หูปลาวาฬสีฟ้า อาจมีขนาดถึง 24 เซนติเมตร = ประมาณ 9 นิ้วครึ่ง . การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ พบว่า ขี้หูของปลาวาฬตัวผู้ที่มีอายุ 12 ปี มีการสะสมสารพิษหลายอย่าง เช่น ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ช่วงที่พบความเข้มข้นสารพิษสูง คือ ช่วง 1 ขวบแรก ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่อยู่ในท้องแม่ หรือกินนมแม่ การศึกษานี้พบว่า ช่วงที่ปลาวาฬสีฟ้าหลั่งฮอร์โมนเครียด (stress hormone / cortisol) ออกมามาก จนตรวจพบเพิ่มขึ้นในขี้หูได้ คือ ช่วงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น . ช่วงนี้ปลาวาฬสีฟ้าจะแข่งกัน "หาคู่" เลยต้องเครียดกันหน่อย . เรื่องที่ลืมไม่ได้ในเรื่องขี้หู คือ (1). ไม้พันสำลี (cotton buds) อาจทำให้ขี้หูแห้งขึ้น แข็งขึ้น จับตัวเป็นก้อนแข็งง่ายขึ้น เพิ่มเสี่ยงภาวะขี้หูอุดตันมากขึ้น (impact cerumen) . (2). ขี้หู ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (moisturizer) ต่อผิวหนังในรูหู ผิวหนังในรูหูก็คล้ายกับผิวหนังทั่วไป คือ ยิ่งแห้งยิ่งคัน เวลาคนเราผิวแห้ง > โลชั่น น้ำมัน หรือครีมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น > ทำให้อาการคันลดลง ขี้หู เป็น "โลชั่น" ของรูหู > ภาวะขี้หูแห้ง เพิ่มเสี่ยงอาการคันในรูหู อาจารย์หมอหูอังกฤษ (UK) แนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอก หยอดหูก่อนนอน 2 ครั้ง/สัปดาห์ . (3). ผิวหนังในรูหู บอบบางมาก อย่าใช้ไม้เขี่ยหูร่วมกับคนอื่น และอย่าให้ช่างตัดผมใช้ไม้เขี่ยหู หรือแหย่อะไรไปในรูหู เพราะการเขี่ยหู อาจทำให้เกิดแผลถลอก ไม้เขี่ยหู อาจมีไวรัสตับอักเสบ หรือโรคติดต่อทางเลือดได้ . วิธีที่น่าจะดี คือ หลังอาบน้ำ, ให้ใช้ผ้าบางๆ หุ้มนิ้วมือเช็ดหู + งดใช้ไม้พันสำลี ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
Create Date : 27 มีนาคม 2557 |
Last Update : 27 มีนาคม 2557 12:18:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 834 Pageviews. |
|
|
|